Grandmaster Chime Haute Joaillerie Ref. 6300/403G-001 สุดยอดเรือนเวลาจาก Patek Philippe ที่ตระการตาด้วยเพชรที่เรียงร้อยร่วมกับมรกตสีเขียว
Grandmaster Chime Haute Joaillerie Ref. 6300/403G-001 (แกรนด์มาสเตอร์ ไชม์ โอต์ โฌอายเยอรี เรฟเฟอร์เรนต์ 6300/403G-001) สุดยอดเรือนเวลาจาก Patek Philippe (ปาเต็ก ฟิลิปป์) ที่ตระการตาด้วยเพชรที่เรียงร้อยร่วมกับมรกตสีเขียว โอบล้อมลงบนตัวเรือนเครื่องบอกเวลาที่เพียบพร้อมด้วยความสลับซับซ้อนขั้นสูงสุด โดยเป็นผลงานที่สานต่อจาก 2 ผลงานเครื่องบอกเวลาคอลเลกชัน Grandmaster Chime ที่ Patek Philippe ได้เผยโฉมในปี 2022 อันสมบูรณ์แบบด้วยจักรกลชั้นเยี่ยมและความเลอค่าแห่งยอดอัญมณี ได้แก่ Ref. 6300/400G-001 ที่ประดับด้วยเพชรทรงบาแกตต์ และ Ref. 6300/401G-001 ในรูปแบบที่ประดับทั้งเพชรทรงบาแกตต์และแซฟไฟร์สีน้ำเงิน
Grandmaster Chime Haute Joaillerie Ref. 6300/403G-001 ผลงานที่ Patek Philippe สะท้อนถึงการหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกันระหว่างศาสตร์ชั้นสูง 2 ศาสตร์ ได้แก่ การประดิษฐ์นาฬิกาและการประดับอัญมณี ปรากฎในตัวเรือนไวท์โกลด์ 18 กะรัต ขนาด 49.4 มิลลิเมตร หนา 16.32 มิลลิเมตร ขอบตัวเรือนดีไซน์แบบวงแหวน 2 วงคู่ขนาน โดยวงขอบตัวเรือนชั้นในจะมีระดับที่สูงขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับแถวขอบตัวเรือนชันนอก สามารถแสดงเวลาได้สองฝั่ง โดยขอบตัวเรือนฝั่งหน้าปัดแสดงเวลารายล้อมด้วยมรกตเจียระไนทรงบาแกตต์ จำนวน 118 เม็ด น้ำหนัก 7.87 กะรัต ส่วนขอบตัวเรือนฝั่งแสดงปฏิทินถาวร รวมถึงบริเวณหูสาย ด้านข้างตัวเรือน และปุ่มกดต่างๆ ได้รับการฝังประดับด้วยเพชรเม็ดขาวสว่าง เจียระไนทรงบาแกตต์ จำนวน 291 เม็ด น้ำหนัก 20.54 กะรัต สำหรับเทคนิคการฝังประดับอัญมณีที่ Patek Philippe นำมาใช้เรียกว่า “invisible setting” (อินวิซิเบิล เซ็ตติ้ง) แลดูไร้รอยต่อและแนบสนิทไปกับทุกพื้นที่ของตัวเรือน
ด้วยระบบหมุนตัวเรือนได้อันเป็นลิขสิทธิ์ของ Patek Philippe ทำให้ผู้ที่สวมใส่เรือนเวลาในไลน์คอลเลกชัน Grandmaster Chime สามารถใส่นาฬิกาด้วยหน้าปัดทั้งสองข้างอย่างสะดวกสบาย โดยสามารถแสดงฟังก์ชันทั้งค่าเวลาและค่าปฏิทินถาวร ได้มากถึง 20 ฟังก์ชันผ่านหน้าปัดทั้งด้านหน้าและด้านหลัง จึงกล่าวได้ว่าเป็นนาฬิการะบบสลับซับซ้อนสูงที่สุดที่ Patek Philippe ได้ผลิตขึ้นในปัจจุบัน พื้นหน้าปัดทั้งสองด้านผลิตจากทองเคลือบด้วยสีดำเหลือบเงา ตกแต่งรายละเอียดของค่าเวลาและปฏิทินด้วยทองเคลือบสีเงิน สำหรับพื้นหน้าปัดฝั่งแสดงค่าเวลานั่นจะมีการแต่งรายละเอียดเพิ่มเติมด้วยลวดลายกิโยเช่ด้วยมือแบบ Clous de Paris (คลูส์ เดอ ปารีส์)
สำหรับฟังก์ชันต่างๆ ที่ Patek Philippe ได้รังสรรค์ลงในเรือนเวลา Grandmaster Chime ทั้งหมด เริ่มตั้งแต่ระบบการตีระฆังบอกเวลา อันประกอบด้วยฆ้องตี 3 ชุด และระฆัง 5 ชุด สำหรับการตีบอกเวลาทั้งแบบ grande sonnerie (กรองด์ ซอนเนอรี) แบบ petite sonnerie (เปอตีต์ ซอนเนอรี) แบบ minute-repeater (มินิทรีพีทเตอร์) และสำหรับการปลุกอีก 2 รูปแบบ อันเป็นลิขสิทธิ์เฉพาะของ Patek Philippe คือ ระบบปลุกจากการตั้งเวลา และระบบปลุกจากการตั้งวันที่นั่นเอง นอกจากเรื่องของระบบเสียงสำหรับบอกเวลาต่างๆ ที่กล่าวไปแล้ว ยังมีฟังก์ชันในส่วนของการแสดงเวลา ค่าปฏิทินไม่ว่าจะเป็น วัน วันที่ เดือน ปีแบบตัวเลข 4 หลัก ปีอธิกสุรทิน เวลาข้างขึ้นข้างแรมแล้ว สัญลักษณ์การเปิดใช้งานโหมดต่างๆ หรือมาตรพลังงานสำรองแล้ว ยังสามารถแสดงเวลาไทม์โซนที่ 2 พร้อมการแสดงเวลากลางวันกลางคืนได้อีกด้วย ซึ่งความสามารถทั้งหลายนี้มาจากกลไก in-house ไขลานด้วยมือ Caliber 300 GS AL 36-750 QIS FUS IRM ประกอบขึ้นจากชิ้นส่วนทั้งสิ้น 1,366 ชิ้น ทำงานด้วยความถี่ 25,200 ครั้งต่อชั่วโมง สะสมพลังงานได้นาน 72 ชั่วโมง และเปิดใช้งานระบบบอกเวลาด้วยเสียงตีระฆังได้ยาวนาน 30 ชั่วโมง
Grandmaster Chime Haute Joaillerie Ref. 6300/403G-001 เติมเต็มความสมบูรณ์แบบด้วยสายหนังจระเข้สีดำเงา เย็บริมด้านข้างสายด้วยเส้นด้ายสีเขียวมรกต พร้อมด้วยที่พับล็อกสายตรา Calatrava cross ผลิตจากไวท์โกลด์ประดับด้วยมรกตทรงบาแกตต์อีกจำนวน 22 เม็ด น้ำหนัก 0.88 กะรัต โดยนาฬิกาเรือนนี้จะบรรจุมาพร้อมกับชุดคัฟลิงค์ 1 คู่ที่ตกแต่งด้วยมรกตทรงบาแกตต์จำนวน 64 เม็ด น้ำหนัก 1.1 กะรัต
CREDITS:
PHOTOS: COURTESY OF PATEK PHILPPE
GRAPHIC DESIGNER: Vanicha Limpanastitphon