ตัวอย่างแรกจาก JUNG E การต่อสู้ของหุ่นรบเอไอความหวังสุดท้ายของมวลมนุษย์ชาติ ผลงานจากผู้กำกับ Train To Busan
ยังคงเป็นปีของซีรีส์และภาพยนตร์เกาหลีอย่างต่อเนื่อง หลัง Train To Busan ด่วนนรก ซอมบี้คลั่ง (2016) เคยประสบความสำเร็จจนกลายเป็นกระแสซอมบี้ฟีเวอร์ ล่าสุดผู้กำกับ ยอนซังโฮ ก็ยกทัพนักแสดงแถวหน้า มาถ่ายทอดเรื่องราวในโลกดิสโทเปีย เมื่อโลกศตวรรษที่ 22 กำลังเข้าสู่การล่มสลายจากภาวะโลกร้อน หนำซ้ำยังเกิดสงครามภายในที่ทำให้รัฐบาลต้องพัฒนาอาวุธสุดล้ำสมัยในชื่อ JUNG E หุ่นรบเอไอที่กลายมาเป็นความหวังสุดท้ายของประเทศ
จอง_อี เป็นภาพยนตร์ไซไฟ (Sci-fi) แอคชั่น วันสิ้นโลก ภายใต้การกำกับของผู้กำกับระดับตำนาน ยอนซังโฮ (Yeon Sungho) ผู้เคยฝากผลงานแนวไซไฟ ดิสโทเปีย (Dystopia) ไว้มากมาย ทั้ง Train To Busan ด่วนนรก ซอมบี้คลั่ง Peninsula ฝ่านรกซอมบี้คลั่ง (2020) และ Hellbound สื่อรักข้ามภพ (2021) ซึ่งล้วนแต่เป็นผลงานที่เนรมิตเรื่องราวเหนือจินตนาการออกมาเพื่อสะท้อนสังคมและเสียดสีเรื่องชนชั้น ระบบต่างๆ ในสังคม ไปจนถึงเรื่องความเหลื่อมล้ำและความเป็นมนุษย์ในตัวผู้คนที่นับวันก็ยิ่งจะถดถอย
แน่นอนว่าเรื่องราวใน จอง_อี ก็หยิบเอาประเด็นเรื่องความเป็นมนุษย์เข้ามาสอดแทรกไว้เช่นเดียวกัน ผ่านตัวละคร จอง_อี หุ่นยนต์ทหารรับจ้างหญิงที่นอกจากจะมีความเหมือนมนุษย์จนน่าทึ่ง เธอยังมีความรู้คิด และความทรงจำเช่นเดียวกันกับมนุษย์คนหนึ่ง เพราะเธอถูกสร้างมาจากอดีตทหารหญิงผู้ถูกนำร่างกายรวมทั้งสมองมาเก็บรักษา ดัดแปลง และทดลองเพื่อพัฒนาเป็นหุ่นยนต์ต้นแบบ ที่จะมีทั้งความฉลาด ชั้นเชิงการรบที่เหนือชั้น และความจงรักภักดีเฉกเช่นเดียวกันกับวันที่เธอเป็นมนุษย์
ความน่าสนใจของภาพยนตร์ไซไฟสุดล้ำสมัยเรื่องนี้ ไม่ได้มีเพียงพลอตเรื่องและฉากบู๊แอคชั่นที่เข้มข้นเท่านั้น แต่ Climax Studio สตูดิโอผู้สร้าง ยังเนรมิตโครนอยด์ (Kronoid) เมืองในอนาคตที่มีความล้ำยุค ทันสมัย ด้วย CGI ที่สมจริง แต่ในขณะเดียวกันก็เสื่อมโทรมจากภัยธรรมชาติซึ่งมีผลมาจากภาวะโลกร้อนและสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงจนได้รับเสียงชื่นชมล้นหลามตั้งแต่ตัวอย่างออกฉาย โดยการวางเงื่อนไขและพลอตเรื่องให้ผู้คนในยุคนั้น ต้องดิ้นรนเพื่อเอาชีวิตรอดจากภาวะการณ์ที่สภาพแวดล้อมโลกเปลี่ยนแปลงจนก่อเกิดเป็นสงคราม จึงนับเป็นฉากหลังที่น่าติดตามของเรื่อง
