Hermès ถ่ายทอดความงดงามของธรรมชาติและสรรพสัตว์บนตัวเรือนรุ่น Slim d’Hermès Le Sacre des Saisons
ถ่ายทอดของขวัญแห่งธรรมชาติและโลกสรรพสัตว์อันน่าอัศจรรย์ สะท้อนความเชี่ยวชาญอันแสนพิเศษ ผ่านผลงานการรังสรรค์ที่ประดับตกแต่งด้วยการลงยาอีนาเมลแบบ paillonné (ไปยอนเน เป็นเทคนิคการลงยาเป็นชั้นๆ ช่วงศตวรรษที่19) ผสมผสานงานแกะสลักและงานวาดภาพย่อส่วน ผ่านการตีความอันงดงามสดใสที่มีชีวิตชีวาตามวัฏจักรของฤดูกาล
Hermès (แอร์เมส) รังสรรค์ชิ้นงานจากฝีมือของเหล่าศิลปิน เปรียบเสมือนวัตถุแห่งชิ้นงานสร้างสรรค์ ในการสืบทอดอย่างมั่นคงที่ได้รับการตีความโดยเฮาส์ สู่ความโดดเด่นคุณลักษณะเฉพาะ เพื่อสร้างให้เป็นดั่งมิตรสหายคู่ใจอย่างแท้จริงสำหรับผู้สวมใส่ ผสานการใช้งานและฟังก์ชัน อันเป็นผลลัพธ์มาจากทักษะความเชี่ยวชาญ เปล่งประกายด้วยความมีชีวิตชีวาอันเหนือความคาดหมาย ที่แต่ละช่วงจังหวะเวลานั้นคือห้วงเวลาอันแสนพิเศษ
รังสรรค์โดยเหล่าศิลปินผู้เปี่ยมด้วยประสบการณ์ ถ่ายทอดความโดดเด่นจากหลากหลายทักษะอันเชี่ยวชาญ ผ่านผลงานเรือนเวลาอันน่าทึ่ง โดยผลงานแต่ละรุ่นนั้นเป็นเสมือนตัวแทนของแต่ละฤดูกาล ผสมผสานรูปสัตว์สี่ชนิดที่ดึงแรงบันดาลใจมาจากผ้าพันคอไหมของแบรนด์สู่มิติเชิงศิลป์บนหน้าปัดเรือนเวลา ภายใต้ความสมบูรณ์แบบของเฉดสีที่แตกต่างกัน รวมถึงรายละเอียดอันประณีตวิจิตรสะกดสายตา
ออกแบบขึ้นโดย Philippe Delhotal (ฟิลิปป์ เดโลตัล) ในปีค.ศ. 2015 เรือนเวลา Slim d’Hermès (สลิม เดอ’แอร์เมส) แสดงออกถึงหัวใจอันเป็นแก่นแท้ของเฮาส์แห่งนี้ คือความเป็นหนึ่งเดียวที่ได้มาจากความเป็นระเบียบและสมดุลยภาพอันน่าประทับใจ ด้วยเส้นสายอันบริสุทธิ์ที่ร่วมสมัย คงเหนือกาลเวลา ที่เชื้อชวนให้นึกถึงสไตล์อันมิอาจลอกเลียนแบบได้ ตลอดจนโลกแห่งจินตนาการของแอร์เมส โดยแสดงออกผ่านความหลากหลายของงานฝีมืออันหายากและหลายครั้งอยู่เหนือซึ่งความคาดหมาย ผสานด้วยความเข้มแข็งหนักแน่น แต่ก็เปี่ยมด้วยสัมผัสอันบางเบาอ่อนโยน ที่นับเป็นการหวนคืนสู่สัมผัสอันงดงามแห่งผ้าพันคอไหมที่มีชื่อว่า Le Sacre des Saisons (เลอ ซาคเครอ เด เซซองส์) งานออกแบบโดยศิลปิน Pierre Marie (ปิแอร์ แมรี)
สิงโตแผงคอรัศมีอาทิตย์ นกอินทรีกับปีกขนสีเขียวหนาที่สยายออก หมาป่าผู้สวมมงกุฎน้ำแข็ง และม้าที่ห่มไว้ด้วยอาภรณ์ดอกไม้โปรยปราย สัตว์แต่ละตัวนั้นล้วนเป็นสัญลักษณ์ของแต่ละฤดูกาล เป็นตัวแทนถึงการพรรณนาถึงจักรวาล และความมหัศจรรย์สไตล์บาโรกอันแสนวิเศษของนักออกแบบชาวฝรั่งเศส ความสวยงามของธรรมชาติ ผสานมิติแห่งเวลา ที่สะท้อนผ่านความรุ่มรวยของลวดลายอันงดงาม ได้แรงบันดาลใจมาจากเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายของเหล่านักเต้นบัลเลต์ชาวฝรั่งเศสและรัสเซียในยุคศตวรรษที่ 17 และศตวรรษที่ 20 เผยบนหน้าปัดอันงดงามแสนประณีตอย่างสง่างาม สู่ตัวเรือนทอง ผ่านอาณาจักรแห่งสัตว์อันแสนซุกซนเหล่านี้ สะท้อนถึงทักษะอันมีเอกลักษณ์เฉพาะหนึ่งเดียวอันล้ำค่า
