อย่าให้ฝนฟ้าเป็นอุปสรรคในการใช้ชีวิต เก็บกระเป๋าให้ไวแล้วพาสองเท้าเดินเข้าป่า ดื่มด่ำกับธรรมชาติช่วง Green Season เพื่อสุขภาพกายและใจที่แข็งแรง พร้อมเติมเต็มความฉ่ำฝนด้วยละอองความหอมแสนสดชื่นของพฤกษานานาพรรณ
เข้าหน้าฝนทีไร ทำไมต้องหยุดเที่ยว…บางคนกลัวเปียกปอนเลอะเทอะจึงไม่แพลนทริปท่องเที่ยวในฤดูกาลนี้ แต่รู้หรือไม่ว่าการท่องเที่ยวในหน้าฝนที่เรียกว่า ‘Green Season’ อย่างการเดินป่านี่ล่ะที่จะทำให้เรารู้สึกสดชื่นและผ่อนคลายกว่าที่คิด เรียกได้ว่าเป็นการท่องเที่ยวอีกรูปแบบที่ต้องมาสัมผัสสักครั้ง
มีงานวิจัยหลายชิ้นที่กล่าวว่าการเดินป่านั้นดีกับมนุษย์เราทั้งทางด้านร่างกายและจิตใจ โดยในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมาผู้คนมากมายทั่วโลกได้เลือกการเดินป่าเพื่อบรรเทาความเครียดและความกดดันจากการใช้ หากเทียบกับกีฬาประเภทอื่นๆ การเดินป่าสามารถเข้าถึงได้ง่ายกว่ามาก ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายมากมาย และไม่ว่าจะอายุเท่าไหร่ก็สามารถหาเส้นทางที่ท้าทายและเหมาะสมเพื่อออกไปสำรวจได้ นอกจากที่กล่าวมาข้างต้นแล้วเรายังมีอีกหลายประโยชน์ของการเดินป่าที่หลายคนอาจคาดไม่ถึง
• เสริมความแข็งแรงของกระดูก
มวลกระดูกของคนเราจะค่อยๆ สลายไปเมื่ออายุเพิ่มมากขึ้น ยิ่งถ้าไม่ค่อยออกกำลังกายด้วยแล้วล่ะก็ ถือว่ามีความเสี่ยงที่มวลกระดูกจะสลายได้ง่าย ซึ่งอาจทำให้กระดูกไม่แข็งแรง เสี่ยงที่จะเป็นโรคเกี่ยวกับกระดูกเช่น โรคกระดูกพรุน ดังนั้นการออกกำลังกายที่ช่วยเสริมความแข็งแรงของกล้ามเนื้อและกระดูก จึงเป็นวิธีที่จะช่วยลดความเสี่ยงต่อกระดูกได้ และหนึ่งในนั้นคือการออกกำลังกายด้วยการเดินป่านั่นเอง
การเดินป่าเป็นหนึ่งในกิจกรรมที่ช่วยให้เราสามารถออกกำลังขาได้มากขึ้น ทุกย่างก้าวที่เดินเข้าป่าเพื่อไปยังจุดหมายนั้นกล้ามเนื้อกับกระดูกจะได้ออกแรงทำงานไปพร้อมๆ กัน จึงมีส่วนช่วยเพิ่มและรักษาความหนาแน่นของมวลกระดูก มากไปกว่านั้น ยังได้วิตามินดีจากแสงแดดอีกด้วย ซึ่งวิตามินดีจะช่วยในการสังเคราะห์แคลเซียม ซึ่งเป็นสารอาหารสำคัญที่ช่วยเสริมสร้างกระดูกให้แข็งแรง
• เผาผลาญแคลอรี่
นอกจากการออกกำลังกายอยู่ในฟิตเนสและสวนสาธารณะแล้ว การไปเที่ยวที่ออกแนวผจญภัยหน่อยๆ อย่าง การเดินป่า ก็เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่มีส่วนช่วยในการเผาผลาญแคลอรี่ในร่างกายได้เหมือนกัน เนื่องจากสภาพการเดินทางในป่าหรือเขา ทำให้ร่างกายต้องใช้พลังงานมากขึ้นในการเดิน เมื่อออกแรงมากขึ้นก็ทำให้สามารถเผาผลาญได้มากขึ้น
โดยจากผลการศึกษาของมหาวิทยาลัยฟลอริด้า (University of Florida) พบว่าการเดินในพื้นที่ไม่สม่ำเสมออย่างการเดินป่า ร่างกายจะต้องใช้พลังงานในการเดินมากกว่าการเดินบนพื้นราบเรียบปกติถึง 28 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งการใช้พลังงานที่มากขึ้นนี้เอง ก็จะไปกระตุ้นการทำงานของระบบเผาผลาญให้เผาผลาญไขมันหรือสารอาหารออกมาเป็นพลังงานแก่ร่างกาย โดยการเดินป่า 1 ชั่วโมง สามารถเผาผลาญแคลอรี่ได้ประมาณ 300-400 แคลอรี่เลยทีเดียว
