David Morris ความงามของอัญมณีและดีไซน์สุดสร้างสรรค์แห่งลอนดอน


แบรนด์เครื่องประดับ เดวิด มอริส ก็ยืนหยัดเป็นสัญลักษณ์ของความงามและงานออกแบบสุดสร้างสรรค์แห่งสหราชอาณาจักรมาตลอด แม้จะผ่านมากว่า 60 ปีก็ยังคงไว้ซึ่งคุณค่าของงานฝีมืออันเป็นเอกลักษณ์


David Morris ความงามของอัญมณีและดีไซน์สุดสร้างสรรค์แห่งลอนดอน นับตั้งแต่ก่อตั้งขึ้นในช่วงเวลาอันรุ่งโรจน์ที่สุดของวัฒนธรรมหนุ่มสาวสมัยใหม่ที่เรียกว่า “Swinging 1960s London” แบรนด์เครื่องประดับ เดวิด มอริส ก็ยืนหยัดเป็นสัญลักษณ์ของความงามและงานออกแบบสุดสร้างสรรค์แห่งสหราชอาณาจักรมาตลอด แม้จะผ่านมากว่า 60 ปีก็ยังคงไว้ซึ่งคุณค่าของงานฝีมืออันเป็นเอกลักษณ์ นวัตกรรมอันล้ำค่า และประกายแห่งสีสันอันเจิดจ้า ซึ่งยังคงจับใจผู้คนที่รักเครื่องประดับเรื่อยมาจนทุกวันนี้

ย้อนไปก่อนถือกำเนิดเป็นแบรนด์หรู ผู้ก่อตั้งบริษัทอย่าง เดวิด มอริส ก้าวเข้าสู่โลกอันน่าจับใจของเครื่องประดับเป็นครั้งแรกเมื่ออายุเพียง 15 ปี เขาเริ่มต้นฝึกฝนทำความรู้จักเครื่องประดับที่ ฮัตตัน การ์เด้น (Hatton Garden) ย่านดังในเรื่องเครื่องประดับของลอนดอน ก่อนเข้าเรียนฝึกฝนพัฒนาฝีมือที่เซ็นทรัล สกูล ออฟ อาร์ตส์ แอนด์ คราฟท์ แห่งลอนดอน (London’s Central School of Arts and Crafts)

ซึ่งปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งของวิทยาลัยเซ็นทรัล เซนต์มาร์ติน (Central Saint Martin’s) อันทรงเกียรติ และหลังจากจบการศึกษาในปี 1962 เขาก็ได้ตัดสินใจเลือกฮัตตัน การ์เด้น เป็นสถานที่เวิร์กชอปและเปิดร้านเครื่องประดับแห่งแรกภายใต้ชื่อ เดวิด มอริส

ด้วยความสามารถที่โดดเด่น เพียงหนึ่งปีหลังจากก่อตั้งบริษัท ชื่อของ เดวิด มอริส ก็เป็นที่รู้จักและได้รับการยอมรับในวงการเครื่องประดับระดับโลก เมื่อเขาและผู้ร่วมออกแบบคว้ารางวัล เดอ เบียร์ส ไดมอนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล อวอร์ดส ครั้งที่ 9 (9th De Beers Diamonds International Awards) มาครองได้เป็นครั้งแรก ก่อนจะรับรางวัลเดิมซ้ำอีกครั้งเป็นครั้งที่สองในปีถัดมา

นับเป็นความสำเร็จที่น่าจับตาเป็นอย่างมากสำหรับน้องใหม่ในวงการ ณ ขณะนั้น ทำให้ร้านเครื่องประดับ เดวิด มอริส ทยานสู่การเป็นหนึ่งในแบรนด์เครื่องประดับที่ได้รับการยกย่องอย่างสูง และเป็นที่ชื่นชอบของผู้หลงใหลในเครื่องประดับทั่วโลก

เวลาที่พอเหมาะพอดีก็เป็นเป็นอีกหนึ่งปัจจัยของความสำเร็จ ท่ามกลางมนต์เสน่ห์และความเรืองรองของยุค 60 ชื่อเสียงของร้าน เดวิด มอริส มาพร้อมกับช่วงที่ลอนดอนกลายเป็นศูนย์กลางของความคิดสร้างสรรค์แห่งโลกแฟชั่น แม้จะได้รับอิทธิพลจากวัฒนธรรมของกลุ่มก้าวหน้าในลอนดอนเช่นเดียวกับดีไซเนอร์รายอื่น ๆ ในยุคสมัยเดียวกัน แต่เขาก็สร้างผลงานอันโดดเด่นไม่ซ้ำใครด้วยนวัตกรรมสร้างสรรค์ผ่านงานฝีมือแสนประณีตพิถีพิถันซึ่งมีเอกลักษณ์อย่างชัดเจน ทั้งยังเป็นผู้นำเทรนด์ด้านการผสมผสานสีสันที่หาตัวจับยาก จึงนำไปสู่ความนิยมชมชอบจากทั้งดาราฮอลลีวู้ดไปจนถึงสมาชิกราชวงศ์ของยุโรป

