Indie watches 2021 รวมดาวนาฬิกา Independent Watches ที่เปิดตัวรุ่นใหม่รับปีค.ศ. 2021
ไม่ใช่มีแค่แวดวงดนตรีหรือเวทีแฟชั่น แต่วงการนาฬิกาเองก็มีแบรนด์อินดี้กับเขาด้วย และนี่คือการรวมดาวนาฬิกา Indie หรือ Independent Watches ที่เรียกได้ว่ากำลังมาแรงจากการเปิดตัวผลงานใหม่รับปีค.ศ. 2021
MB&F Horological Machine N°9 ‘Sapphire Vision’ – aka HM9-SV (เอ็มบีแอนด์เอฟ โอโรโลจิเคิล แมชชีน นัมเบอร์9 แซฟไฟร์ วิชั่น – เอเคเอ เอชเอ็ม9-เอสวี)
หากยังจำกันได้เมื่อสองปีก่อน เอ็มบีแอนด์เอฟ (MB&F) แบรนด์สุดอินดี้เจ้านี้ได้เปิดตัว Horological Machine N°9 หรือชื่อเล่นว่า HM9 ‘Flow’ ซึ่งอุทิศงานออกแบบให้กับยานยนต์และการบินของยุค 1940s และ 50s กันมาแล้ว และปีนี้ ก็ตามมาด้วยความอินดี้ของสมาชิกใหม่ใน HM9 ‘Sapphire Vision’ หรือ aka HM9-SV โดยความพิเศษยังคงอยู่ที่การผลิตตัวเรือนแบบสามมิติขึ้นจากคริสตัลแซฟไฟร์แทบทั้งหมด และเพิ่มด้วยประสิทธิภาพการกันน้ำได้ลึก 30 เมตร จากการผสมผสานนวัตกรรมพร้อมสิทธิบัตรของปะเก็นยาง รูปทรงสามมิติและสารประกอบเคมีสุดไฮเทค ซึ่งผ่านกระบวนการผลิตในโรงงานของตนองภายใต้สภาวะสุญญากาศ และอุณหภูมิสูง เพื่อให้ผลลัพธ์เป็นนาฬิการูปทรงแปลกตาสไตล์แบรนด์อินดี้ที่กันน้ำได้ ตรงกับคอนเซ็ปต์ของรุ่นสำหรับดำดิ่งสู่ใต้ท้องทะเล หลังจากที่สองรุ่นก่อนหน้านี้ของ HM 9 ‘Flow’ นั้นเป็นเวอร์ชั่น ‘Air’ และ ‘Road’ มาแล้ว รุ่นใหม่นี้ยังคงแสดงเวลาบนหน้าปัดคริสตัลแซฟไฟร์ ขนาบข้างด้านบนด้วยกระจกแซฟไฟร์ทรงโค้งโดม โชว์บาลานซ์ของกลไกและสมองจักรกลระหว่างกลาง ที่ทำหน้าที่ประสานการทำงาน โดยจะผลิตขึ้นทั้งหมดสี่เวอร์ชั่น แตกต่างกันด้วยวัสดุของโครงตัวเรือน และผลิตในจำนวนจำกัด เพียงเวอร์ชั่นละห้าเรือน
Urwerk UR-100V T-Rex (อูร์เวิร์ก ยูอาร์-100วี ที-เร็กซ์)
ถ้าพูดถึงเรื่องความแหวกแนวสไตล์แบรนด์อินดี้ ก็ต้องยกให้กับอูร์เวิร์ก (Urwerk) แบรนด์อิสระที่ตั้งชื่อตามเมืองอูร์ (Ur) หนึ่งในเมืองโบราณที่นับเป็นต้นอารยธรรมเมโสโปเตเมีย รวมถึงเป็นต้นกำเนิดแรกๆ ของการคิดค้นการวัดค่าเวลา ส่วนคำว่า Werk มีความหมายถึงการทำงาน การสร้างสรรค์ในภาษาเยอรมัน โดยแบรนด์นี้ยังมาพร้อมคอนเซ็ปต์ของการแสดงเวลาแบบ satellite ที่เป็นเอกลักษณ์ ซึ่งล่าสุดได้ปล่อยตัวผลงานใหม่ในคอลเลกชั่น UR-100 ด้วยชื่อสุดเก๋ว่า U-100V T-Rex ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากรูปทรงซึ่งดูคล้ายกับเจ้า Tyrannosaurus rex (ไทแรนโนซอรัส