อย่างไรก็ตาม อัตราการเผาผลาญก็อาจจะแตกต่างกันไปตามแต่ปัจจัยของแต่ละคน เช่น แบกสัมภาระที่หนักหรือไม่ ระยะทางในการเดินป่าไกลแค่ไหน ลักษณะภูมิประเทศมีความยากลำบากต่อการเดินหรือไม่ ความเร็วต่อการเดินป่าเป็นอย่างไร ปัจจัยเหล่านี้ก็จะมีผลต่ออัตราการเผาผลาญแคลอรี่ในร่างกาย ซึ่งร่างกายจะเผาผลาญได้มากหรือน้อยก็ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ เหล่านี้นั่นเอง
• เพิ่มความแข็งแรงแก่ร่างกาย
การออกกำลังกายนอกจากจะมีส่วนช่วยในการเผาผลาญแคลอรี่แล้ว ก็ยังช่วยกระตุ้นการทำงานของหัวใจและหลอดเลือด เพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ โดยเฉพาะถ้าเป็นการออกกำลังกายที่เสริมให้ร่างกายได้ออกแรงมากกว่าการออกกำลังกายแบบทั่วไปด้วยล่ะก็ จะยิ่งกระตุ้นการทำงานของหัวใจและหลอดเลือดให้ดีมากยิ่งขึ้น
หนึ่งในกิจกรรมที่ช่วยเสริมความแข็งแรงของร่างกายก็คือ การเดินป่า เพราะร่างกายจะได้ใช้กล้ามเนื้อทุกส่วนในการทำกิจกรรม ทั้งกล้ามเนื้อช่วงขา กล้ามเนื้อแขน สะโพก ข้อเท้า รวมถึงกระตุ้นการทำงานของหัวใจและหลอดเลือดด้วย
• ช่วยให้นอนหลับได้ดีขึ้น
การเดินป่า นอกจากจะช่วยให้ร่างกายได้ออกกำลังกายมากขึ้นแล้ว ก็ยังมีส่วนช่วยกระตุ้นการนอนหลับที่ดีด้วย เพราะช่วยเพิ่มระดับฮอร์โมนเมลาโทนิน ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ร่างกายสามารถสร้างขึ้นเองได้ ทำหน้าที่สำคัญในการควบคุมการนอนหลับ และทำให้รู้สึกง่วง อีกทั้งการเดินป่าที่ได้อยู่ท่ามกลางธรรมชาติ ยังมีส่วนช่วยกระตุ้นวงจรการนอนหลับตามธรรมชาติในร่างกาย ซึ่งช่วยให้นอนหลับได้ดีขึ้นอีกด้วย
• ยิ่งเดิน ยิ่งเพิ่มความสุข
แม้ว่าการเดินป่าจะเป็นกิจกรรมแนวผจญภัยที่ออกจะดูผาดโผน แต่การออกกำลังกายด้วยการเดินป่า สามารถช่วยกระตุ้นให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนแห่งความสุขที่เรียกว่าเอ็นโดรฟีน ซึ่งเป็นสารเคมีในสมองที่ช่วยลดความเจ็บปวด ทำให้ร่างกายรู้สึกดี มีอารมณ์สุนทรีย์มากขึ้น และยังช่วยผ่อนคลายความเครียดด้วย ยิ่งถ้าเป็นการไปเดินป่ากับกลุ่มเพื่อนก็จะยิ่งช่วยเพิ่มความสนุกและความสุขในการทำกิจกรรมมากขึ้นไปอีก
• ลดอาการซึมเศร้า
วิตามินดี นอกจากจะดีต่อสุขภาพผิว และช่วยกระตุ้นการดูดซึมแคลเซียมเพื่อทำให้กระดูกแข็งแรงแล้ว วิตามินดีก็ยังมีส่วนช่วยให้อาการซึมเศร้าดีขึ้นด้วย จากผลวิจัยพบว่า หากร่างกายมีปริมาณของวิตามินดีไม่เพียงพอ นอกจากจะส่งผลให้เกิดอาการอ่อนเพลีย กระดูกไม่แข็งแรง หรือปวดกล้ามเนื้อแล้ว ก็ยังส่งผลให้เกิดอาการซึมเศร้าด้วย อย่างไรก็ตาม จากผลการศึกษายังพบอีกว่าผู้ที่มีภาวะขาดวิตามินดี มีแนวโน้มของอาการซึมเศร้าดีขึ้นหลังจากเข้ารับการรักษาอาการขาดวิตามินดี
แม้ว่าระหว่างเดินป่า อาจไม่เหมาะกับการฉีดน้ำหอมเท่าไรนัก ด้วยอาจเป็นการดึงดูดให้สัตว์ร้ายบางชนิดอาจเข้ามาโจมตีเพื่อหาที่มาของกลิ่น ทั้งนี้ เราได้รวบรวมละอองความหอมที่พร่างพรมเมื่อไร เป็นต้องได้ฟีลความฉ่ำชื่นของพรรณไม้เขียวขจี เป็นไอเดียการฉีดน้ำหอมสำหรับฤดูกาลนี้สำหรับสาวๆ ทุกคน
