Girard-Perregaux เปิดตัวเวอร์ชันแห่งสีและความสง่างามใหม่ของนาฬิกาไอคอนิก อย่าง Laureato ใน Laureato 42mm Pink Gold & Onyx
Girard-Perregaux Laureato 42 MM Pink Gold & Onyx เปิดตัวแนะนำครั้งแรกในปี ค.ศ. 1975 ที่นาฬิกา Laureato ซึ่งมาพร้อมงานดีไซน์อันโดดเด่นเหนือยุคสมัยของ Girard-Perregaux (จีราร์ด-แพร์โกซ์) นั้นได้ครองใจและความหลงใหลของผู้คนซึ่งชื่นชอบในงานออกแบบ รวมถึงเหล่านักสะสมนาฬิกาเป็นอย่างมาก และโดยตลอดเส้นทาง 47 ปีของการสร้างสรรค์เอกลักษณ์แห่ง Laureato นี้ ก็ยังคงได้รับการสืบทอดทั้งคุณสมบัติและคุณลักษณะเฉพาะตัว ผ่านวิวัฒนาการและการพัฒนาอีกมากมาย เช่นเดียวกับในวันนี้ ที่แบรนด์ได้พร้อมเปิดตัวอีกหนึ่งเวอร์ชันสีและความสง่างามใหม่ของ Laureato 42mm Pink Gold & Onyx ภายในตัวเรือนพิงค์โกลด์ และจับคู่เข้ากับหน้าปัดโอนิกซ์สีดำรังสรรค์ขึ้นด้วยมือ พร้อมทั้งติดตั้งด้วยกลไกจักรกลผลิตในโรงงานของแบรนด์
ณ ท่ามกลางยุค 1970s นับเป็นช่วงเวลาสำคัญของโลกแห่งงานออกแบบ ด้วยแนวคิดสร้างสรรค์ที่เกิดขึ้นมากมายและขยายสู่การรังสรรค์วัตถุสิ่งของต่างๆ ที่ล้วนถ่ายทอดถึงความสวยงามเหนือกาลเวลา บวกกับความสามารถด้านฟังก์ชันที่มีความโดดเด่นเฉพาะตัว เช่นเดียวกับในโลกของเรือนเวลา กับการเปิดตัวนาฬิกาสไตล์สปอร์ตหรูใหม่ ทั้งที่บรรจุภายใต้ตัวเรือนสตีล และผสานเข้ากับสายสร้อยข้อมือโลหะ แต่เมื่อผ่านกาลเวลามาแล้วนั้น มีเพียงงานออกแบบจากยุคนี้ไม่กี่ชิ้นที่ยังคงดึงดูดความสนใจได้เรื่อยมา และหนึ่งในนั้นคือผลงาน Laureato ของ Girard-Perregaux ที่ยังคงไว้ด้วยเอกลักษณ์ความคลาสสิกเหนือกาลเวลา และเดินหน้าสู่การบุกเบิกแนวคิดสร้างสรรค์ใหม่ๆ อันที่ปรารถนาสูงสุดของบรรดาคนรักนาฬิกาเสมอ
โดยนับจากเริ่มต้น งานออกแบบของ Laureato นั้นมีเอกลักษณ์จากการผสมผสานและหลอมรวมระหว่างรูปทรงอันแตกต่าง เพื่อสร้างสรรค์รูปลักษณ์ที่โดดเด่น แต่ยังคงความกลมกลืนเป็นหนึ่งเดียว โดย Laureato แต่ละเรือนประกอบด้วยขอบตัวเรือนทรงแปดเหลี่ยมที่ติดตั้งไว้ด้านบนสุดของวงแหวนทรงกลม ทั้งยังจัดวางอยู่เหนือตัวเรือนทรงตอนโน (tonneau-shaped) แบบเหลี่ยมมุม และแม้จะประกอบด้วยรูปทรงเรขาคณิตจากเส้นสายอันชัดเจน แต่นาฬิกาเหล่านี้ก็ยังคงไว้ด้วยบุคลิกของความนุ่มนวล ชวนให้หวนนึกถึงหินอันกลมกลึงตามธรรมชาติ รวมถึงผลลัพธ์ที่ได้มาจากการตกแต่งซึ่งผสมผสานกันอย่างประณีตวิจิตรระหว่างพื้นผิวขัดเงาและขัดด้านแบบซาติน ที่ช่วยมอบมิติอันสวยงาม นับจากตัวเรือนตลอดจนสายสร้อยข้อมือ ทำให้ Laureato มีเอกลักษณ์เฉพาะที่สามารถจดจำได้อย่างทันทีแม้มองเห็นจากระยะไกล
