Black Eye โซโล่มิกซ์เทปจากเวอร์นอน แร็ปเปอร์หนุ่มจาก Seventeen


Black Eye เพลงป๊อป-พังค์สุดเท่ ผลงานซิงเกิลมิกซ์เทปเดี่ยวครั้งแรกจากเวอร์นอน ชเว แร็ปเปอร์ลูกครึ่งเกาหลี-อเมริกันมากความสามารถแห่ง Seventeen


สำหรับศิลปินกลุ่มในวงการบันเทิงไม่ว่าจะบอยแบนด์หรือเกิร์ลกรุ๊ป การต้องอยู่ภายใต้คอนเซ็ปต์ของวงและนำเสนอเพลงตามคอนเซ็ปต์ที่วงวางไว้ร่วมกันอาจยังไม่สามารถถ่ายทอดตัวตนและความเป็นตนเองในฐานะปัจเจกบุคคลออกมาได้อย่างเต็มที่ และปัญหานี้ก็ดูจะเป็นอุปสรรคใหญ่ในการค้นหาตนเองและเติบโตในฐานะศิลปิน เราจึงเห็นผลงานเดี่ยวของสมาชิกวงบอยแบนด์และเกิร์ลกรุ๊ปหลายๆ คนที่นำเสนอผลงานเดี่ยวของตนเองออกมาเพื่อสื่อสารตัวตนและเรื่องราวของตนเองออกมาสู่แฟนๆ เช่นเดียวกับเวอร์นอน ชเว (Vernon Chwe) แร็ปเปอร์หนุ่มลูกครึ่งอเมริกัน-เกาหลีจากวง Seventeen และผลงานมิกซ์เทปเดี่ยวชุดแรกของเขาอย่าง Black Eye

Black Eye เป็นซิงเกิลแนวป๊อป-พังค์ (Pop-Punk) ที่เวอร์นอนเขียนเนื้อเพลงทั้งหมดด้วยตนเอง โดยหยิบเอาแนวป๊อป-พังค์ซึ่งเป็นแนวเพลงที่ตัวเขาสนใจและชื่นชอบอยู่แล้ว มาถ่ายทอดประสบการณ์ของคนที่กำลังเจอช่วงเวลาที่ยากลำบากในชีวิต เราจึงสัมผัสได้ถึงอารมณ์ที่หลากหลายในเพลงนี้ ไม่ว่าจะเป็นความโกรธ กลัว เศร้า โดดเดี่ยว กังวล ต่อต้านสังคมและรู้สึกหลงทางเพราะไม่เข้าใจในตนเอง โดยมีเสียงกีตาร์ กลอง และเบสที่หนักหน่วงและโดดเด่นตลอดทั้งเพลงช่วยขับเน้นอารมณ์เหล่านั้นให้ชัดเจนยิ่งขึ้น

โดยชื่อเพลงมาจากคำแสลงในภาษาอังกฤษที่นอกจากจะหมายถึงรอยเขียวช้ำใต้ตาจากการชกต่อย ซึ่งสื่อความหมายถึงเด็กเกเรที่ชอบมีเรื่องทะเลาะวิวาท มันยังเป็นแสลงที่หมายถึงความรู้สึกอับอาย เป็นอื่น หรือรู้สึกไม่ดีพอได้อีกด้วย ซึ่งเนื้อหาในเพลงนี้ก็ตั้งคำถามกับเรื่องตัวตนและความรู้สึกอ้างว้างจากการถูกผลักดันให้เป็นอื่น จนต้องร้องตะโกนออกมาเพื่อขอความช่วยเหลือจากใครสักคนไม่ให้ทิ้งเขาเอาไว้ให้โดดเดี่ยวในฝันร้ายที่ดำมืด