BVLGARI Le Gemme Kobraa Eau de Parfum แรงบันดาลใจจากแจสเปอร์สีเขียว อัญมณีแห่งความกล้าหาญ สู่กลิ่นหอมแนววู้ดดี้โอเรียนทัลอันทรงพลัง หลอมรวมระหว่างใบเจอราเนียม กำยาน และไม้กฤษณา
CARINE ROITFELD Carine Eau de Parfum เฉลิมฉลองให้กับพลังแห่งอิสตรี! นำเสนอกลิ่นหอมท้าทายกลิ่นใหม่ที่โดดเด่นด้วยกลิ่นหอมเย้ายวนของดอกไม้สีขาว ผสานความอบอุ่นจากหญ้าแฝก พริกไทยสีชมพู และเบสโทนไม้จากพิมเสน
CHOPARD Cedar Malaki Eau de Parfum ท็อปโน้ตผสมผสานอย่างลงตัวระหว่างกลิ่นหอมแนววู้ดดี้และอโรม่าติก ในขณะที่กลิ่นฮาร์ทโทนฟลอรัลส่งกลิ่นหอมจากเจอเรเนียมและลาเวนเดอร์ กลิ่นเบสบ่งบอกถึงความอบอุ่นของสนไซเปรส สนซีดาร์ และถั่วตองก้า
FUEGUIA 1833 Seda Eau de Parfum บันทึกความทรงจำของการเดินทางท่ามกลางสายฝน นับแต่ช่วงเวลาที่ฝนหยดแรกร่วงหล่นลงจากฟ้า ไหลผ่านหญ้า ดอกไม้ ต้นไม้ ราวกับปลุกธรรมชาติจากการหลับใหล เพิ่มประสบการณ์ที่จะกระตุ้นทุกโสตประสาท
JO MALONE LONDON Wild Achillea Cologne กลิ่นหอมระยิบระยับของมะกรูดอันเจิดจ้าถูกห่อหุ้มไว้ในอ้อมกอดที่จัดจ้านของอคิลเลียป่าสีทอง นำความเขียวขจีอันแสนสดชื่นให้มาบรรจบเข้ากับกลิ่นหอมสุดท้ายของไวท์มัสก์ที่นุ่มนวลได้อย่างสมดุลและน่าอัศจรรย์
KAYALI Yum Pistachio Gelato Eau de Parfum พร้อมสัมผัสกับกลิ่นหอมหวานของดอกไม้ ทั้งมะลิ, ลิลลี่ ออฟ เดอะ วัลเลย์ และโบตั๋น ผสานด้วยกลิ่นเบสของขนมหวานที่ชวนให้ลิ้มลองด้วยส่วนประกอบของพิสตาชิโอ, วิปครีม, มาร์ชเมลโลว์, วานิลลา และโกโก้
MAISON CRIVELLI Neroli Nasimba Eau de Parfum ความหอมสดใสเต็มไปด้วยพลังที่จะขจรขจายไปด้วยความบริสุทธิ์จากเนโรลี ผสานเข้ากับดอกลีลาวดีได้อย่างดี พร้อมด้วยอำพันที่จะมอบความสดชื่นแบบเต็มเปี่ยม
MAISON FRANCIS KURKDJIAN Aqua Media Cologne Forte Eau de Parfum กลิ่นหอมของเนโรลีมอบความสดใสจัดจ้านที่จะพาไปสัมผัสกับความหอมของซิตรัสอันสดชื่นและผลไม้มากมาย พร้อมโน้ตกลิ่นดอกไม้สุดเซอร์ไพรส์ และอันเดอร์โทนของอำพันที่ชวนให้หลงใหล
SISLEY L’Eau Rêvée d’Alma Eau de Toilette การผสานที่ลงตัวของอะควาติกไอริสอันละมุนละไมเข้ากับความหอมเย็นของกระวาน Eau Rêvée d’Alma คือกลิ่นหอมที่เปี่ยมไปด้วยความเบิกบาน
TOM FORD Azure Lime Eau de Parfum น้ำหอมแนวกลิ่น Citrus Chypre นี้จะปลุกห้วงความรู้สึกที่ผ่อนคลาย ละเอียดอ่อนและมีสไตล์ด้วยกลิ่นหอมของผลมะนาวฉ่ำชื่น กลิ่นหอมอโรมาของพรรณไม้เขียว และแซนเดิ้ลวู้ดที่แสนเย้ายวน
CREDITS:
PHOTOS: COURTESY OF BVLGARI, CARINE ROITFELD, CHOPARD, FUEGUIA 1833, JO MALONE, KAYALI, MAISON CRIVELLI, MAISON FRANCIS KURKDJIAN, SISLEY, TOM FORD
STOCK PHOTOS: Image by wirestock on Freepik
GRAPHIC DESIGNER: Vanicha Limpanastitphon
สามารถติดตามคอนเทนต์อื่นๆ ที่น่าสนใจได้ ที่นี่