และในปี ค.ศ. 1975 ของการเปิดตัว Laureato รุ่นแรกนั้น ยังได้รับการเรียกขานด้วยชื่อ ‘Quartz Chronometer’ ส่วนในอิตาลี ซึ่งเป็นตลาดสำคัญของแบรนด์ในยุคสมัยนั้น นาฬิการุ่นนี้ยังเป็นที่รู้จักกันในหมู่ผู้เชี่ยวชาญว่า ‘บัณฑิต’ หรือ Laureato ในภาษาอิตาลี ที่ต่อมา ชื่อนี้จึงได้ถูกนำมาประยุกต์ใช้โดยแบรนด์ ทั้งยังประจวบเหมาะกับที่ขอบตัวเรือนทรงแปดเหลี่ยมซึ่งจัดวางไว้ด้านบนสุดของตัวเรือนนาฬิกานั้น ยังดูคล้ายกับช่อชัยพฤกษ์ (laurel crown) อันทรงเกียรติอีกด้วย และตลอดระยะเวลาหลายปี งานออกแบบของ Laureato ต่างได้รับการปรับปรุงและเปลี่ยนแปลงอย่างพิถีพิถัน กระนั้น หัวใจสำคัญของนาฬิการุ่นดั้งเดิมของปี ค.ศ. 1975 ก็ยังคงได้รับการสืบทอดอย่างมั่นคงไว้เสมอ เช่นในปี ค.ศ. 2017 ที่ Girard-Perregaux ได้เปิดตัวเจเนอเรชันที่ห้าของ Laureato และเป็นงานออกแบบที่ได้นำมาปรับใช้ในผลงานรุ่นล่าสุดของ Laureato 42mm Pink Gold & Onyx นี้ด้วย
ต่างจากยุคของการเปิดตัวครั้งแรกสำหรับ Laureato ในปี ค.ศ. 1975 ที่ติดตั้งไว้ด้วยกลไกควอตซ์ผลิตในโรงงานของตนเอง พร้อมทั้งผ่านประกาศนียบัตรแห่ง COSC อย่าง Calibre 705 ที่ในนาฬิการุ่นใหม่ของ Laureato 42mm Pink Gold & Onyx
ได้ต้อนรับการกลับมารุ่งเรืองอีกครั้งของกลไกจักรกลคุณภาพสูง โดยเฉพาะในปี ค.ศ. 1995 ซึ่งนับเป็นช่วงเวลาที่การประดิษฐ์นาฬิกาจักรกลเริ่มหวนคืนกลับมาได้รับความนิยมอีกครั้ง และ Girard-Perregaux เองได้เปิดตัวนาฬิกา Laureato 8010 ซึ่งติดตั้งด้วยกลไกจักรกลไขลานอัตโนมัติที่ผลิตภายในโรงงานของตนเอง จวบจนถึงปัจจุบันนี้ ยังคงมีผลงานอย่าง Laureato 34mm ที่ติดตั้งด้วยกลไกควอตซ์ ขณะที่รุ่นอื่นๆ ซึ่งนำเสนอด้วยตัวเรือนขนาดใหญ่กว่าล้วนบรรจุภายในไว้ด้วยการขับเคลื่อนของกลไกจักรกลทั้งหมด เช่นเดียวกับรุ่นใหม่ของวันนี้ ที่นำเสนอภายในตัวเรือนพิงค์โกลด์ 18 กะรัต ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 42.0 มิลลิเมตร ที่ผสมผสานระหว่างการตกแต่งพื้นผิวแบบขัดเงาและขัดด้านแบบซาตินทั้งเรือน พร้อมทั้งสายสร้อยข้อมือพิงค์โกลด์จับคู่กัน หรือเลือกได้ในเวอร์ชันสายหนังจระเข้สีดำ