Black Eye

เวอร์นอนเผยเหตุผลที่เลือกนำเสนอมิกซ์เทปชุดนี้ว่า เขาอยากจะถ่ายทอดความเป็นเวอร์นอน ชเว ด้วยภาพลักษณ์ที่ ‘ดุดันและเป็นอิสระ’ แตกต่างจากภาพลักษณ์อบอุ่นที่ทุกคนคุ้นเคยของเขาในฐานะแร็ปเปอร์ของวง Seventeen เพื่อเผยให้เห็นตัวตนในอีกด้านของตนเอง ซึ่งเขาเองก็ได้เรียนรู้อะไรมากมายระหว่างที่ใช้เวลาสร้างสรรค์ผลงานมิกซ์เทปเดี่ยวชุดนี้ควบคู่ไปกับการทำคอนเสิร์ต SEVENTEEN WORLD TOUR ‘BE THE SUN’ ไปพร้อมกับวง และคิดว่าผลงานเดี่ยวเพลงนี้เป็นหนึ่งในประสบการณ์ที่ดีต่อการเติบโตของตัวเขาเองในฐานะศิลปิน

สิ่งเหล่านี้สอดคล้องกันกับสิ่งที่บอมจู (Bumzu) โปรดิวเซอร์ร่วมที่ทำงานเพลงทั้งหมดให้ Seventeen ร่วมกับอูจีเคยให้ความเห็นถึงเวอร์นอนไว้ว่า เวอร์นอนเป็นสมาชิกที่มีความคิดลึกซึ้งเกี่ยวกับชีวิตและไม่เคยหยุดที่จะค้นหาตัวเอง เราจึงสัมผัสได้ถึงการพยายามจะสื่อสารเรื่องราวที่เฉพาะตัว แต่เต็มไปด้วยสีสันที่เป็นเอกลักษณ์ของตนเองออกมา

โดยซิงเกิลมิกซ์เทปจากเวอร์นอนเพลงนี้นับเป็นผลงานชุดที่ 3 จากโปรเจกต์ The Thirteen Tapes ซีรีส์มิกซ์เทปที่ SEVENTEEN เปิดโอกาสให้สมาชิกแต่ละคนของวงได้ทดลองทำผลงานเดี่ยวที่ถ่ายทอดความเฉพาะตัวของทั้ง 13 สมาชิกออกมา หลังจากก่อนหน้านี้โฮชิ (Hoshi) ได้เปิดตัวเพลง Spider ที่เผยให้เห็นมุมเซ็กซี่และท่าเต้นที่โดดเด่น สมกับการเป็นลีดเดอร์ของ Performance Team เช่นเดียวกับอูจี (Woozi) โปรดิวเซอร์หนุ่มเจ้าของตำแหน่งลีดเดอร์ของ Vocal Team ที่นำเสนอซิงเกิลป๊อป-ร็อกที่เต็มไปด้วยสีสันทางดนตรีที่หลากหลายอย่าง Ruby

Black Eye

ในเพลง Black Eye เราจึงได้สัมผัสถึงเอกลักษณ์และรสนิยมทางดนตรีของเวอร์นอนอย่างชัดเจนเช่นกัน ด้วยกลิ่นอายของดนตรีป๊อป-ร็อกตะวันตกยุค 80-90s ที่ผสมผสานเข้ากับความเป็น K-POP อย่างพอเหมาะ ในสไตล์ที่ชวนให้นึกถึงอัลบัมเก่าๆ ของเจ้าแม่เพลงป๊อป-ร็อกยุค 90s อย่างอาวริล ลาวีน (Avril Lavigne) รวมทั้งวงร็อกอเมริกันอย่าง กรีนเดย์ (Green Day) นักร้องเดี่ยวแนวอัลเทอร์เนทีฟ-อินดี้ (Althernative-Indie) ยุค 2000s อย่างยังบลัด (Yungblud) และแร็ปเปอร์หนุ่มสัญชาติอเมริกันเอ็มจีเค (Machine Gun Kelly)

