Repeat After Me: Ditto ไขปริศนาที่ซ่อนในมิวสิควีดีโอแนวย้อนยุค ซิงเกิลใหม่สุดฮ็อทจากสาวๆ Newjeans และข้อความถึงเหล่าบันนี่ส์ แฟนคลับของพวกเธอ
นับเป็นปีแห่งการขับเคี่ยวของเหล่าไอดอลเกิร์ลกรุ๊ปใน Generation 4 ของวงการเพลงเกาหลีจริงๆ สำหรับปีค.ศ. 2022 ซึ่งเป็นปีแห่งการเดบิวต์ที่ร้อนแรงของเกิร์ลกรุ๊ปหน้าใหม่หลายต่อหลายวงที่มาพร้อมความสามารถระดับหัวกะทิ และหนึ่งในนั้นคงหนีไม่พ้นเหล่าลูกกระต่างตัวจิ๋วจากค่าย ADOR อย่างสาวๆ Newjeans ที่หลังจากเปิดตัวอย่างร้อนแรงในซิงเกิลแรกจน Padthai.co เคยแนะนำให้ทุกคนรู้จักไปแล้ว ล่าสุดพวกเธอก็กลับมาอีกครั้งในช่วงส่งท้ายปีพร้อมกับเพลงใหม่อย่าง Ditto ที่นอกจากจะมากวาดความนิยมบนชาร์ตเพลงเกาหลี ยังมาพร้อมมิวสิควิดีโอที่เต็มไปด้วยเรื่องราวและแง่มุมทางศิลปะที่น่าสนใจจนเราอยากจะหยิบมาพูดคุยให้ทุกคนได้ฟังกันในวันนี้
Ditto เป็นซิงเกิลแนวบัลติมอร์คลับ ( Baltimore club หรือ Bmore Club) ซึ่งเป็นแนวเพลงอเมริกันช่วงยุค 90s ซึ่งมีส่วนผสมของความเป็นเฮาส์และฮิปฮอปที่เน้นเสียงสังเคราะห์และเพอร์คัสชั่นที่วนซ้ำๆ ให้จังหวะที่ฟังแล้วชวนโยกหัวตาม เล่าถึงความรู้สึกหลงรักใครคนหนึ่งแบบตรงไปตรงมา และหวังว่าอีกฝ่ายเองก็จะรู้สึกแบบเดียวกันตามชื่อเพลง
ซึ่งก็ฮิตติดชาร์ตจนกวาดอันดับ 1 ของชาร์ตเพลงเกาหลีทุกชาร์ตมาครองได้แบบสบายๆ และยังก้าวสู่การเป็น 4 อันดับแรกใน TOP5 เพลงเกาหลีที่มีสถิติผู้ฟังบน Spotify สตรีมมากที่สุดในระยะเวลา 1 วันและยังทำลายสถิติยอดเข้าฟังวันแรกของ Spotify Korea สูงถึง 107,718 ครั้ง ล้มแชมป์เก่าอย่าง Pink Vnom จาก Blackpink ที่ทำไว้ที่ 90,689 ครั้งได้สำเร็จ
แต่สิ่งที่น่าสนใจมากไปกว่าเนื้อหาของเพลงแนวเต้นรำนี้ คือมิวสิควิดีโอที่ถูกนำเสนอออกมาพร้อมกันในครั้งเดียวถึง 2 เวอร์ชันซึ่งเป็นสิ่งที่วงไอดอลทั่วๆ ไปมักจะไม่ทำกัน เพราะมันเท่ากับเป็นการแย่งยอดวิวกันเอง แต่สำหรับวงเกิร์ลกรุ๊ปที่เปิดตัวเพลงไตเติลอย่าง Hype Boy ด้วยมิวสิควิดีโอถึง 4 เวอร์ชันแล้วดูเหมือนเรื่องยอดวิวจะไม่ใช่ปัญหา เพราะล่าสุดมิวสิควิดีโอเพลงใหม่ทั้ง 2 เวอร์ชันของพวกเธอก็มียอดเข้าชมรวมแล้วกว่า 21 ล้านครั้ง
