Sleep Sanctuary 6 Bedroom Design Tips for Better Sleep


6 ทริคจัดห้องนอนให้หลับลึกหลับสบายฝันดีตลอดคืนแบบไม่มีสะดุด พร้อมอัพเดท Diffuser ก้านไม้หอมอโรมาเธอราปีหลากหลายแนวกลิ่นที่ช่วยสร้างบรรยากาศแสนผ่อนคลาย พร้อมให้คุณสู่ดำดิ่งสู่ห้วงนิทราอย่างมีคุณภาพ


เพราะการนอนหลับเป็นการพักผ่อนที่ดีที่สุด คนเราต้องการการนอนหลับอย่างน้อยวันละ 5-8 ชั่วโมง เพื่อให้ร่างกายได้มีเวลาปรับสมดุลและเริ่มต้นสู่วันใหม่ได้อย่างสดชื่น แต่หากถูกขัดจังหวะระหว่างการนอนหลับอยู่บ่อยครั้ง ประสิทธิในการนอนอาจถูกลดทอนลงไป เป็นผลให้หลับไม่เต็มอิ่ม ตื่นนอนแล้วไม่กระปรี้กระเปร่าเท่าที่ควร

ปัญหาการนอนไม่หลับหรือนอนหลับยาก ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะผู้สูงอายุเท่านั้น ในวัยรุ่นหรือวัยทำงานอาจมีปัญหานอนไม่หลับได้เช่นกัน ซึ่งเกิดได้จากหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็นความเครียดสะสม การพักผ่อนไม่ตรงเวลานานๆ จนระบบการทำงานของร่างกายผิดปกติ ความไวต่อแสงและเสียงรบกวนที่อาจทำให้สะดุ้งตื่นง่าย หรือบรรยากาศในห้องนอนไม่เหมาะสมมีสิ่งรบกวนทำให้หลับๆ ตื่นๆ แต่ถ้าเราลองจัดสภาพแวดล้อมในห้องใหม่ จะช่วยให้ห้องนอนกลายเป็นสวรรค์ของการพักผ่อนได้ง่ายๆ ด้วย 6 เคล็ดลับนี้

1. ตำแหน่งเตียงในห้องนอน

ตำแหน่งเตียงนอนที่เหมาะสม ควรจัดวางไว้ในพื้นที่โปร่งอย่างพอเหมาะ ไม่คับแคบหรือกว้างจนเกินไป หัวเตียงนอนควรเป็นผนังทึบหรือผนังหัวเตียงโดยเฉพาะ ระยะการวางเตียงไม่ควรตั้งอยู่ในตำแหน่งคาน และควรหลีกเลี่ยงการวางเตียงไว้ใกล้ประตูห้องนอนและประตูห้องน้ำในห้องนอน เพราะอาจส่งผลกับเสียงรบกวนและความชื้นที่ได้รับจากห้องน้ำ

อีกจุดที่ควรเลี่ยงคือการวางเตียงตรงข้ามกับเครื่องปรับอากาศ ด้วยลมเย็นจากเครื่องปรับอากาศอาจส่งผลให้ป่วยไข้ หายใจติดขัด และสะดุ้งตื่นกลางดึกได้ หากห้องไหนยังไม่ติดตั้งเครื่องปรับอากาศ แนะนำให้ติดไว้ด้านข้างเตียงโดยให้เยื้องไปทางปลายเท้า

2. แสงสว่างที่เหมาะสม

สำหรับคนที่ไวต่อแสง แสงสว่างที่จ้าเกินไปจากหน้าจอโทรศัพท์มือถือหรือโทรทัศน์ ล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่รบกวนการนอนหลับได้ทั้งนั้น โดยเฉพาะกับคนที่มีปัญหาปวดศีรษะจากไมเกรน ไม่ควรให้มีจุดแสงเหล่านี้อยู่ในห้องนอน ดังนั้นจึงควรปิดไฟในห้องนอน ปิดแสงจากโทรศัพท์ ดึงปลั๊กโทรทัศน์ หรือหาม่านมาติดบริเวณหน้าต่างห้องนอนเพื่อกันแสงจากภายนอก สำหรับคนที่ไม่ชอบความมืดข้อนี้พออนุโลมได้ด้วยการใช้โคมไฟสีวอร์มที่หรี่แสงให้พอสลัวๆ เพื่อไม่ให้แสงไฟเป็นอุปสรรคต่อการนอน

