ในปีนี้ Rolex ได้นำเอาแรงบันดาลใจจากสีสันอันหลากหลายของหน้าปัดจากโมเดลปี 2020 กลับมารังสรรค์ให้สนุกยิ่งขึ้นด้วยเรือนเวลารุ่นล่าสุด
คุณสมบัติความยอดเยี่ยมในด้านต่างๆ ตั้งแต่ตัวเรือนที่กันน้ำได้เป็นอย่างดี การขัดแต่งพื้นผิวอันงดงาม ไปจนถึงกลไกการทำงานที่มีประสิทธิภาพอันเที่ยงตรงสูงสุด คือสิ่งที่ทำให้ Oyster Perpetual (ออยสเตอร์ เพอเพชชวล) จาก Rolex (โรเล็กซ์) ได้รับการยอมรับจากคนทั่วโลกในฐานะนาฬิกาที่มีมาตรฐานและมีภาพลักษณ์ที่หรูหรา สุขุมและสง่างาม
กระทั่งปี 2020 ทางแบรนด์ได้มีการปรับลุคของคอลเลกชันนี้ด้วยการแต่งแต้มความสดใสจากการนำเสนอหน้าปัดเคลือบเงาในโทนสีฟ้าเทอร์ควอยซ์ สีชมพููแคนดี้ สีเหลือง สีแดงปะการัง และสีเขียว เกิดเป็นกระแสความนิยมครั้งใหม่ที่เกิดขึ้นกับ Oyster Perpetual ก็ว่าได้
และในปีนี้ Rolex ได้นำเอาแรงบันดาลใจจากสีสันอันหลากหลายของหน้าปัดจากโมเดลปี 2020 กลับมารังสรรค์ให้สนุกยิ่งขึ้นด้วยเรือนเวลารุ่นล่าสุด Oyster Perpetual “Celebration Dial” (ออยสเตอร์ เพอร์เพชชวล เซเลเบรชัน ไดอัล)
“Celebration Dial” คือดีไซน์ของหน้าปัดล่าสุดที่ Rolex นำเสนอสู่คอลเลกชัน Oyster Perpetual โดยออกแบบให้เป็นภาพของฟองสบู่มากมายหลากสีสัน ได้แก่ สีชมพููแคนดี้้ สีเหลือง สีแดงปะการัง และสีเขียว กระจายตัวเต็มพื้นหน้าปัด โดยมีพื้นหลังเป็นสีฟ้าเทอร์ควอยซ์ ซึ่งสีสันเหล่านี้มากจากสีสันของหน้าปัดนาฬิการุ่นปี 2020 นั่นเอง จัดวางเครื่องหมายบอกชั่วโมงและเข็มนาฬิกาที่ผลิตจากไวท์โกลด์ 18 กะรัต ที่เคลือบสารเรืองแสง Chromalight (โครมาไลท์) สีฟ้า เพื่อให้สามารถมองเห็นได้ย่างชัดเจนในที่แสงน้อยและสามารถให้แสงสว่างได้ในระยะเวลายาวนาน
รังสรรค์ในตัวเรือนทั้งหมด 3 ขนาดให้เลือก คือ 31.0 มิลลิเมตร 36.0 มิลลิเมตร และ 41.0 มิลลิเมตร โดยผลิตตัวเรือนขึ้นจากวัสดุ Oystersteel (ออยสเตอร์สตีล) วัสดุสเตนเลสสตีลชนิดพิเศษเฉพาะของ Rolex ที่ยังคงพิถีพิถันในเรื่องของงานขัดแต่งพื้นผิวที่ดีเยี่ยมเช่นเคย และเช่นเดียวกับเรือนเวลา Oyster Perpetual เรือนอื่นๆ
