Lost in Paradise by Benzilla at RCB


Lost in Paradise : เจ้า LOOOK อาสาพาคุณท่องไปในแดนดินแห่งมายาคติในนิทรรศการครั้งใหม่ของ Benzilla ที่ River City Bangkok


หลังจากปลายปีที่ผ่านมา River City Bangkok ร่วมกับ Trendy Gallery ได้ชวน Benzilla มาถ่ายทอดผลงานในนิทรรศการศิลปะอย่าง Midnight Call ที่ชวนเราไปตกผลึกถึงตัวตนและความรู้สึกนึกคิดอันจริงแท้ที่อยู่ในตัวเราทุกคน ครั้งนี้เบนซิลล่ากลับมาอีกครั้งพร้อมกับเจ้า LOOOK ปีศาจสามตาที่ทุกคนคุ้นเคย ผู้รับหน้าที่เป็นมัคคุเทศก์พาทุกคนเดินทางไปสำรวจสังคมรอบกาย ว่าแท้จริงแล้วโลกแห่งมายาคติที่เรามองเป็นแดนสวรรค์นั้นมันจริงแท้แค่ไหน ใน LOST IN PARADISE นิทรรศการครั้งใหม่ล่าสุดของเขา

เบนซ์ ปริญญา ศิริสินสุข หรือที่คอศิลปะคุ้นเคยกันในชื่อ Benzilla เล่าให้เราฟังถึงคอนเซ็ปต์งานสีสันสดใสชุดนี้ว่า หากนิทรรศการครั้งที่แล้วอย่าง Midnight Call คือการสำรวจโลกภายใน (Inside Out) ครั้งนี้นิทรรศการก็จะพาเราไปตั้งคำถามกับโลกภายนอก (Outside in) ไม่ว่าจะเป็นค่านิยมของสังคมที่วิ่งเร็วยิ่งกว่าอินเตอร์เน็ต 5G หรือสิ่งเร้ามากมายที่เข้ามาทดสอบและยั่วยุกิเลสในตัวเราทั้งรัก โลภ โกรธ หลง

Lost In Paradise เป็นนิทรรศการที่พูดถึงความเชื่อ มายาคติ และสิ่งที่เราถูกหล่อหลอม กล่อมเกลา รับรู้มาผ่านสื่อจนเกิดเป็นชุดความคิดความเชื่อต่างๆ ให้เราคอยวิ่งไล่ตาม แต่เราจะรู้ได้อย่างไรล่ะว่าสิ่งไหนจริงแท้หรือไม่จริง สิ่งนี้ก็เป็นเหมือนกับลม เรารับรู้ว่ามันมีอยู่ แต่เราจะสื่อสารผ่านภาพ (Visual) ออกมายังไงให้เห็นล่ะว่ามันมีอยู่จริงๆ ก็เลยนึกถึงลูกโป่งขึ้นมา”

Benzilla อธิบายว่าเมื่อเราสูบลมเข้าไปในลูกโป่ง จนถึงจุดหนึ่งลูกโป่งก็อาจจะแตกออก เปรียบเหมือนคนเราที่วิ่งตามความโลภหรือความเชื่อบางอย่างมากเข้า ถึงจุดหนึ่งเมื่อมันมากเกินรับไหวและเกิดเหตุการณ์อะไรบางอย่างกับชีวิตเรา เราถึงจะกลับมาได้สติอีกครั้ง แต่ต่อให้ลูกโป่งเดิมแตกออก แต่หากเราไม่ตระหนักถึงสิ่งที่กำลังครอบงำเรา จูงจิตให้ใจยึดติดกับสิ่งนั้นจนกลายเป็นพันธนาการยึดเหนี่ยววิถีชีวิตไว้กับบริโภคนิยมเพียงเพราะเชื่อว่าสิ่งที่เห็นในสังคมนั้นควรค่าแก่การเสพสุข สุดท้ายลูกโป่งทั้งหลายก็จะพาชีวิตเราหลงทางไปไม่สิ้นสุด