ด้วยบรรยากาศและโทนสีที่ชวนให้นึกถึงภาพยนตร์สยองขวัญญี่ปุ่นยุคเก่า แฟนๆ หลายคนจึงตีความมิวสิควิดีโอเพลงนี้ว่าอาจจะเล่าถึงเรื่องราวของเด็กสาวและเพื่อนในจินตนาการ หรือการสูญเสียเพื่อนๆ ไปจากอุบัติเหตุและมีตัวละครหลักเพียงคนเดียวที่รอดชีวิตจนทำให้เห็นภาพหลอน ซึ่งก็สร้างความน่าสนใจในหมู่แฟนๆ และผู้ชมได้ดีเพราะมิวสิควิดีโอมีเนื้อหาที่เปิดโอกาสให้ผู้ชมได้ลองตีความในแบบฉบับของตนเอง
แต่หลังจากผู้กำกับมิวสิควิดีโอเพลงนี้ยังได้ออกมาเผยว่า เรื่องราวที่ซ่อนในมิวสิควิดีโอเป็นข้อความจากนิวจีนส์ที่สื่อสารถึงเหล่าบันนี่ส์ (Bunnies) แฟนๆ ของพวกเธอ ทำให้เราย้อนกลับมาพิจารณามิวสิควิดีโอทั้งสองเวอร์ชั่นของสาวๆ นิวจีนส์อย่างถี่ถ้วนอีกครั้งและเข้าใจความหมายที่ถูกซ่อนเอาไว้ในมิวสิควิดีโอเพลงนี้อย่างทะลุปรุโปร่ง
มิวสิควิดีโอเพลงนี้ของนิวจีนส์มีความโดดเด่นอยู่ที่การเล่าเรื่องโดยการตัดสภาพสลับไปมาระหว่างสองสัดส่วนภาพ (Ratio) และมีอุปกรณ์ที่เป็นเสมือนกิมมิคเล็กๆ ที่บ่งบอกยุคสมัยอย่างกล้อง Handy Cam เชื่อมเรื่องราวทั้งหมดเข้าด้วยกัน โดยเราจะเห็นได้ว่าตัวละครหลักของมิวสิควิดีโอนี้ มักจะเป็นผู้ถือกล้องวีดีโอและถ่ายทำชีวิตมัธยมปลายของสาวๆ นิวจีนส์ที่เป็นเพื่อนร่วมชั้นเรียนของเธอผ่านสัดส่วนภาพ 4:3 ซึ่งเป็นสัดส่วนของกล้อง Handy Cam ด้วยคุณภาพของวีดีโอที่มีความเก่า รวมทั้งมีกลิตช์ (glitch) หรือเส้นที่รบกวนวีดีโอบางช่วงทำให้ภาพไม่ชัดเจนนัก เป็นภาพแทนที่หมายถึงความทรงจำ
โดยตัดสลับกับภาพในสัดส่วน 16:9 ซึ่งเป็นขนาดสัดส่วนภาพ Widescreen ของมิวสิควิดีโอทั่วๆ ไป ที่เผยให้เห็นตัวละครหลักของมิวสิควิดีโอนี้ใช้ชีวิตมัธยมปลายอย่างมีความสุขกับเพื่อนๆ ของเธอ ไม่ว่าจะเป็นการเล่นสนุกกันในคาบเรียน วิ่งไปตามชั้นเรียนที่ว่างเปล่า แย่งกันซื้อของกินในคาบพัก หรือซ้อมเต้นด้วยกันในคาบว่าง ด้วยสีภาพ วิธีการถ่ายทำ การตัดต่อภาพสลับไปมา และบรรยากาศที่ชวนให้นึกถึงภาพยนตร์ญี่ปุ่นยุคเก่าช่วงปี 80-90s