ซึ่งหากลองย้อนกลับไปพิจารณาพัฒนาการทางดนตรีของเวอร์นอนอย่างถี่ถ้วน แม้แต่ในโบนัสแทร็คภาษาอังกฤษอย่าง 2 Minus 1 (2021) ที่เขาร้องและเขียนเนื้อเพลงร่วมกับโจชัว (Joshua) เพื่อนร่วมวง Seventeen ในมินิอัลบัมชุดที่ 9 อย่าง Attacca ก็เต็มไปด้วยเอกลักษณ์และความหลงใหลที่เวอร์นอนมีต่อดนตรีป็อป-พังค์อย่างไม่ปิดบัง เช่นเดียวกันกับที่เคยฝากไว้ในเพลง Wrecker ที่เขาได้มีโอกาสไปร่วมงานกับโอเมก้า เซเปียน (Omega Sapien) และ Beg For You ที่ร่วมงานกับนักร้องสาวลูกครึ่งญี่ปุ่น-อังกฤษ รินะ ซาวายามะ (Rina Sawayama)

แต่ในขณะเดียวกันเราก็สามารถมองเห็นตัวตนของเขาในมิติที่หลากหลายขึ้นเมื่อแยกจากการทำงานร่วมกับวง โดยแรปเปอร์หนุ่มเคยพูดถึงเรื่องนี้โดยอ้างอิงถึงภาพยนตร์ Sci-Fi ระดับตำนานเรื่องโปรดของเขาอย่าง The Matrix (1999) ว่าในทุกครั้งที่ได้ชมภาพยนตร์เรื่องนี้ ผู้ชมจะตกตะกอนและค้นพบสิ่งใหม่ๆ รวมถึงข้อความมากมายที่ซุกซ่อนเอาไว้ในภาพยนตร์ แม้ว่าการตีความบางอย่างของแฟนๆ บนโลกออนไลน์จะไม่ใช่สิ่งที่ผู้สร้างจงใจสื่อสาร แต่หนังก็มีมิติที่หลากหลายและเปิดโอกาสให้ผู้ชมได้จินตนาการและตีความถึงมัน ซึ่งเขาก็อยากให้แนวเพลงที่เขาทำเป็นแบบนั้นเช่นกัน

ฟังเพลง Black Eye จากเวอร์นอนได้แล้ววันนี้บน Apple Music, Spotify, Soundcloud และ Youtube


CREDIT:
PHOTOS: COURTESY OF HYBE ENTERTAINMENT AND SEVENTEEN OFFICIAL


อ่านเรื่องราวที่น่าสนใจอื่นๆ ได้บน Padthai.co

Share:

Facebook
Twitter
Pinterest
LinkedIn
On Key

Related Posts

Your Tarot Weekly

Post Views: 219 คำพยากรณ์รายสัปดาห์ระหว่างวันอาทิตย์ที่ 17 มีนาคม – วันเสาร์ที่​ 23 มีนาคม พ.ศ. 2567 โดย​ มาดามราเชล วันอาทิตย์ นิสัย​ของดาว : ยศศักดิ…

Citizen Godzilla X Promaster Dive Limited Edition

Post Views: 17 Citizen เสนอนาฬิการุ่นพิเศษ “Ecozilla” ฉลอง 70 ปี “ราชาแห่งมอนสเตอร์” ​Citizen Godzilla X Promaster Dive Limited Edition สองตำนานข…

Your Tarot Weekly

Post Views: 107 คำพยากรณ์รายสัปดาห์ระหว่างวันอาทิตย์ที่ 10 มีนาคม – วันเสาร์ที่​ 16 มีนาคม พ.ศ. 2567 โดย​ มาดามราเชล วันอาทิตย์ นิสัย​ของดาว : ยศศักดิ…

Korat Expo 2029

Post Views: 64 โคราชเฮ.. คว้าสิทธิ์เป็นเจ้าภาพจัดงานพืชสวนโลก  “โคราช เอ็กซ์โป 2029”ประเทศไทยชูวิสัยทัศน์สู่อนาคตแห่งโลกสีเขียว สมาคมพืชสวนระหว่างประเ…