โดยได้สามนักแสดงชื่อดังของเกาหลีอย่างคิมฮยอนจู (Kim Hyunjoo) จาก Watcher (ค.ศ. 2019) และ Undercover ปฏิบัติการซ่อนเงา (ค.ศ. 2021) มารับบทจอง_อี ทหารหญิงระดับสูงแห่งกองกำลังพันธมิตรที่ได้รับมอบหมายให้ปกป้องเชลเตอร์ (Shelter) หรือฐานที่มั่นใหม่บนอวกาศ หลังจากโลกใกล้จะถึงการณ์วิบัติและไม่สามารถใช้อาศัยได้อีกต่อไป เธอต้องมาถ่ายทอดบทบาททหารรับจ้างระดับตำนาน ผู้ถูกนำมาใช้เป็นร่างต้นแบบของการโคลนนิ่งสมองเพื่อดึงเอาความสามารถด้านการรบสูงสุด ที่ไม่เพียงต้องเล่นฉากบู๊ที่เข้มข้นเท่านั้น แต่ยังมีซีนอารมณ์ที่เธอต้องถ่ายทอดถึงความทุกข์ทรมานของการทดลองโคลนนิ่ง ซึ่งเดาได้ว่าภาพยนตร์น่าจะหยิบประเด็นเรื่องความเป็นมนุษย์มานำเสนออย่างเข้มข้น
และยังได้คัง ซูยอน (Kang Sooyeon) นักแสดงสาวระดับตำนานผู้เคยคว้ารางวัลนักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมจากภาพยนตร์ The Surrogate Womb (ค.ศ. 1986) ในเวทีเทศกาลภาพยนตร์ระดับโลกอย่าง Venice Film Festival และได้ชื่อว่าเป็นผู้กรุยทางให้กับอุตสาหกรรมภาพยนตร์เกาหลีใต้ ในบทบาทซอฮยอน หัวหน้าทีมปฏิบัติการโคลนนิ่งสมองและพัฒนาเทคโนโลยี AI ของหุ่นรบจองอี แต่ความอ่อนไหวในหัวใจของเธอ ทำให้เธอตัดสินใจปลดปล่อยหุ่นรบหญิงในการควบคุมให้เป็นอิสระ และจงใจขัดต่อเจตนารมณ์ของริว คยองซู (Ryu Kyungsoo) ที่มารับบทซังฮุน ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยที่มุ่งมั่นอยากจะทำโปรเจกต์โคลนนิ่ง AI นี้ให้สำเร็จ
นอกจากภาพยนตร์เรื่องนี้จะเป็นการคืนวงการครั้งสำคัญและกลับมาจับงานแสดงเป็นครั้งแรกในรอบ 8 ปีของนักแสดงสาวระดับตำนานวัย 55 ปีอย่างคังซูยอน นี่ยังเป็นบทบาทสุดท้ายที่เธอได้รับในฐานะนักแสดง หลังจากเธอเสียชีวิตด้วยโรคหัวใจล้มเหลวเฉียบพลันไปเมื่อช่วงเดือนพฤษภาคม ปีค.ศ. 2022 ที่ผ่านมา และพลาดโอกาสที่จะได้ชมผลงานเต็มๆ ของตนเองบน Netflix ไปอย่างน่าเสียดาย
แต่นอกจากจองอี ผู้กำกับยอนซังโฮยังมีอีกโปรเจกต์น่าสนใจร่วมกับ Netflix ในชื่อ Parasyte: The Grey ซีรีส์ซึ่งดัดแปลงมาจากผลงานหนังสือการ์ูนโดยอาจารย์ฮิโตชิ อิวาอากิ จากสำนักพิมพ์โคดันฉะของญี่ปุ่น โดยเล่าเกี่ยวกับเรื่องราวของปรสิตไม่ทราบสายพันธ์ที่พยายามเข้ามาอาศัยในร่างกายมนุษย์ และสั่งสมพละกำลังเพื่อสร้างกองทัพและก่อกวนสร้างความไม่สงบในสังคม มนุษย์จึงต้อยืนหยัดเพื่อต่อสู้กับเหล่าปรสิตสุดอันตรายนี้