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวความเจ็บปวดของวัยรุ่นและการเติบโตเป็นผู้ใหญ่ใน All About Lily Chou-Chou (2001) เฟรมภาพบางฉากที่คล้ายคลึงกับภาพยนตร์ระดับตำนานของชุนจิ อิวาอิอย่าง Love Letter (1995) รวมถึงชุดนักเรียนสูทสีครีมที่เมื่อผ่านการเกรดสีและถ่ายทำด้วยกล้องวิดีโอ Handy Cam แล้วก็ชวนให้นึกถึงชุดนักเรียนและมู้ดแอนด์โทนของหนังแนว J-horror นักเรียนมัธยมไล่ฆ่ากันที่โด่งดังอย่าง Battle Royale (2000) ซึ่งใช้ชุดนักเรียนโทนสีเดียวกันไม่ผิดเพี้ยน
แต่องค์ประกอบทางศิลปะเหล่านี้เป็นเพียงส่วนเล็กๆ ที่ถูกนำมารวมเอาไว้ด้วยกันเพื่อเป็นภาพแทนของช่วงเวลาในความทรงจำของตัวละครหลักในมิวสิควิดีโอนี้เท่านั้น เพราะเนื้อหาที่แท้จริงของมิวสิควิดีโอเพลงนี้กำลังเล่าถึงเรื่องราวความสัมพันธ์ของนางเอกมิวสิควิดีโอและ 5 สาวนิวจีนส์ในรูปแบบของแฟนคลับและศิลปิน
เราจึงจะสังเกตได้ว่าตลอดทั้งมิวสิควีดีโอตัวละครบันฮีซู นางเอกของมิวสิควิดีโอเพลงนี้จะไม่ถูกถ่ายให้เห็นใบหน้าอย่างชัดเจนเพราะตัวละครตัวนี้จึงอาจจะหมายถึงใครก็ได้รวมทั้งเหล่าบันนี่ส์ แฟนคลับทุกๆ คนที่กำลังชมมิวสิควิดีโอเพลงนี้อยู่ ซึ่งชื่อของพันฮีซูที่ปรากฏในมิวสิควิดีโอ หากอ่านตามกฏการเชื่อมเสียงแบบเกาหลีจะสามารถออกเสียงได้คล้ายกับคำว่า บัน-นี-จึหรือบันนี่ส์ ซึ่งเป็นชื่อแฟนด้อมของนิวจีนส์ด้วย
มิวสิควิดีโอถูกแบ่งเนื้อเรื่องออกเป็น Side A และ Side B ตามลักษณะของเทปคาสเซ็ตต์ ไอเท็มฮิตยุค 90s ที่หน้า A มักจะใช้บรรจุเพลงไตเติลหรือเพลงโปรโมตซึ่งเป็นเพลงเร็วและมีความฟังง่าย ส่วนเพลงหน้า B มักจะเป็นเพลงรองอื่นๆ ในอัลบัมที่ไม่ถูกนำมาโปรโมตมากนัก เนื้อหาในมิวสิควิดีโอเพลงนี้ของนิวจีนส์เองก็ถูกนำเสนอในลักษณะนั้นเช่นกัน
เนื้อเรื่องในมิวสิควิดีโอ Side A เราจะรู้จักชื่อของบันฮีซูได้จากคำอวยพรบนเฝือกที่เพื่อนๆ นิวจีนส์เขียนให้เธอ โดยเราจะเห็นว่านางเอกมิวสิควิดีโอเพลงนี้อยู่กับกลุ่มเพื่อนทั้ง 5 คนและใช้ชีวิตมัธยมปลายที่เต็มไปด้วยความสนุกสนานและความทรงจำที่ดี แม้กระทั่งในวันที่ฝนตก ฮีซูซึ่งเป็นเพียงคนเดียวที่มีร่มก็ยังเลือกที่จะหุบร่มของเธอและเดินตากฝนไปพร้อมกันกับเพื่อนของเธอ ซึ่งก็หมายถึงการที่เธอมีนิวจีนส์เป็นเสมือนเพื่อนที่คอยให้กำลังใจ ผ่านวันเวลาทั้งความสุขและยากลำบากไปด้วยกัน
