รู้จัก ‘รัมเซย์ฮันท์ ซินโดรม’ อาการป่วยอัมพาตครึ่งหน้าที่เป็นสาเหตุให้ Justin Bieber ต้องเลื่อนทัวร์คอนเสิร์ต
นับเป็นข่าวใหญ่ที่ทำเอาแฟนๆ ทั่วโลกรวมถึงแฟนชาวไทยตกอกตกใจไม่น้อย หลังจากหนุ่ม Justin Bieber ออกมาประกาศผ่านทางอินสตาแกรมส่วนตัวเกี่ยวกับการพักการแสดงคอนเสิร์ต Justice World Tour ชั่วคราว และเลื่อนทัวร์ตามกำหนดออกไปก่อนเนื่องจากตรวจพบว่าตนเองมีอาการป่วยอัมพาตครึ่งหน้าหรือ รัมเซย์ฮันท์ ซินโดรม (Ramsay Hunt Syndrome) ซึ่งส่งผลให้เขาไม่สามารถขึ้นเล่นคอนเสิร์ตได้เต็มที่ตามปกติได้ จึงต้องขอเวลาในการพักรักษาตัว รวมถึงกายภาพบำบัดจนกว่าร่างกายจะกลับมาเป็นปกติ
“คุณจะเห็นว่าดวงตาข้างนี้ของผมกะพริบไม่ได้ และใบหน้าฝั่งนี้ไม่สามารถยิ้มได้ รูจมูกของผมแทบไม่ขยับเลย เพราะหน้าของผมซีกนี้เป็นอัมพาตอย่างสิ้นเชิงทั้งหมดเลย” จัสตินอธิบายก่อนจะบอกกับแฟนๆ ถึงคอนเสิร์ตว่าเขาเองก็จริงจังกับการทัวร์คอนเสิร์ตครั้งนี้มาก แต่การป่วยในครั้งนี้เป็นเหมือนสัญญาณเตือนจากร่างกาย ว่าร่างกายของเขาเหนื่อยสะสมมาเป็นเวลานานและเริ่มจะไม่ไหว ดังนั้นเขาจึงต้องขอเวลาในการพักผ่อนเพื่อฟื้นฟูร่างกายของตนเองให้กลับมาเป็นปกติอีกครั้ง
แม้จะยังไม่มีประกาศอัพเดตออกมาเพิ่มเติมว่า การเลื่อนทัวร์คอนเสิร์ตนี้จะกระทบกับ Justin Bieber Justice World Tour Bangkok ที่จะมีขึ้นในเดือนพฤศจิกายนที่จะถึงนี้หรือเปล่า แต่หลายคนก็ยังคงสงสัยว่าแล้วโรคใบหน้าอัมพาตครึ่งซีกนี้เกิดมาจากสาเหตุอะไร และร้ายแรงมากแค่ไหน จัสตินจึงถึงกับต้องเลื่อนการทัวร์รอบโลกในคอนเสิร์ตใหญ่ที่มีตารางงานมากกว่า 100 วันตลอดปีพ.ศ. 2565 ยาวไปจนถึงปีพ.ศ. 2566
วันนี้ Padthai.co จึงขอพาทุกคนไปทำความรู้จักอาการของโรคนี้ พร้อมวิธีสังเกตอาการคร่าวๆ ด้วยตนเองกัน
โรครัมเซย์ฮันท์ ซินโดรม (Ramsay Hunt Syndrome) ที่จัสตินกำลังเป็นเกิดจากไวรัส Varicella-Zoster ซึ่งเป็นไวรัสก่อโรคอีสุกอีใส หรือ งูสวัด แม้ว่าผู้ป่วยที่เคยเป็นอีสุกอีใสจะหายสนิทนานแล้ว แต่ไวรัสจะซ่อนอยู่ตามปมประสาทโดยไม่ก่อให้เกิดโรค แต่ก็มีโอกาสที่ไวรัสตัวนี้จะเข้าไปทำลายเส้นประสาทสมองคู่ที่ 7 จนติดเชื้อและเกิดการอักเสบ ซึ่งจะนำไปสู่อาการอัมพาตครึ่งซีกบนใบหน้า โดยโรคนี้จะพบมากในผู้ป่วยทีร่างกายอ่อนแอหรือภูมิคุ้มกันต่ำกว่าปกติ ทั้งจากความเครียด การพักผ่อนน้อย พักผ่อนไม่ตรงเวลา และการเหนื่อยสะสมมาเป็นเวลานานทำให้ร่างกายติดเชื้อได้ง่าย
อาการเบื้องต้นของรัมเซย์ฮันท์ ซินโดรม หลังจากไวรัสเข้าไปรบกวนการทำงานของเส้นประสาทสมองคู่ที่ 7 จนติดเชื้อและเกิดการอักเสบ ในเบื้องต้นผู้ป่วยจะเริ่มมีอาการอักเสบ ปวดบวมบริเวณใบหูข้างใดข้างหนึ่ง และพบตุ่มน้ำใสที่ทำให้รู้สึกคันคล้ายอาการของโรคอีสุกอีใสบริเวณใบหู ทำให้มีอาการปวดหู สมรรถภาพการฟังลดลง รวมทั้งมีปัญหาเกี่ยวกับการทรงตัวร่วมด้วย อาจจะรู้สึกวิงเวียนศีรษะเหมือนบ้านหมุน และลงท้ายด้วยการที่ใบหน้าจะเกิดภาวะอัมพาตครึ่งซีก ทำให้ไม่สามารถขยับกล้ามเนื้อบนใบหน้า รวมไปถึงการยิ้มหรือกะพริบตาได้เลย เนื่องจากเส้นประสาทสมองคู่นี้ทำหน้าที่เลี้ยงกล้ามเนื้อใบหน้านั่นเอง