Winter
สำหรับฤดูหนาว ถ่ายทอดความงดงามภายใต้ตัวเรือนไวท์โกลด์ สร้างสรรค์บนหน้าปัดด้วยภาพวาดย่อส่วนด้วยลวดลายของหมาป่าหิมะกระโจนอย่างสง่างาม ผ่านการรังสรรค์ขึ้นด้วยงานลงยาแบบไพลอนเน่ ประดับเพชรบาแกตต์คัต 52 เม็ด ผสานเทคนิคอันละเอียดอ่อนประกอบด้วยการแทรกเกล็ดทองและเงินไว้ระหว่างชั้นของงานลงยา เพื่อสร้างการเล่นแสง ความโปร่งใสและมิติแห่งภาพ
Spring
สะท้อนความสง่างามสำหรับฤดูใบไม้ผลินี้ บนตัวเรือนโรสโกลด์ ประดับเพชร 66 เม็ด ตกแต่งด้วยภาพของม้าที่โอบอุ้มด้วยอาภรณ์ดอกไม้อันสวยงาม ซึ่งถือกำเนิดจากสัมผัสอันมุ่งมั่นของศิลปินช่างผู้บรรจง ในการใช้พู่กันวาดภาพย่อส่วนหลากชั้นลงบนหินเลมอน คริสโซเพรส ถ่ายทอดความมีชีวิตชีวา
Summer
และสำหรับฤดูร้อนนี้ ถ่ายทอดบนตัวเรือนไวท์โกลด์ ประดับเพชร 66 เม็ด ผ่านงานแกะสลักของสัญลักษณ์ของสิงโตกับรัศมีแผงคออันเปล่งประกาย บนกระจกคริสตัลแซฟไฟร์และการวาดภาพจากพื้นหลังของหน้าปัด มอบมิติและความแวววาวเจิดจรัสของภาพ เปล่งประกายอย่างสง่างาม
Autumn
สุดท้าย สำหรับฤดูใบไม้ร่วงได้สร้างสรรค์ภายใต้ตัวเรือนไวท์โกลด์อันเพรียวบางผ่านงานแกะสลักทอง รูปทรงอันประณีตขึ้นภายใต้ร่องและมิตินูนต่ำของรูปสลัก ซึ่งใช้เครื่องมือแบบดั้งเดิม ในการทำ ทั้งเหล็กปลายแหลมและสิ่วในการรังสรรค์งาน ขณะที่ภาพวาดด้วยมือและมิติความลุ่มลึกต่างๆ นั้น เผยโฉมเป็นรูปนกอินทรีสีสันสดใส สยายปีกอย่างสง่า
โดยนาฬิกาถ่ายทอดความเชี่ยวชาญของทักษะในการประดิษฐ์นาฬิกาแอร์เมสทั้ง 4 รุ่น ได้แก่ Winter, Spring, Summer และ Autumn บนขนาดตัวเรือน 39.5 มิลลิเมตร ติดตั้งกระจกหน้าปัดและฝาหลังคริสตัลแซฟไฟร์กันแสงสะท้อน ฟังก์ชัน ชั่วโมงและนาที ขับเคลื่อนด้วยจักรกลไขลานอัตโนมัติบางพิเศษ Manufacture Hermès H1950 รังสรรค์ขึ้นในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ความถี่ 21,600 ครั้งต่อชั่วโมง สำรองพลังงาน 48 ชั่วโมง สามารถกันน้ำได้ 3 บาร์ (30 เมตร) ประดับคู่สายหนังจระเข้แบบด้านหรือแบบเรียบเนียน รังสรรค์ขึ้นภายใต้ความเชี่ยวชาญในการทำเครื่องหนังจากโรงงานของเฮาส์ ซึ่งรังสรรค์ต่อรุ่นเพียง 12 เรือนเท่านั้น
CREDITS:
PHOTOS: COURTESY OF HERMÈS