3. เลือกสีห้องนอนที่ชวนผ่อนคลาย

สีเข้มโทนร้อนและให้ความรู้สึกรุนแรง อย่างเช่น สีแดงหรือสีส้มสดๆ หรือการใช้เฉดสีเยอะเกินไปจะกระตุ้นความรู้สึกมากเกินไปจนมีผลต่อการนอนได้ สีในห้องนอนจึงควรเลือกโทนเย็นอ่อนๆ ดูเบาสบายตา สีที่ดูอบอุ่น จะช่วยปรับสมดุลให้อารมณ์ของผู้นอนคงที่ เช่น สีฟ้าอ่อน สีครีม สีเขียว หรือม่วงอ่อน จะใช้สีพื้นทั้งห้องหรือตกแต่งด้วยวอลเปเปอร์ก็ได้ แต่ถ้ามีลวดลายควรเลือกติดผนังข้างใดข้างหนึ่งเท่านั้น ไม่ควรติดรอบห้องเพราะจะทำให้ดูวุ่นวายเกินไป

4. อุณหภูมิภายในห้องที่พอดี

สภาวะอยู่สบาย เป็นสภาวะที่ “ไม่ร้อน ไม่หนาวเย็นจนเกินไป” โชคดีที่บ้านยุคปัจจุบันสามารถควบคุมอุณหภูมิได้ง่ายขึ้นด้วยเครื่องปรับอากาศที่เลือกระดับความเย็นได้ตามต้องการ โดยปกติอุณหภูมิที่พอดีจะประมาณ 25-28 องศาเซลเซียส แต่ทั้งนี้ความเย็นที่เหมาะสมแต่ละคนนั้นอาจแตกต่างกัน ในกรณีที่เจ้าของห้องขี้ร้อนอาจปรับอุณหภูมิไว้ที่ 25-26 องศาเซลเซียส แต่สำหรับคนที่หนาวง่าย หากอยู่ในห้องที่อุณหภูมิต่ำจะหนาวมากกว่าคนปกติและทำให้ขับปัสสาวะบ่อยขึ้น อย่างไรก็ตามควรเลือกเครื่องปรับอากาศที่รักษาระดับเสียงและระดับอุณหภูมิให้เหมาะสมอยู่เสมอจะทำให้การพักผ่อนไม่ขาดช่วง

5. ลดเสียงรบกวน

งานวิจัยในฝั่งยุโรปพบว่า เสียงรบกวน (Noise) ก่อให้เกิดผลกระทบต่อสุขภาพได้จริง สำหรับคนที่ไวต่อเสียง แม้ว่าจะเป็นเสียงเล็กน้อยก็ทำให้รำคาญและสะดุ้งตื่นได้ง่าย เช่น เสียงโทรศัพท์ เสียงปิด-เปิดประตู หรือเสียงเตียงยามพลิกตัว  การแก้ไขอาจทำได้โดย การใช้ white noise คือเสียงที่ราบเรียบ มีความถี่สม่ำเสมอ อย่างเสียงบรรเลงเบาๆ เสียงพัดลม เครื่องปรับอากาศ เสียงฝน จะช่วยกลบเสียงรบกวนในตอนกลางคืน หรือจะใช้วิธีขยับเตียงให้ห่างจากกำแพง เลือกใช้เตียงและฟูกที่ลดเสียงลดแรงสั่นสะเทือน  ทำหน้าต่างแบบสองชั้นหรือหน้าต่างทึบเพื่อป้องกันเสียงจากถนน หรือปลูกต้นไม้หลายๆ ต้นก็ช่วยดูดซับเสียงได้