โอกาสในการรับใช้ราชวงศ์ครั้งแรกของ เดวิด มอริส เกิดขึ้นในรูปแบบของการจ้างงานจากรัฐบาลลิคเทนสไตน์ (Lichtenstein) ที่สั่งทำเทียร่าอันเลอค่าจากไพลินและเพชรเพื่อถวายต่อเคาน์เตสคินสกี้แห่งออสเตรีย (Countess Kinsky of Austria) ในนามของมกุฎราชกุมารฮันส์ อดัม (Crown Prince Hans Adam) เนื่องในโอกาสวันอภิเษกสมรสในเดือนกรกฎาคม ปี 1967 ซึ่งความไว้วางใจจากราชวงศ์ครั้งนี้ ส่งผลให้ทางร้านได้รับการว่าจ้างจากบรรดาคนดังและลูกค้าผู้ทรงเกียรติมากหน้าหลายตาในเวลาต่อมา โดยเฉพาะนักสะสมเครื่องประดับชื่อก้อง อาทิ เอลิซาเบธ เทย์เลอร์ (Elizabeth Taylor) พระราชินีนูร์แห่งจอร์แดน (Queen Noor of Jordan) จักรพรรดินีฟาราห์ ปาลาวี แห่งอิหร่าน (Empress Farah Pahlavi of Iran) เจ้าชายแห่งเวลส์ (Prince of Wale) เจ้าหญิงมาร์กาเร็ต (Princess Margaret) และเจ้าฟ้าหญิงแอนน์ (Princess Anne) โดยผลงานที่เป็นที่จดจำมากที่สุดผลงานหนึ่ง คือการประดับตกแต่งกระโปรงรถแอสตันมาร์ตินรุ่นวินเทจที่ดยุคและดัชเชสแห่งเคมบริดจ์ (Duke and Duchess of Cambridge) ใช้เสด็จในเส้นทางเดอะมอลล์ หลังพิธีอภิเษกสมรสของทั้งคู่ ซึ่งเป็นภาพที่สร้างความประทับใจไปทั่วโลก

ในปี 1969 เดวิด มอริส ย้ายสถานที่ตั้งของร้านจากฮัตตัน การ์เด้น ไปเปิดบูติคแห่งแรกของบริษัทที่เมย์แฟร์ บนถนนคอนดุอิท (Conduit Street) ก่อนจะเริ่มขยายสาขาและร่วมงานกับแบรนด์อื่นในอีกสองทศวรรษต่อมา โดยหลังจากประสบความสำเร็จอย่างล้นหลาม บูติคสาขาใหม่ ๆ ก็ทยอยเปิดตัวบนห้างสรรพสินค้าชั้นนำของลอนดอนอย่างแฮร์รอดส์ (Harrods) และขยายสาขาไปยังต่างประเทศ ทั้งในกรุงมอสโก ประเทศรัสเซีย ตะวันออกกลาง และปารีส ประเทศฝรั่งเศส นอกจากนี้อีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้แบรนด์ เดวิด มอริส เริ่มเป็นที่พูดถึงในวงกว้าง คือการโชว์ฝีมือรังสรรค์เครื่องประดับชิ้นโบว์แดงให้กับภาพยนตร์ เจมส์ บอนด์ส (James Bonds) ทั้งในภาค Diamonds are Forever และ The Man with the Golden Gun รวมถึง Tomorrow Never Dies กระทั่งทุกวันนี้ผู้คนจำนวนไม่น้อยจดจำ เดวิด มอริส ในฐานะนักทำเครื่องประดับของเจมส์ บอนด์ ไปแล้ว