ซึ่งมาพร้อมคุณสมบัติของการกันน้ำได้อย่างยอดเยี่ยมที่ได้รับการสืบทอดมาจากนาฬิการุ่น Oyster นาฬิกาข้อมือกันน้ำเรือนแรกของโลก อันเป็นรากฐานแห่งชื่อเสียงที่ Rolex ได้สั่งสมมาตั้งแต่ปี 1926 โดยในนาฬิการุ่นใหม่นี้สามารถกันน้ำได้ลึกถึง 100 เมตร ด้วยตัวเรือนรูปแบบตรงกลางหล่อชิ้นเดียว ด้านหลังตัวเรือนยึดด้วยสกรูและเม็ดมะยมไขลานแบบ Twinlock (ทวินล็อค)
ทั้ง 3 รุ่น มีการใช้กลไกที่แตกต่างกัน 2 เครื่อง โดยในรุ่นตัวเรือนขนาด 31.0 มิลลิเมตร จะบรรจุด้วยกลไกคาลิเบอร์ 2232 ในขณะที่่รุ่นตัวเรือนขนาด 36.0 และ 41.0 มิลลิเมตร ทำงานด้วยกลไกคาลิเบอร์ 3230 โดยกลไกทั้งสองระบบพัฒนาและผลิตขึ้นโดย Rolex เปิดตัวในปี 2020 พร้อมกับการเปิดตัวนาฬิกา Oyster Perpetual ในปีเดียวกัน
โดยคาลิเบอร์ 2232 ประกอบด้วยแฮร์สปริง Syloxi (ไซโลซี) ที่่ผ่านการจดสิทธิบัตรและผลิตโดย Rolex แฮร์สปริงซิลิคอนนี้รับประกันถึงการทำงานของคาลิเบอร์ที่่เป็นปกติในทุกตำแหน่ง กลไกการทำงานยังประกอบด้วยจักรเหล็กนิกเกิลฟอสฟอรัสต้านสนามแม่เหล็ก สะสมพลังงานได้นาน 55 ชั่วโมง ส่วนคาลิเบอร์ 3230 ประกอบด้วยชุดกลไกปล่อยจักร Chronergy (โครเนอร์จี) ที่่ผ่านการจดสิทธิบัตร โดยรวมประสิทธิภาพด้านการประหยัดพลังงานขั้นสูงเข้ากับความน่าเชื่อถือ ชุดกลไกปล่อยจักรนี้้ทำจากนิเกิลฟอสฟอรัสที่ต้านทานต่อสนามแม่เหล็กแรงสูงได้เป็นอย่างดี
รวมถึงแฮร์สปริง Parachrom (พาราโครม) สีฟ้าที่่ผลิตขึ้นโดยแบรนด์จากอัลลอยต้านสนามแม่เหล็กได้เช่นกัน โอเวอร์คอยล์ Rolex ที่่ช่วยปรับให้การทำงานของคาลิเบอร์เป็นปกติ ไม่ว่าจะใส่นาฬิกาในตำแหน่งใดก็ตาม นอกจากนี้้ยังมาพร้อมลูกเหวี่่ยงที่่ติดตั้งพร้อมกับตลับลูกปืนเม็ดกลมแบบปรับได้ สะสมพลังงานได้นาน 70 ชั่วโมง
นาฬิกาใหม่ทั้ง 3 รุ่นนี้ ประกอบเข้ากับสายแบบสร้อยข้อมือแบบ Oyster 3 ข้อ ผลิตจากจาก Oystersteel มาพร้อมชุดตัวล็อก Oysterclasp (ออยสเตอร์แคลส์ป) แบบพับได้ และฟังก์ชันของระบบขยายความยาวสาย Easylink (อีซีลิงค์) ที่่พัฒนาโดย Rolex เพื่อช่วยให้ผู้สวมใส่สามารถปรับเพิ่มความยาวของสายได้อีกประมาณ 5.0 มิลลิเมตร และที่ขาดไม่ได้เลยคือ นาฬิกาทุกรุ่นได้รับการรับรองประสิทธิภาพความเที่ยงตรงในระดับ Superlative Chronometer (ซุปเปอร์เลทีฟ โครโนมิเตอร์) โดยมีตราสัญลักษณ์กรีนซีลเป็นเครื่องหมายควบคู่การรับประกันระหว่างประเทศเป็นระยะเวลาถึง 5 ปี
CREDITS:
PHOTOS: COURTESY OF ROLEX
GRAPHIC DESIGNER: Vanicha Limpanastitphon