นอกจากนี้ ยังเสริมความโดดเด่นด้วยการจับคู่ระหว่างสีสันอันสง่างามของตัวเรือน เข้ากับหน้าปัดโอนิกซ์สีดำที่รังสรรค์ด้วยมือ โดยวัสดุสุดหรูนี้จำเป็นต้องอาศัยความเชี่ยวชาญของเหล่าช่างฝีมือผู้เปี่ยมด้วยทักษะและพร้อมอุทิศเวลาอย่างทุ่มเท เพื่อสร้างสรรค์รูปทรงและการขัดเงาวัสดุด้วยมืออย่างสมบูรณ์แบบ โดยเฉพาะการทำหน้าปัดแผ่นบางๆ จากโอนิกซ์ที่จำเป็นต้องอาศัยการทำงานไม่น้อยกว่า 15 ขั้นตอน เพื่อให้ได้พื้นผิวซึ่งปรากฏราวกับกระจกเงา ขณะที่เข็มชี้ เครื่องหมายบอกเวลาหรืออินเด็กซ์ (indexes) สไตล์บาตอง (baton) รวมถึงโลโก้ GP ซึ่งจัดวางไว้ ณ ตำแหน่ง 12 นาฬิกา ล้วนนำเสนอภายใต้โทนสีทองอันอบอุ่น ตัดกับโอนิกซ์สีดำเข้มบนพื้นหลัง
ส่วนภายในยังคงติดตั้งโดยกลไกจักรกลไขลานอัตโนมัติด้วยหมายเลขอ้างอิงเฉพาะ และผสมผสานระหว่างการตกแต่งและรายละเอียดอันประณีตสวยงาม เริ่มจากแท่นเครื่องซึ่งตกแต่งด้วยลวดลายเกรนวงกลม (circular graining) ขณะที่บางชิ้นส่วนผ่านการตกแต่งแบบขัดขอบลบมุม (bevelling), ขัดเงาแบบกระจก (mirror-polishing), ขัดด้านแบบซาติน (satin finish), ขัดลายก้นหอย (snailing), ตกแต่งแบบซันเรย์ (sunray) และงานแกะสลัก (engravings) ส่วนบนสะพานจักรตกแต่งด้วยลวดลาย โคตส์ เดอ เฌแนฟ (Côtes de Genève) แนวตรง ต่างกับโรเตอร์พิงค์โกลด์ที่ประดับตกแต่งอย่างวิจิตรด้วยลวดลาย Côtes de Genève วงกลม และท้ายสุดคือกลไกชุดนี้ยังมอบพลังงานสำรองได้อย่างน้อย 54 ชั่วโมง ซึ่งแม้ว่าผลงานรุ่นนี้จะไม่ใช่เรือนเวลา “รุ่นจำนวนจำกัด” แต่ก็ถูกจำกัดโดยการทำงานที่ต้องใช้เวลาและงานฝีมือในการรังสรรค์ เพื่อมอบผลลัพธ์แห่งเรือนเวลาอันล้ำเลิศอย่างแท้จริง สำหรับ Laureato 42mm Pink Gold & Onyx จะพร้อมจำหน่ายในช่วงเดือนกันยายน ค.ศ. 2022 นี้ โดยผ่านตัวแทนจำหน่ายที่ได้รับการแต่งตั้งของ Girard-Perregaux ทั่วโลก
CREDITS:
PHOTOS: COURTESY OF GIRARD-PERREGAUX
VIDEO: Perayut Limpanastitphon
GRAPHIC DESIGNER: Vanicha Limpanastitphon
สามารถติดตามคอนเทนต์ นาฬิกา อื่นๆ ที่น่าสนใจได้ ที่นี่