เร็กซ์ มีชื่อย่อว่า ที เร็กซ์ สกุลหนึ่งของไดโนเสาร์กินเนื้อขนาดใหญ่) สูง 12 ฟุต และมีเขี้ยวขนาดใหญ่กับฟันอันแหลมคมราวกับกริช โดยตีความมาสู่นาฬิกาตัวเรือนขนาด 41 มม. ที่ยังคงแสดงเวลาชั่วโมงแบบ satellite กับระบบขึ้นลานอัตโนมัติใหม่ ซึ่งซ่อนอยู่ใต้เกล็ดผิวหนังลายโมเสกของตัวเรือน ทำจากบรอนซ์ผ่านกระบวนการเคลือบพิเศษ เพื่อเผยให้เห็นลายเกล็ดของผิวหนังทั้งด้านบนและด้านข้างได้อย่างมีมิติ กับสีบรอนซ์ที่ดูโดดเด่น ส่วนฝาหลังเป็นไทเทเนียมเคลือบ PVD สีดำ เป็นมิตรต่อผิวข้อมือของเจ้าของเรือนเวลา พร้อมด้วยกระจกใสโชว์โรเตอร์ ซึ่งจับคู่ด้วยอุปกรณ์ Windfänger (วินด์แฟงเงอร์) เพื่อช่วยป้องกันความเสียหายจากการไขลานมากเกินไป รวมทั้งการสึกหรอ นอกจากนี้ยังบรรจุด้วยการแสดงระยะทางที่โลกเดินทางผ่านเส้นศูนย์สูตร ในช่วงระยะเวลา 20 นาทีบนสเกลที่ 9 นาฬิกา ส่วนสเกล 20 นาที บนอีกด้านของหน้าปัดโชว์ระยะทาง 35,742 กิโลเมตร ที่โลกเดินทางโคจรรอบดวงอาทิตย์ในช่วงเวลานั้น สำหรับรุ่นใหม่สุดอินดี้นี้ผลิตจำนวนจำกัดเพียง 22 เรือน
De Bethune DB Kind of Two Tourbillon (เดอ บีธูน ดีบี ไคนด์ ออฟ ทู ทูร์บิญง)
ต้องขอบคุณให้กับความเป็นแบรนด์อิสระ ที่ทำให้ทุกความคิดสุดแปลกแหวกแนวในการสร้างสรรค์นาฬิกาของ เดอ บีธูน (De Bethune) นั้นเป็นจริงขึ้นมาได้เสมอ เหมือนกับแนวคิดใหม่สุดบรรเจิด ของการประดิษฐ์นาฬิกาข้อมือสองหน้าที่พลิกกลับด้านได้ และแต่ละด้านยังสามารถแสดงเวลาสุดซับซ้อนได้ทั้งคู่ ในผลงานรุ่นใหม่ของ DB Kind of Two Tourbillon ประกอบด้วยด้านหน้าออกแบบอย่างร่วมสมัยสำหรับแสดงเวลาชั่วโมงและนาทีบนหน้าปัดกลาง เช่นเดียวกับเปิดโชว์ Tourbillon ที่ 6 นาฬิกา ซึ่งหมุนรอบพร้อมกับแสดงเวลา 30 วินาที ส่วนอีกด้านเป็นหน้าปัด ที่บรรจุด้วยความสวยงามประณีตจากการแกะสลักลาย guilloché (กีโยเช่ การแกะลายแบบไขว้) ด้วยมือบริเวณส่วนกลางหน้าปัด และรายล้อมด้วยตัวเลขแสดงเวลาออกแบบด้วยรูปทรงพิเศษ ที่เคยปรากฏมาแล้วในผลงานรุ่น DB8 และ DB10 ซึ่งรุ่นนี้ต้องยอมรับว่าเป็นการขบคิดด้านจักรกลสุดอัจฉริยะ เพราะจำเป็นต้องปรับโครงสร้างของชิ้นส่วนกลไกหลักๆ อย่างเกียร์เฟืองและเฟืองประกอบต่างๆ ให้สามารถทำงานได้บนทั้งสองด้าน เช่นกันกับเข็มชี้ที่จะต้องหมุนในทิศทางที่ถูกต้อง ไม่ว่าเราจะเลือกใส่หน้าปัดด้านใด และแน่นอนว่าหัวใจสำคัญอีกอย่างคือ สถาปัตยกรรมและโครงสร้างตัวเรือนที่แบรนด์เองเชี่ยวชาญอยู่แล้ว ซึ่งนอกจากจะเน้นไปที่ความโค้งและยืดหยุ่นของหูสาย เพื่อให้รับไปตามความโค้งของข้อมือ ในรุ่นนี้ยังพัฒนาขึ้นอีกขั้น เพื่อช่วยให้เจ้าของสามารถพลิกกลับด้านนาฬิกาได้สะดวกสบาย และคงความสง่างามได้อย่างที่เห็น