นี่จึงเป็นเหตุผลที่พื้นที่จัดแสดงส่วนหนึ่งถูกประดับประดาไปด้วยลูกโป่ง เช่นเดียวกันกับผลงานภาพวาดกว่า 30 ชิ้นในงานที่ล้วนมีลูกโป่งเป็นสัญลักษณ์สำคัญที่ถูกใช้เพื่อบอกเล่าเรื่องราวในภาพ ไม่ว่าจะเป็นภาพลูกโป่งถุงเงิน ที่หมายถึงความโลภที่ไม่สิ้นสุด ความอยากได้อยากมี สถานะและหน้าตาทางสังคม มันอาจจะพองลูกโป่งและพาให้เราล่องลอยไปถึงไหนต่อไหนโดยไม่รู้ทิศทางหากไม่มีสติมากพอด้วยอำนาจของเงิน

รวมทั้งภาพสื่อผสมที่วาดด้วยสีชอล์คน้ำมันซึ่งทำให้เรานึกถึงการระบายสีเทียนของเด็กๆ ที่หยอกล้อกับความไม่เดียงสา และหลงเชื่อไปตามที่สังคมหลอกหรือบอกให้เราเป็น เหมือนกับเด็กๆ ที่ยังไม่มีวิจารณญาณในการวิเคราะห์หรือแยกแยะความเป็นจริง โดยลูกเล่นสนุกๆ ของภาพเซ็ตนี้คือเชือกที่มัดลูกโป่งเอาไว้เป็นเชือกจริงๆ ที่ผู้ชมสามารถไปถือเพื่อถ่ายรูปได้

แต่ก็ยังแฝงไปด้วยสัญญะที่เฉียบคมแต่เข้าใจง่าย เช่น ลูกโป่งรูปหัวใจ ซึ่งให้ความหมายถึงความรักความสัมพันธ์ที่เป็นเหมือนบ่วงที่ฉุดรั้งเราเอาไว้ แม้บางครั้งเราอยากจะตัดขาดหรือปล่อยมันไป แต่ความซับซ้อนของมันก็ทำให้ไม่สามารถตัดออกไปได้ เหมือนเชือกป่านที่พันตัวยุ่งเหยิง เราจึงจะสังเกตได้ว่าแม้นิทรรศการครั้งนี้จะมีสัญลักษณ์หลักอย่าง ‘ลูกโป่ง’ เป็นตัวเล่าเรื่อง แต่ภาพวาดแต่ละชิ้น ล้วนมีเรื่องเล่าและการสื่อสารที่ชัดเจนเป็นของตนเอง และมีความเข้าใจง่าย อาศัยการตีความที่ไม่ซับซ้อนเท่าใดนัก

“อาจจะเพราะนิทรรศการชุดนี้เป็นชุดที่เราคลุกคลีอยู่กับลูกเยอะ มันเลยทำให้สิ่งที่เราคิดหรือสื่อสารออกมาค่อนข้างไม่ซับซ้อน เข้าใจง่าย (Simplify) ขึ้นกว่าเดิม” ศิลปินหนุ่มเผยว่าการได้ดูแลลูกสาววัย 5 ขวบไม่เพียงแค่เปลี่ยนแปลงวิธีคิดหรือวิธีการทำงานเท่านั้น แต่แทบจะเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตของเขาไปทุกอย่าง ทั้งความใจเย็นที่มากขึ้น และทัศนคติที่เปิดกว้างรับฟังมากขึ้น