ซึ่งนี่ก็ดูเหมือนจะเป็นทางถนัดของยอนซังโฮ ผู้มีมุมมองเกี่ยวกับธรรมชาติและสัญชาตญาณดิบของมนุษย์ในยามที่ต้องเผชิญหน้ากับความคับขัน หรืออยู่ในสภาวะที่โลกพบเจอกับความโกลาหลวุ่นวาย เราจึงไม่ต้องเดาเลยว่าเขาจะสอดแทรกเรื่องราวเหล่านี้ลงไปในภาพยนตร์และซีรีส์ของเขาอย่างแน่นอน
โดยในจอง_อี เขารับหน้าที่ทั้งเขียนบทและกำกับด้วยตนเอง ส่วน Parasyte: The Grey ที่ยังคงไม่ประกาศวันฉายที่แน่ชัดนั้น เขาจะร่วมงานกับนักเขียนรยูยองแจ ผู้อยู่เบื้องหลังบทซีรีส์สุดเข้มข้นอย่าง ทรชนคนปล้นโลก: เกาหลีเดือด (Money Heist: Korea – Joint Economic Area)
ใครที่เป็นคอหนังไซไฟ แอคชั่น ในโลกอนาคต รวมทั้งเป็นแฟนคลับของผู้กำกับยอนซังโฮ ก็อย่าลืมมาร่วมเอาใจช่วยหุ่นรบสาว จอง_อี พร้อมกันทั่วโลก 20 มกราคมนี้ พร้อมซับไตเติ้ลและเสียงพากย์ภาษาไทยเฉพาะบน Netflix เท่านั้น
CREDIT:
PHOTOS: COURTESY OF NETFLIX
อ่านเรื่องราวที่น่าสนใจอื่นๆ ได้บน Padthai.co
- Repeat After Me: ชวนไขปริศนาที่ซ่อนใน Music Video แนวย้อนยุคสุดคัลท์ Ditto ซิงเกิลใหม่สุดฮ็อตจากสาวๆ Newjeansที่ชวนให้นึกถึงหนังเก่าแนว J-Horror ยุค 2000s ด้วยบรรยากาศสุดหลอน แต่ซ่อนข้อความถึงเหล่าบันนี่ส์ (Bunnies) แฟนคลับของพวกเธอ
- Pink Venom แผลงฤทธิ์ ! Blackpink คัมแบ็กสุดปัง ทุบสถิติ 100 ล้านวิวบน Youtue ภายในเวลาเพียง 30 ชั่วโมง นำเสนอมิวสิควีดีโอ Pink Venom พรี-ซิงเกิ้ลสุดร้อนแรงจากอัลบัม BORN PINK และการกลับคืนบัลลังก์อีกครั้งของราชินีผู้พาวงการ K-POP ไปสู่ระดับโลก
- ลองฟัง: ได้เวลารักตัวเอง! Self love ผลงานใหม่จากเจ้าพ่อคอนเน็คชั่น กอล์ฟ F.HERO กับการรวมตัวของ 2 แรปเปอร์เกาหลี ยูนมิเร – TigerJK และ Mr.Everything ของเหล่าเพนกวิ้น บิวกิ้น พุฒิพงศ์ อัสสรัตนกุล
- รีวิวหลังดูจบแบบไม่สปอยล์ : สิ้นสุดการรอคอย AVATAR 2 : The Way of Water วิถีแห่งสายน้ำ การกลับมาของครอบครัวซัลลี ชนเผ่าเมทคายีน่า เหล่านาวีแห่งท้องทะเล และผลงานภาพสวยจับใจไม่เสียชื่อผู้กำกับระดับเทพ เจมส์ คาเมรอน ฟันรายได้ทั่วโลกวันแรก 553 ล้านบาท
- 2023 TRENDS & PREDICTIONS : Entertainment and Pop-Culture เจาะเทรนด์โลก 2023 ไปกับ Padthai POP-CULTURE วงการสื่อจะไปในทิศทางไหน แล้วคอนเทนต์รูปแบบใดจะมาแรงในปี 2023 ที่จะถึงนี้