H. Moser & Cie. Swiss Alp Watch Final Upgrade (เอช. โมเซอร์ แอนด์ ซี. สวิส แอลป์ วอช ไฟนัล อัปเกรด)
มองผิวเผินคุณอาจคิดว่านี่คือ smartwatch แต่จริงๆ แล้วไม่ใช่ เพราะนี่คือ Swiss Alp Watch รุ่น Final Upgrade ใหม่ของปี 2021 ที่เปิดตัวล่าสุดโดย เอช. โมเซอร์ แอนด์ ซี. (H. Moser & Cie.) นาฬิกาแบรนด์เก่าแก่เกือบสองร้อยปี ที่ยังคงความอิสระในการสร้างสรรค์ผลงาน และยังคงดำเนินกิจการโดยสมาชิกของครอบครัวผู้ก่อตั้งอย่าง Moser family ซึ่งตัวอย่างของทั้งความคิดและนวัตกรรมการประดิษฐ์ที่ไม่เหมือนใครนั้น เห็นได้ชัดจากนาฬิการุ่นนี้ กับคอนเซปต์ Swiss Alp Watch ที่ต้องการรักษาไว้ด้วยคุณค่าของประเพณีการประดิษฐ์นาฬิกาจักรกลสวิสต้นตำรับ แม้ว่าจะอยู่ท่ามกลางการเติบโตของเทคโนโลยี connected watches ตลอดหลายปีที่ผ่านมา โดย Swiss Alp Watch ได้ตีความสู่ความทันสมัยของนาฬิกาจักรกลที่อัปเกรดได้เหมือนกัน ทั้งในแง่ของความสวยงามที่รุ่นใหม่นี้ยังคงมาพร้อมหน้าตาคล้าย smartwatches แต่เป็นนาฬิกาจักรกลอย่างสมบูรณ์ กับตัวเรือนสตีลเคลือบ DLC สีดำ คู่มากับหน้าปัดผลิตด้วยเทคโนโลยี Vantablack® (แวนทะแบล็ก) เพื่อให้ได้สีดำมืดที่สุดในโลก ทั้งยังไร้โลโก้หรือเครื่องหมายบอกเวลาใดๆ เว้นแต่เพียงเข็มชี้สีดำ และหน้าปัดแสดงวินาทีเล็กที่ 6 นาฬิกา ซึ่งออกแบบใหม่ในสไตล์ของดิสก์หมุนด้านใต้สำหรับแสดงวินาที ผ่านช่องเปิดเป็นรูปเครื่องหมายขีดบนหน้าปัด โดยได้ไอเดียมาจากลูกค้าที่ชื่นชอบคอลเลกชั่นนี้เป็นพิเศษ และยังมีส่วนร่วมในการออกแบบ Final Upgrade นี้ด้วย ส่วนภายในติดตั้งกลไกผลิตในโรงงานสวิส 100% และมอบพลังงานสำรองได้อย่างน้อย 96 ชั่วโมง แต่น่าเสียดายว่ารุ่น Final Upgrade นี้จะเป็นรุ่นปิดฉากของ Swiss Alp Watch โดยจะเป็นรุ่นสุดท้ายของคอลเลกชั่น ที่จะหยุดการผลิตลงดังนั้น คงไม่ต้องบอกว่านักสะสมนาฬิกาแบรนด์อินดี้จึงไม่ควรพลาดเก็บรุ่นนี้ไว้ด้วยประการทั้งปวง
CREDITS:
PHOTOS: COURTESY OF THE BRANDS
MUSIC: Never Get Out (bill berry mix) by William Berry (c) copyright 2007 Licensed under a Creative Commons Attribution (3.0) license. http://dig.ccmixter.org/files/williamberry/9466
ART DIRECTOR: Perayut Limpanastitphon
สามารถติดตามคอนเทนต์ นาฬิกา อื่นๆ ที่น่าสนใจได้ ที่นี่