6. เติมกลิ่นหอมอ่อนๆ 

“กลิ่นหอม” แบบอโรมาเธอราปีจากดอกไม้ น้ำมันหอมระเหยหรือกลิ่นดอกไม้ไม่ได้ทำให้รู้สึกสดชื่นขึ้นเท่านั้น แต่ยังมีผลต่ออารมณ์ ช่วยเพิ่มความรู้สึกผ่อนคลายทั้งร่างกายและจิตใจ บรรเทาความเครียด อย่างเช่น กลิ่นลาเวนเดอร์ กลิ่นส้ม กลิ่นคาโมมายล์ ที่มีคุณสมบัติช่วยปรับสมดุลของระบบหมุนเวียนโลหิต เพิ่มความสดชื่นแจ่มใส เมื่อสูดกลิ่นเข้าสู่ระบบประสาท จะทำให้หลับสบายยิ่งขึ้น

ผลวิจัยยังระบุไว้ว่า ผู้สูงวัยหากนอนภายในห้องที่มีกลิ่นหอมที่ให้ความรู้สึกผ่อนคลาย ยังช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคอัลไซเมอร์และช่วยให้หลับได้ยาวนานเต็มอิ่มยิ่งขึ้น

ในเมื่อกลิ่นหอมนั้นช่วยมอบความผ่อนคลาย ไอเท็มที่ต้องมีติดบ้านไว้เพื่อช่วยสร้างบรรยากาศสุขสงบก็คือ Diffuser แบบก้านไม้กระจายกลิ่นนั่นเอง

Diffuser ที่เราพบเห็นโดยทั่วไปจะมาในรูปแบบขวดน้ำหอมดีไซน์สวยงามที่มาพร้อมก้านไม้สำหรับกระจายกลิ่น ใช้งานง่าย สะดวกสบาย ขวดเดียวจบ ไม่ต้องซื้อน้ำมันหอมระเหยหรืออุปกรณ์อื่นเพิ่มเติม ที่สำคัญคือมีความปลอดภัยสูง เพราะไม่ต้องเสียบปลั๊กหรือจุดไฟให้ความร้อนใดๆ เพียงแค่ใส่ก้านไม้ลงในขวด แล้ววางตั้งไว้บนชั้นวางของ โต๊ะทำงาน หรือบริเวณหัวเตียงก็ให้กลิ่นหอมอบอวลไปทั่วห้อง ความเข้มข้นของกลิ่นจะเปลี่ยนไปตามจำนวนก้านไม้ที่ใช้ ยิ่งใส่หลายก้านก็จะยิ่งส่งกลิ่นชัดเจน ใช้งานได้ต่อเนื่องยาวนานประมาณ 1 – 3 เดือนขึ้นอยู่กับปริมาณบรรจุของน้ำหอม

สำหรับการใช้งานของ Diffuser นั้นอาจมีรายละเอียดในการใช้งานอยู่บ้าง ทั้งนี้ หากสาวๆ คนไหนเป็นผู้ใช้มือใหม่มักจะไม่ทราบวิธีการใช้งานที่ถูกต้อง การใช้อย่างผิดวิธีอาจนำไปสู่ผลเสียแทนได้ เพื่อสุขภาพกายและใจที่ดีของเราเอง ต้องรู้จักข้อควรระวังพื้นฐานและการใช้งานเบื้องต้น ดังนี้

ข้อควรรู้เกี่ยวกับ Diffuser

พื้นที่ในการกระจายกลิ่นของก้านไม้หอมต่อหนึ่งจุดอยู่ราวๆ 9-12 ตรม. หรือ 3×4 เมตร โดยประมาณ 

หากพื้นที่ห้องใหญ่ ควรตั้ง Diffuser หลายจุด หรือเลือกใช้ Diffuser แบบเครื่องพ่นอโรมาจะกระจายกลิ่นได้ดีกว่า