จากนั้นในปี 1996 เดวิด มอริส ได้ย้ายบูติคสาขาหลักของแบรนด์ไปตั้งอยู่ในอาคารทาวเฮาส์อันโอ่อ่าสวยหรู เลขที่ 180 บนถนนนิวบอนด์ ซึ่งยังคงทำหน้าที่เป็นบูติคแฟลกชิปของบริษัท และเป็นพื้นที่สร้างสรรค์เครื่องประดับสุดยูนีคของแบรนด์มาจนทุกวันนี้ แม้จะเป็นร้านเครื่องประดับแสนประณีตที่เหลืออยู่เพียงร้านเดียวบนถนนบอนด์ก็ตาม โดยยังคงไว้ซึ่งเสน่ห์ของงานฝีมือแบบดั้งเดิมและคุณภาพชั้นเลิศตามความมุ่งมั่นของแบรนด์ที่มีมาตั้งแต่แรกเริ่ม ผ่านความบรรจงตั้งใจของเหล่าช่างฝีมือที่พิถีพิถันรังสรรค์เครื่องประดับแต่ละชิ้นด้วยมือ และยกย่องให้เกียรติต่อภูมิปัญญาที่ส่งต่อสู่ทายาททางงานช่างของแบรนด์จากรุ่นสู่รุ่น ที่น่าทึ่งคือ ช่างฝีมือบางรายสั่งสมประสบการณ์อยู่เบื้องหลังความงามของ เดวิด มอริส มานานกว่า 30 ปีเลยทีเดียว

เมื่อก้าวสู่สหัสวรรษใหม่ก็ถึงคราวของคนรุ่นใหม่ เจเรมี มอริส (Jeremy Morris) ลูกชายของ เดวิด มอริส ที่ซึมซับความหลงใหลในเครื่องประดับมาจากผู้เป็นพ่อ ได้เข้ามาร่วมงานกับแบรนด์ในปี 2003 เขาสำเร็จการศึกษาด้านศิลปะในลอนดอน และไปฝึกงานกับนักวาดเครื่องประดับที่ปลาซวองโดม (Place Vendôme) ในปารีส

รวมถึงเก็บเกี่ยวความรู้ด้านอัญมณีจากผู้จัดจำหน่ายเพชรที่แอนท์เวิร์ป ประเทศเบลเยียม ก่อนเข้ารับตำแหน่งประธานกรรมการบริหารและผู้อำนายการฝ่ายสร้างสรรค์ของแบรนด์ ซึ่งประสบการณ์ในการเดินทางข้ามประเทศและความชื่นชอบในอัญมณีหายากของเขาได้ก่อเกิดซิกเนเจอร์ใหม่ให้กับแบรนด์ ด้วยการนำอัญมณีแสนสดใสมาเพิ่มความแปลกใหม่อย่างมีสีสัน ในขณะเดียวกันก็ยังคงเคารพในวิสัยทัศน์ของผู้เป็นพ่อ ด้วยการยึดมั่นในแบบแผนของการออกแบบเครื่องประดับที่เปี่ยมด้วยนวัตกรรมและรสนิยมของครอบครัวเอาไว้อย่างคงเส้นคงวา

David Morris

เหตุการณ์ที่ถือได้ว่าเป็นที่สุดของแบรนด์เครื่องประดับซึ่งทรงอิทธิพลในแวดวงนี้มาอย่างยาวนาน คือเมื่อครั้งที่ผลงานของ เดวิด มอริส ได้รับเลือกให้นำไปจัดแสดงถาวรในห้องนิทรรศการอัญมณีของพิพิธภัณฑ์วิคทอเรีย แอนด์ อัลเบิร์ต (Victoria & Albert Museum) ซึ่งผลงานชิ้นนั้นคือต่างหูที่ เจเรมี มอริส ออกแบบในปี 2012 เพื่อเฉลิมฉลองในวาระครบรอบ 50 ปีของแบรนด์ โดยได้แรงบันดาลใจจากแหวน “เฟล็กซี่” (Flexi) ที่พ่อของเขาทำขึ้นในช่วงปี 1960 นับเป็นสัญลักษณ์แทนความหลงใหลของครอบครัวที่สานต่อให้แบรนด์ เดวิด มอริส เป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาได้