และสิ่งนั้นก็สะท้อนออกมาในผลงานราวกับเป็นสมุดบันทึกว่าในช่วงเวลาหนึ่งนี่คือสิ่งที่เขาเป็น ตั้งแต่วิธีการสื่อสาร ไปจนถึงโทนสีที่ในครั้งนี้จะมีความเบาขึ้น ดูสว่างสดใสขึ้นกว่าครั้งที่ผ่านมา แต่ก็ยังไม่ทิ้งลายเส้นและตัวตนอันเป็นเอกลักษณ์ของเจ้าตัว เต็มไปด้วยกลิ่นอายลายกราฟิตี้ และความเท่จากดนตรีฮิปฮอป และป็อปร็อคยุค 90s โดยเจ้าตัวมองว่างานครั้งนี้สามารถพูดคุยกับคนดูได้ง่าย และอยากสื่อสารมันไปถึงผู้ชมทุกเพศทุกวัย ดังนั้นครอบครัวไหนที่อยากพาเจ้าตัวเล็กมาเดินชมงานศิลปะ บอกเลยว่านิทรรศการนี้เหมาะเป็นที่สุด

ส่วนใครที่อยากเก็บภาพประทับใจกลับไปเป็นที่ระลึก ก็ยังสามารถถ่ายภาพกับตู้ Photobooth หน้านิทรรศการ รวมทั้งจับจองเป็นเจ้าของเสื้อยืดพิมพ์ลายได้ที่ The Gallery Shop ชั้น 1 นอกจากนี้ศิลปินหนุ่มยังเผยว่าในช่วงกลางเดือนมิถุนายนจะมีกิจกรรมพิเศษสำหรับนิทรรศการครั้งนี้ด้วย แต่จะเป็นอะไรนั้น Benzilla กระซิบว่าต้องคอยติดตามอัพเดตทาง Instagram ด้วยตนเอง เร็วๆ นี้!

นิทรรศการ Lost in Paradise เปิดให้เข้าชมฟรีตั้งแต่วันที่ 20 พฤษภาคม – 25 มิถุนายน พ.ศ.2566
ณ RCB Galleria 1 ชั้น 2 ริเวอร์ ซิตี้ แบงค็อก

ติดตามผลงานของศิลปินได้ทาง Instagram: @benzilla__


Credit:
Photos: Courtesy of River City Bangkok, Trendy Gallery Bangkok and Benzilla Official


อ่านเรื่องราวที่น่าสนใจอื่นๆ ได้บน Padthai.co

Share:

Facebook
Twitter
Pinterest
LinkedIn
On Key

Related Posts

Tiffany & Co. “Love For Our Oceans”

Post Views: 17 Tiffany & Co. สานต่อจิตวิญญาณรักษ์โลกกับ Love For Our Oceans และเปิดตัวกำไลรักษ์ทะเล T Smile by Tiffany Tiffany & Co. แบรนด์เคร…

Your Tarot Weekly

Post Views: 79 คำพยากรณ์รายสัปดาห์ระหว่างวันอาทิตย์ที่ 20 ตุลาคม – วันเสาร์ที่​ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2567 โดย​ มาดามราเชล วันอาทิตย์ นิสัย​ของดาว : ยศศักดิ์…

Maurice Lacroix AIKON Titanium Collection

Post Views: 19 Maurice Lacroix เสนอคอลเลคชัน AIKON Titanium ถึง 2 รุ่นอย่าง AIKON Automatic Titanium และ AIKON Automatic Chronograph Titanium Maurice …

Cartier “Nature Sauvage”

Post Views: 18 Cartier (คาร์เทียร์) เผยมุมมองที่แตกต่างของคอลเลกชันเครื่องประดับชั้นสูง “Nature Sauvage” Cartier (คาร์เทียร์) แบรนด์เครื่องประดับและนา…

Fope Unveils Luna Full Moon and Bubble collection

Post Views: 18 Fope เผยโฉม 2 คอลเลกชัน ดีไซน์สง่างามเหนือกาลเวลา รังสรรค์จากเทคนิค Flex’it Fope (โฟเป้) แบรนด์เครื่องประดับชั้นนำจากอิตาลี ก่อตั้งขึ้น…