แม้รัมเซย์ฮันท์ ซินโดรมจะเป็นอาการที่เกิดขึ้นชั่วคราวจากการอักเสบติดเชื้อของเส้นประสาทสมอง แต่หากปล่อยไว้เรื้อรังอาการนี้ก็สามารถกลายเป็นอาการป่วยถาวรได้ และอาจมีอาการแทรซ้อนที่ทำให้สูญเสียการได้ยินแบบถาวร เนื่องจากเส้นประสาทนี้ส่งผลต่อการทำงานของหูชั้นใน รวมทั้งอาจจะทำให้ดวงตาเกิดความเสียหาย เนื่องจากอาการใบหน้าอัมพาตครึ่งซีกจะทำให้การหลับตามีปัญหาจากการปิดเปลือกตาไม่สนิท จนอาจะทำให้ดวงตาได้รับความเสียหาย อักเสบ หรือสูญเสียทัศนวิสัยที่ชัดเจน
นอกจากนั้นอาจจะทำให้เกิดอาการที่เรียกว่า Postherpetic neuralgia หรืออาการปวดปลายประสาทตามหลัง ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการปวดบริเวณใบหูที่เคยมีตุ่มใส แม้ว่าจะหายจากโรครัมเซย์ฮันท์จะหายสนิทนานแล้ว แต่อาการปวดปลายประสาทตพามหลังนี้จะยังคงเรื้อรังอยู่เป็นระยะ นานหลายสัปดาห์หรือในบางกรณีก็มีอาการนานหลายเดือน
จากที่กล่าวมาทั้งหมด วิธีในการป้องกันโรครัมเซย์ฮันท์ ซินโดรมที่ง่ายที่สุดในเบื้องต้น คือการฉีดวัคซีนป้องกันโรคอีสุกอีใสและโรคงูสวัด เพื่อไม่ให้เชื้อไวรัสนี้เข้าไปแฝงตัวในร่างกายตั้งแต่แรก นอกจากนั้นคือการรักษาสุขภาพร่างกายตนเองด้วยการพักผ่อนให้เพียงพอ แบ่งเวลาการทำงานและการพักผ่อนอย่างชัดเจนเพื่อไม่ให้ร่างกายเหนื่อยล้าสะสม ทานอาหารที่มีประโยชน์ และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอเพื่อให้ร่างกายมีภูมิคุ้มกันที่แข็งแรง
แต่สำหรับผู้ที่พบว่าตัวเองมีอาการป่วยรัมเซย์ฮันท์ ซินโดรม ก็ควรเข้าพบแพทย์ให้เร็วที่สุดเพื่อรับการรักษาตามอาการและใช้ยาต้านไวรัส เพราะยิ่งรักษาได้เร็วเท่าไหร่ ก็จะช่วยลดการแทรกซ้อนของโรคและอาการป่วยที่จะตามมา ดังนั้นใครที่รู้ตัวว่าพักผ่อนน้อยและป่วยง่ายเนื่องจากภูมิคุ้มกันต่ำ ต้องหมั่นสังเกตอาการของตนเองให้ดี เพื่อจะได้รับการรักษาจากแพทย์อย่างทันท่วงทีนั่นเอง
RAMSAY HUNT SYNDROME’S FACT FILE
กลุ่มผู้ป่วยที่มีความเสี่ยง
- ผู้ป่วยที่เคยเป็นโรคอีสุกอีใสและงูสวัด
- ผู้ป่วยที่อ่อนเพลีย พักผ่อนน้อย หรือพักผ่อนไม่ตรงเวลาสะสมเป็นเวลานาน
- ผู้ป่วยที่มีภาวะเครียด
- ผู้ป่วยที่มีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง
- โดยมากจะพบในผู้ป่วยอายุ 60 ปีขึ้นไป และไม่ค่อยพบในเด็กเล็ก
แนวทางการป้องกัน
- รับวัคซีนป้องกันโรคอีสุกอีใส ซึ่งจะป้องกันโรคอีสุกอีใสได้ตลอดชีวิตและลดความเสี่ยงในการเกิดโรครัมเซย์ฮันท์ โดยสามารถรับวัคซีนได้ตั้งแต่อายุ 1 ปี แต่หากอายุมากกว่า 13 ปี จะต้องฉีดวัคซีนทั้งหมด 2 เข็ม โดยเว้นระยะห่างกันประมาณ 4-8 สัปดาห์
