Do Revenge แค้นนัก…สลับกันแก้ : หนังไฮสคูลสุดจี๊ดของชาวเจน Z


รีวิวหลังดูจบแบบไม่สปอยล์ : รอยรักในแรงแค้นของวัยรุ่นเจน Z – Do Revenge แค้นนัก…สลับกันแก้ หนังไฮสคูลสุดแซ่บที่ยกให้เป็นมีนเกิร์ลเวอร์ชั่นค.ศ. 2022


นับเป็นหนึ่งในผลงานภาพยนตร์ออริจินัลที่ Netflix ภูมิใจเสนอสุดๆ และคงเลี่ยงไม่พูดถึงไม่ได้ในเดือนกันยายนแบบนี้ สำหรับ Do Revenge แค้นนัก…สลับกันแก้ ภาพยนตร์แนวไฮสคูล-คอเมดี้ ผลงานการกำกับของ เจนนิเฟอร์ เคย์ติน โรบินสัน (Jennifer Kaytin Robinson) ที่มีนักแสดงนำตัวชูโรงเป็นสองสาวขวัญใจวัยรุ่นที่โด่งดังสุดๆ จากซีรีส์สุดฮิตแห่งยุคสมัยอย่าง คามิลา เมนเดส (Camila Mendes) จาก The Riverdale และ มาย่า ฮอว์ก (Maya Hawke) จาก Stranger Things

Do Revenge

Do Revenge แค้นนัก…สลับกันแก้ เล่าเรื่องราวของ เดรอา (รับบทโดย คามิลา เมนเดส) เด็กสาวผิวสีสุดฮ็อตผู้เป็นเสมือนราชินีของโรงเรียน เธอสวย เพียบพร้อม และมากไปด้วยความสามารถ แต่แล้วชีวิตของเธอก็ต้องสะดุดเมื่อ แม็กซ์ แฟนหนุ่มประธานนักเรียนสุดเพอร์เฟ็กซ์ทำคลิปเซ็กซ์ของเดรอาหลุด เธอจึงบันดาลโทสะ ต่อยหน้าของเขาและทำให้เรื่องราวในชีวิตของเธอกลับตาลปัตร เมื่อเดรอาถูกคุมประพฤติ หลุดทุนมหาวิทยาลัย และกลายสภาพเป็นหมาหัวเน่าที่เพื่อนแก๊งนางฟ้ากีดกันออกจากกลุ่ม แถมเพื่อนสนิทที่สุดของเธอยังไปคบหากับแม็กซ์อีก

แต่เรื่องราวสนุกๆ ก็เริ่มต้นขึ้นหลังจากการปรากฏตัวของ เอเลนอร์ (รับบทโดย มาย่า ฮอว์ค) เลสเบี้ยนสาวแสนอ่อนไหว ผู้กำลังจะย้ายเข้ามาเรียนที่โรงเรียนมัธยมปลายเดียวกับเดรอาในปีสุดท้าย การพบกันโดยบังเอิญในค่ายเทนนิสช่วงปิดเทอมทำให้เดรอาได้ฟังเรื่องราวในอดีตที่เป็นแผลใจของเอเลนอร์ ที่เธอเคยถูกคาริสซ่า เพื่อนในค่ายฤดูร้อนปล่อยข่าวลือเรื่องที่เธอเป็นเลสเบี้ยนและทำให้เธอถูกสังคมรังเกียจตอนอายุเพียง 13 ปี

Do Revenge

มิตรภาพลับๆ ของสองสาว และความแค้นที่สั่งสมอยู่ในหัวใจ ทำให้เดรอาปิ๊งไอเดียและคิดแผนการแก้แค้นที่พวกเธอทั้งสองคนจะสลับกันแฝงตัวเข้าไปแก้แค้นคู่กรณีเก่าของอีกฝ่ายให้ได้อับอาย หรือร้ายไปกว่านั้น ถูกพักการเรียน โดยให้เหตุผลว่าหากเธอสลับตัวกันกระทำการแก้แค้นคนที่ไม่ใช่คู่กรณีของตนเองโดยตรง ก็จะไม่มีใครสามารถสืบสาวมาถึงพวกเธอได้ เรื่องราวการแก้แค้น แปลงโฉม ชิงดีชิงเด่น และเอาตัวรอดในสังคมไฮสคูลอเมริกันของ เดรอา และ เอเลนอร์ จึงเริ่มต้นขึ้น