David Morris
David Morris

จัดทำขึ้นเพื่อฉลองให้กับความแข็งแกร่งของผู้หญิงยุคใหม่

ในปี 2019 เดวิด มอริส ได้เปิดตัวแคมเปญโฆษณาซึ่งถือเป็นทิศทางใหม่ของแบรนด์เครื่องประดับระดับตำนานของสหราชอาณาจักร โดยแคมเปญนี้จัดทำขึ้นเพื่อฉลองให้กับความแข็งแกร่งของผู้หญิงยุคใหม่ ผ่านมุมมองของครีเอทีฟหญิงผู้เปี่ยมด้วยพรสวรรค์และกำลังมาแรงแห่งยุค พร้อมชูอัญมณีที่ตระการตาที่สุดของโลก ซึ่งคัดสรรจากทั้งคอลเลคชั่นใหม่และชิ้นงานอันเป็นที่จดจำ ตลอดจนคอลเลคชั่นเครื่องประดับชั้นสูง (High Jewellery collections) ของ เดวิด มอริส มานำเสนอ โดยได้ ลูนา บิลจ์ (Luna Bijl) นางแบบชาวดัทช์ที่เคยฝากผลงานบนหน้าปกนิตยสารโว้กต่างประเทศหลายครั้ง มาเป็นแบบ ภายใต้คอนเซปต์สดใหม่สีสันสดใสที่ถูกถ่ายทำและกำกับศิลป์โดย เควนทิน โจนส์ (Quentin Jones) ศิลปินช่างภาพหญิงที่มีถิ่นฐานอยู่ในกรุงลอนดอน และดูแลด้านสไตล์โดย คาราห์ แม็กเคย์ (Caragh McKay) ผู้อำนวยการด้านด้านเครื่องประดับ ของนิตยสารวอลเปเปอร์ (Wallpaper*)

David Morris

และในปีเดียวกัน ทางแบรนด์ยังได้เปิดสาขาใหม่อีก 2 แห่ง ในกรุงริยาดและเจดดาห์ ประเทศซาอุดีอาระเบีย ตามมาด้วยสาขาซัลเฮีย มอลล์ ประเทศคูเวต ในปี 2021 นอกจากนี้ยังเปิดตัวเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซใหม่ รวมถึงเข้าร่วมในแพลตฟอร์มร้านค้าออนไลน์ระดับลักชูรีอย่าง Farfetch และ Moda Operandi ทั้งยังวางแผนทำงานร่วมกับร้านค้าออนไลน์สุดหรูอื่น ๆ เพิ่มเติมอีกในอนาคต เรียกได้ว่าช่วงเวลาไม่กี่ปีมานี้ เดวิด มอริส เติบโตอย่างต่อเนื่อง เป็นแบรนด์เครื่องประดับที่ไม่เพียงครองใจคนรักเครื่องประดับระดับตำนาน แต่ยังเข้าไปอยู่ในใจคนรุ่นใหม่ได้อีกด้วย


CREDITS:
PHOTOS: COURTESY OF DAVID MORRIS

GRAPHIC DESIGNER: Vanicha Limpanastitphon


สามารถติดตามคอนเทนต์อื่นๆ ที่น่าสนใจได้ ที่นี่

Share:

Facebook
Twitter
Pinterest
LinkedIn
On Key

Related Posts

Cartier Women’s Initiative

Post Views: 14 โครงการเพื่อสตรีของคาร์เทียร์ ประกาศรายชื่อผู้เข้ารอบ 33 คน ประจำปี 2024 ประกาศรางวัลชนะเลิศ ณ เมืองเซินเจิ้น สาธารณะรัฐประชาชนจีน 22 พ…

Tarot-13-April-1

Your Tarot Weekly

Post Views: 82 คำพยากรณ์รายสัปดาห์ระหว่างวันอาทิตย์ที่ 14 เมษายน – วันเสาร์ที่​ 20 เมษายน พ.ศ. 2567 โดย​ มาดามราเชล วันอาทิตย์ นิสัย​ของดาว : ยศศักดิ์…

From the Heart to the Hands: Dolce&Gabbana

Post Views: 23 Dolce&Gabbana เสนอนิทรรศการ ‘From the Heart to the Hands’ เผยความพิเศษของการการสร้างสรรค์จากแฟชั่นเฮาส์ นิทรรศการ ‘From the Heart t…

Aston Martin DB12 Volante

Post Views: 28 Aston Martin Bangkok เผยโฉมที่สุดแห่งยนตกรรมเปิดประทุน DB12 Volante Super Tourer Aston Martin (แอสตัน มาร์ติน) บริษัทผลิตรถยนต์สปอร์ตหร…

Oligio-thumbnail

Unveiling The Secrets of Youth

Post Views: 45 จะเซลฟี่กี่มุมก็รอด! สะท้อนความงามในเวอร์ชันที่ดีที่สุดของคุณด้วย ‘Oligio’ นวัตกรรมทรีตเมนต์ยกกระชับผิวหน้าและลำคอ สู่มิติความงามเชิงฟื…