- รับวัคซีนป้องกันโรคงูสวัด
- พักผ่อนให้เพียงพอวันละ 8-10 ชั่วโมง รับประทานอาหารที่มีประโยชน์และออกกำลังกายอยู่เสมอ เพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกันที่แข็งแรงให้กับร่างกาย
- แบ่งเวลาในชีวิตให้สมดุลย์ และหมั่นหาวิธีบำบัดความเครียดของตนเองผ่านงานอดิเรก
อาการเบื้องต้น
- หูมีอาการปวดบวม อักเสบ
- หูอื้อ สมรรถภาพทางการฟังลดลง
- บริเวณใบหูมีตุ่มใสคล้ายอีสุกอีใสขึ้น แสบคัน
- วิงเวียนศีรษะ มีปัญหาในการทรงตัว บ้านหมุน
- การรับรู้รสชาติอาหารผิดเพี้ยน
- หลับตาหรือปิดเปลือกตาได้ลำบาก ตาแห้ง
- ใบหน้าซีกใดซีกหนึ่งไม่สามารถขยับได้
แนวทางการรักษา
รับยาต้านไวรัสและรักษาตามอาการตามคำแนะนำของแพทย์ ร่วมกับการกายภาพบำบัดกล้ามเนื้อบนใบหน้า และพักผ่อนอย่างเพียงพอเพื่อให้ร่างกายฟื้นตัวโดยเร็ว อาจมีการใช้คอร์ติโคสเตียรอยด์เพื่อช่วยกระตุ้นผลของยาต้านไวรัส ร่วมกับการใช้ยาต้านความวิตกกังวลและยาแก้ปวดตามอาการ
วิธีปฏิบัติตัวเมื่อพบว่ามีอาการ
หากสังเกตอาการแล้วพบว่ามีความผิดปกติตามข้อมูลข้างต้น ให้รีบเข้าพบแพทย์โดยเร็วที่สุด เพื่อลดอาการแทรกซ้อนที่รุนแรงในระยะยาว
ขอขอบคุณข้อมูลจาก โรงพยาบาลเปาโล โรงพยาบาลพญาไท และ Mayo Clinic สหรัฐอเมริกา
CREDIT:
PHOTOS: COURTESY OF JUSTIN BIEBER AND MAYO FOUNDATION FOR MEDICAL EDUCATION
อ่านเรื่องราวที่น่าสนใจอื่นๆ ได้บน Padthai.co
- จับเข่าคุยกับ 4 หนุ่ม กุกฮอน แกงส้ม ตะแตม แดนนี่ อุ่นเครื่องความสนุกก่อนงานมีตแอนด์กรี๊ด Thailand Society Get Together with OGME Family x Kim KookHeon พร้อมเพลงพิเศษ ลอย (Cloud9) ที่กุกฮอน รับหน้าที่เขียนเนื้อภาษาเกาหลีเองกับมือ
- เปิดบ้าน Harry’s House และหาคำตอบว่าทำไมใครๆ ก็รัก Harry Styles – จากเพลงฮิต As It Was สู่ Daylight และการทัวร์อเมริกาเหนือ เพื่อรณรงค์ยุติความรุนแรงจากปืนหลังเหตุกราดยิงในโรงเรียนประถม รัฐเท็กซัส
- พี่น้องดัฟเฟอร์เผย “พวกเราไม่ได้ตั้งใจลืมวันเกิดของวิล!” / เดวิด ฮาเบอร์ลดน้ำหนักกว่า 30 กิโลกรัมเพื่อรับบทจิม ฮ็อปเปอร์ในซีซันใหม่ / มิลลี่ บ็อบบี้ บราวน์ให้ความเห็น “ดัฟเฟอร์ควรเริ่มฆ่าตัวละครหลักได้แล้ว!” อ่านเรื่องราวสนุกๆใน More About Stranger Things 4 ก่อนชมซีรีส์พาร์ต 2 กรกฎาคมนี้
- ตารางงานแบบเบิ้มๆ ! อัพเดตตารางงานจาก BTS โปรเจกต์เพลงรีมิกซ์ My BTS Tracks / รายการวิทยุ BTS RADIO ทาง AppleMusic / ภาพชุดแรกจากอัลบัม Proof และการได้รับเชิญไปเยือนทำเนียบขาวเพื่อพบโจ ไบเดน
- It’s Not Easy to Be Blackpink : “มันไม่ง่ายเลยที่จะยืนตรงนี้!” 4 สาว โรเซ่ เจนนี่ จีซู ลิซ่า Blaclpink เปิดใจถึงเรื่องราวก่อนก่อนเดบิวต์ ความเจ็บป่วยทางใจ และการเตรียมตัวครั้งใหม่สำหรับคัมแบ็ค