แม้ว่าพลอตเรื่องและองค์ประกอบต่างๆ ในหนังจะค่อนข้างมีสูตรสำเร็จตามแบบฉบับหนังวัยรุ่นไฮสคูลอเมริกันที่หลายคนมองว่าจำเจ และเดาทางได้ แต่หนังก็เลือกหยิบเอาองค์ประกอบแห่งยุคสมัยปัจจุบันมาเล่าได้อย่างน่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยีและความทันสมัยของโลกยุค 5G ที่ข่าวลือฉาวๆ พร้อมหลักฐานเป็นภาพและเสียงชัดแจ๋วถูกส่งต่อกันได้ง่ายและไวเหมือนไฟลามทุ่ง

Do Revenge

และการเลือกสองนักแสดงนำผู้เป็นดาวเด่นของซีรีส์แห่งยุคสมัย มาเป็นแม่เหล็กในการดึงดูดผู้ชม ทั้ง คามิลา เมนเดส ที่หลายคนคุ้นเคยกับเธอในบท เวโรนิกา ลอดจ์ สาวมั่นจากซีรีส์ The Riverdale (2017-2022) ซึ่งเป็นผู้มาถ่ายทอดบทบาทของตัวละคร เดรอา ที่มีลักษณะหลายอย่างคล้ายคลึงกับเวโรนิกา ไม่ว่าจะเป็นความมั่นใจในตัวเอง ตรงไปตรงมา รวมถึงความเป็นนักสตรีนิยมที่ฉลาดและเจ้าแผนการ

เช่นเดียวกับเรื่องราวความหลากหลายทางเพศและการยอมรับของสังคมที่ มาย่า ฮอว์ค ถ่ายทอดออกมาผ่านบทเอเลนอร์ได้อย่างดีเยี่ยม หลังจากเคยทำให้ผู้ชมหลงรักมาแล้วในบท โรบิน เลสเบี้ยนสาวจาก Stranger Things Season 3 และ 4 (2019-2022) การมาเล่นบทเกย์ในเรื่องนี้ของเธอจึงไม่ใช่เรี่องแปลกใหม่ แต่ต้องยอมรับว่าเธอยังคงสื่อสารและเล่าเรื่องราวของเพศหลากหลาย ผ่านคาแรคเตอร์สาวเท่ในแบบของเธอออกมาได้อย่างมีเสน่ห์

รวมทั้งการจิกกัดเหล่า Fake Woke และ Anti-Feminist อย่างเจ็บแสบผ่านตัวละครแม็กซ์ หนุ่มนักรักผู้วางตัวเป็น CIS Hetero-Men (หรือชายหนุ่มที่มีอัตลักษณ์ทางเพศตรงกับเพศกำเนิด) ผู้อ่อนโยน เข้าอกเข้าใจผู้หญิง และเป็นนักรณรงค์ที่ออกมาต่อสู้เพื่อปกป้องผู้หญิง แต่แท้จริงแล้วหลอกใช้ภาพลักษณ์นั้นเพื่อให้สาวๆ ในโรงเรียนตายใจและยอมมีความสัมพันธ์ด้วย

แม็กซ์จึงเป็นเสมือนเป็นตัวอย่างของเหล่าผู้ชายที่ยังมีอคติทางเพศต่อผู้หญิง (Misogynist) แต่แฝงตัวเข้ามาเพื่อหาประโยชน์ใส่ตัวในคราบของนักรณรงค์เพื่อความเท่าเทียม โดยบทซอฟท์บอยสองหน้านี้ได้ ออสติน อับรามส์ (Austin Abrams) จากซีรีส์ซอมบี้ชื่อดัง The Walking Dead (2010-2022) มาถ่ายทอดความน่าหมั่นไส้ของตัวละครนี้อย่างถึงเครื่อง