เมื่อปักก้านไว้หลายๆ วัน กลิ่นอาจกระจายน้อยลงเพราะก้านไม้ดูดซับน้ำจนตัน แนะนำให้เปลี่ยนก้านใหม่ หรือสามารถสลับหัวท้ายก้านปัก หรือทำความสะอาดก้านและนำมาปักอีกครั้ง

ข้อควรระวังเกี่ยวกับ Diffuser

โดยปกติแล้วน้ำมันหอมระเหยสามารถเก็บไว้ได้นาน 1-2 ปี

แต่หากเปิดฝาแล้วควรใช้ให้หมดภายใน 6 เดือน

ควรใช้เฉพาะในพื้นที่ปิด ที่ไม่มีลมภายนอกพัดตลอดเวลา จะทำให้กลิ่นถูกพัดไปตามลม

ไม่เก็บในพื้นที่ที่มีแสงแดดส่อง หรือที่อุณหภูมิสูง

บางคนอาจมีการแพ้สารบางอย่างในน้ำมันหอมได้ หากมีอาการระคายเคือง ควรหยุดใช้ทันที

ระวังไม่ให้ถูกตา หรือปาก หรือบริเวณที่มีแผล

10 BEST HOME DIFFUSERS

Sleep Sanctuary 6 Bedroom Design Tips for Better Sleep
Sleep Sanctuary 6 Bedroom Design Tips for Better Sleep
Sleep Sanctuary 6 Bedroom Design Tips for Better Sleep

CREDITS:
PHOTOS: COURTESY OF
ACQUA DI PARMA, BAOBAB COLLECTION, DIPTYQUE, FLORAL STREET, GINORI 1735, LLADRÓ, SANTA MARIA NOVELLA, SENTI, SUSANNE KAUFMANN, TRUDON
STOCK PHOTOS: Image by pvproductions on Freepik


สามารถติดตามคอนเทนต์อื่นๆ ที่น่าสนใจได้ ที่นี่

Share:

Facebook
Twitter
Pinterest
LinkedIn
On Key

Related Posts

“VIJIT CHAO PHRAYA 2024”

VIJIT CHAO PHRAYA 2024

Post Views: 4 การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เตรียมความพร้อมด้านการท่องเที่ยวไทยในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2568 จัดงาน “VIJIT CHAO PHRAYA 2024 กระทรวงการท่…

Tarot 17 nov

Your Tarot Weekly

Post Views: 17 คำพยากรณ์รายสัปดาห์ระหว่างวันอาทิตย์ที่ 17 พฤศจิกายน – วันเสาร์ที่​ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567 โดย​ มาดามราเชล วันอาทิตย์ นิสัย​ของดาว : ยศ…

Penthouse Bar + Grill at Park Hyatt Bangkok

Post Views: 5 เพนท์เฮาส์ บาร์ แอนด์ กริลล์ ณ โรงแรมพาร์ค ไฮแอท กรุงเทพฯ เปิดตัวประสบการณ์แฮงค์เอ๊าท์ ‘Reimagined’ สุดเอ็กซ์คลูซีฟ Penthouse Bar + Gril…

Uniqlo x Marimekko Fall/Winter 2024

Post Views: 2 Uniqlo เปิดตัวคอลเลกชันลิมิเต็ด เอดิชัน Uniqlo x Marimekko Fall/Winter 2024 Uniqlo (ยูนิโคล่) แบรนด์เสื้อผ้าชั้นนำระดับโลก เปิดตัว  Uniq…

Patek Philippe Cubitus Collection

Post Views: 5 Patek Philippe เผยโฉมนาฬิกาคอลเลกชัน Cubitus ในสไตล์สปอร์ตที่สง่างาม Patek Philippe (ปาเต็ก ฟิลลิปป์) เผยโฉมนาฬิกาคอลเลกชัน Cubitus (คิว…