นอกจากนั้นซีรีส์ยังแอบบันทึกเรี่องราวแห่งยุคสมัยของเหล่าวัยรุ่นเจน Z ซึ่งเป็นเจนที่ใครๆ ก็ตื่นตัวกับประเด็นทางสังคมและมีการออกมาเรียกร้องมากมาย แต่หลายๆ คนกลับไม่ได้ตระหนักถึงปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างแท้จริง และออกมาเรียกร้องเพียงเพื่อภาพลักษณ์ทางสังคมแบบที่เรียกกันว่า Fake Woke ซึ่งถูกจิกกัดและซ่อนเอาไว้ในหลายต่อหลายฉาก

ภาพยนตร์เรื่องนี้จึงนับเป็นการหยิบเอาสูตรสำเร็จเดิมของหนังไฮสคูลยุค 90s มาปรุงใหม่โดยไม่ลืมที่จะใส่วัตถุดิบและความสนุกที่เข้ากับยุคสมัย จนอาจเรียกได้ว่านี่คือภาพยนตร์แนวไฮสคูลที่เปรียบเสมือนมีนเกิร์ลฉบับค.ศ. 2022 ที่ถ่ายทอดความแซ่บและเรื่องราวแห่งยุคสมัยออกมาได้อย่างน่าจดจำ แถมด้วยการหักมุม หักเหลี่ยมเฉือนคมในช่วงครึ่งหลังของเรื่อง ที่แม้จะพอเดาทางออกอยู่บ้าง แต่ก็อดไม่ได้ที่จะเอาใจช่วยและร่วมลุ้นไปกับสองสาวสุดแสบอย่างเดรอาและเอเลนอร์ไปจนจบเรื่อง

เอาเป็นว่าใครที่กำลังมองหาหนังแนวคอเมดี้เบาสมอง ให้ได้ปล่อยใจชมแบบสนุกๆ แบบจบได้ใน 1-2 ชั่วโมง เพื่อพักผ่อนจากวันทำงานที่เหนื่อยล้า ซีรีส์ไฮสคูลอเมริกันเรื่องใหม่จาก Netflix เรื่องนี้ก็เป็นตัวเลือกที่ไม่แย่ แถมยังมีทั้งซับไตเติลและพากย์เสียงภาษาไทยให้เลือกชมกันด้วย!

ชม Do Revenge แค้นนัก…สลับกันแก้ ได้แล้ววันนี้บน Netflix


CREDIT:
PHOTOS: COURTESY OF NETFLIX


อ่านเรื่องราวที่น่าสนใจอื่นๆ ได้บน Padthai.co

Share:

Facebook
Twitter
Pinterest
LinkedIn
On Key

Related Posts

Cartier Women’s Initiative

Post Views: 20 โครงการเพื่อสตรีของคาร์เทียร์ ประกาศรายชื่อผู้เข้ารอบ 33 คน ประจำปี 2024 ประกาศรางวัลชนะเลิศ ณ เมืองเซินเจิ้น สาธารณะรัฐประชาชนจีน 22 พ…

Tarot-13-April-1

Your Tarot Weekly

Post Views: 83 คำพยากรณ์รายสัปดาห์ระหว่างวันอาทิตย์ที่ 14 เมษายน – วันเสาร์ที่​ 20 เมษายน พ.ศ. 2567 โดย​ มาดามราเชล วันอาทิตย์ นิสัย​ของดาว : ยศศักดิ์…

From the Heart to the Hands: Dolce&Gabbana

Post Views: 23 Dolce&Gabbana เสนอนิทรรศการ ‘From the Heart to the Hands’ เผยความพิเศษของการการสร้างสรรค์จากแฟชั่นเฮาส์ นิทรรศการ ‘From the Heart t…

Aston Martin DB12 Volante

Post Views: 30 Aston Martin Bangkok เผยโฉมที่สุดแห่งยนตกรรมเปิดประทุน DB12 Volante Super Tourer Aston Martin (แอสตัน มาร์ติน) บริษัทผลิตรถยนต์สปอร์ตหร…

Oligio-thumbnail

Unveiling The Secrets of Youth

Post Views: 46 จะเซลฟี่กี่มุมก็รอด! สะท้อนความงามในเวอร์ชันที่ดีที่สุดของคุณด้วย ‘Oligio’ นวัตกรรมทรีตเมนต์ยกกระชับผิวหน้าและลำคอ สู่มิติความงามเชิงฟื…