โดยฉากในโรงยิมที่สาวๆ นิวจีนส์สวมชุดพละสีขาว เราจะเห็นตัวละครชายซึ่งรับบทโดยชเวฮยอนอุค หรือ มุนจีอุง เจ้าหนุ่มน่ารักห้อง7 ในซีรีส์ Twenty Five, Twenty One (2022) ปรากฏตัวเป็นครั้งแรก แต่ก็ไม่สามารถทำให้ฮีซูละสายตาจากการถ่ายภาพของเพื่อนๆ ที่กำลังซ้อมเต้นอยู่ไปได้
แต่ในช่วงท้ายของมิวสิควิดีโอ Side A ฮีซูที่หลับไปพร้อมกับเพื่อนๆ ในห้องโสตของโรงเรียนกลับตื่นขึ้นมาเพียงลำพังพร้อมกับเฝือกที่ว่างเปล่าและเผยให้เห็นภาพในสัดส่วน 16:9 ซึ่งหมายถึงความเป็นจริง ว่าที่ผ่านมาตลอดทั้งมิวสิควิดีโอ ฮีซูอยู่อย่างโดดเดี่ยวมาโดยตลอด และยังมีสายตาของเพื่อนร่วมชั้นเรียนที่มองมาอย่างไม่เข้าใจซึ่งก็สะท้อนถึงสายตาที่คนนอกมองเหล่าแฟนคลับตัวยงของศิลปินเกาหลีที่มองความชื่นชอบนี้เป็นเรื่องไร้สาระ
เรื่องราวในมิวสิควิดีโอ Side B จึงเริ่มต้นด้วยภาพกลิตช์ที่ตัดสลับระหว่างความโดดเดี่ยวของฮีซูและเรี่องราวในตอนที่เธอมีนิวจีนส์อยู่ด้วย จนกระทั่งฮีซูตัดสินใจทำลายกล้อง Handy Cam ทิ้ง เริ่มให้ความสนใจไปที่ตัวละครชายมากขึ้น รวมทั้งการเดินกางร่มเดินฝ่าฝนไปคนเดียวและทิ้งสาวๆ นิวจีนส์ให้มองเธอเดินจากไปโดยไม่อาจห้ามปรามอะไรได้
สิ่งเหล่านี้หมายถึงช่วงเวลาหนึ่งการเติบโตและสิ่งสำคัญอื่นๆ ในชีวิตอาจจะทำให้ความสนใจและความรักที่มีต่อไอดอลลดน้อยลง และเมื่อแฟนคลับตัดสินใจว่าจะเลิกติดตามไอดอลที่เคยชอบ ไอดอลเหล่านั้นก็ไม่สามารถห้ามปรามหรือฉุดรั้งอะไรแฟนคลับไว้ได้
เช่นเดียวกันกับที่สาวๆ นิวจีนส์มองตามหลังฮีซูไปด้วยสายตาเป็นกังวลเมื่อฮีซูเริ่มแปลกไป แต่ในขณะเดียวกันพวกเธอก็ยังคงร้องเพลงและเต้นอย่างที่เคยทำแม้ไม่มีฮีซูถือกล้องคอยถ่ายทำเธออีกแล้ว แต่สุดท้ายเมื่อฮีซูในวัยผู้ใหญ่กลับมาเปิดกล่องความทรงจำที่เต็มไปด้วยข้าวของเกี่ยวกับ ‘เพื่อนๆ’ ของเธอและเริ่มต้นดูม้วนวิดีโอที่เธอเคยใช้กล้อง Handy Cam บันทึกภาพเอาไว้ ความทรงจำที่สดใสและไอดอลที่ยังคงเป็นคนเดิม ก็เปิดประตูเข้ามาทักทายและมอบความทรงจำที่มีความสุขให้ ราวกับภาพความทรงจำที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลงไปแม้เวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน
เรื่องราวในมิวสิควิดีโอ Ditto ซึ่งสาวๆ นิวจีนส์นำเสนอในวันคริสต์มาสแรกระหว่างพวกเธอและเหล่าบันนี่ส์ จึงเป็นเหมือนจดหมายรักทื่พูดถึงความทรงจำที่พวกเธอและแฟนๆ มีร่วมกัน ซึ่งก็สอดคล้องกันกับเนื้อเพลงที่ไม่ใช่ความรู้สึกของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งแต่เพียงด้านเดียว แต่มันเล่าถึงความสัมพันธ์และความรู้สึกที่ทั้งฝั่งแฟนคลับและศิลปินมีต่อกัน โดยท่อนหนึ่งของเนื้อเพลงก็ยิ่งย้ำให้ทฤษฎีนี้ชัดเจนยิ่งขึ้นเพราะมันพูดถึงความสัมพันธ์ที่มีช่องว่างบางอย่างกั้นอยู่ ราวกับมองเห็นสิ่งสวยงาม แต่กลับไม่กล้าก้าวเข้าไปหา
สอดคล้องกับมิวสิควิดีโอที่เราจะเห็นการปรากฏตัวของกวางในมิวสิควิดีโอทั้งสองเวอร์ชัน แต่ฮีซูก็ไม่ได้เดินเข้าไปหากวางตัวนั้น เพียงแค่ยืนจ้องมองกันและกันโดยมีระยะห่างที่ชัดเจนอยู่ ซึ่งเชื่อมโยงได้กับความสัมพันธ์ระหว่างแฟนคลับและเหล่าไอดอลศิลปิน ที่แม้จะรู้จักกันและกันดีแค่ไหน แต่ก็จะมีช่องว่างและระยะห่างบางอย่างที่มากั้นกลางเอาไว้เสมอ
การที่ฮีซูมองเห็นกวางใน Side A และเริ่มตระหนักได้ว่าตนเองอยู่โดดเดี่ยวมาโดยตลอด จึงอาจหมายถึงบางครั้งระยะห่างนั้นก็อาจทำให้เรารู้สึกขึ้นมาได้ว่าการเป็นแฟนคลับนั้นเสียเวลาและเป็นเรื่องไม่เข้าท่า เพราะคิดว่าศิลปินเองก็ยังคงอยู่ได้แม้ไม่มีความรักของตนเอง ในช่วงท้ายเราจะได้ยินเสียงสมาชิกคนหนึ่งของนิวจีนส์เรียกชื่อของฮีซูและพูดว่า ‘ฮีซู มันไม่ใช่อย่างที่เธอคิดนะ’ แต่ก็ถูกเสียงฝนกลบไป ซึ่งหากลองสังเกตให้ดีภาพในฉากนั้นก็เป็นซีนเดียวกันกับที่นิวจีนส์เฝ้ามองฮีซูกางร่มและฝ่าสายฝนไปเพียงลำพัง และเลือกจะทิ้งศิลปินที่เธอเคยชอบเอาไว้เบื้องหลัง โดยที่นิวจีนส์ก็ไม่สามารถห้ามปรามหรือทำอะไรได้
คำทัดทานที่ส่งไปไม่ถึงนั้นจึงไม่มีความหมาย เช่นเดียวกันกับที่ศิลปินก็อยากจะพูดกับแฟนๆ ว่าพวกเธอเองก็รักแฟนคลับไม่ต่างกัน การจากไปของกวางใน Side B จึงเป็นเหมือนการยอมรับว่าอย่างไรก็ตามจะต้องมีวันหนึ่งที่แฟนคลับของพวกเธอจะต้องเติบโตและก้าวต่อไปเมื่อมีสิ่งอื่นในชีวิตที่สำคัญกว่าให้ต้องนึกถึง
แต่จนกว่าจะถึงเวลานั้นพวกเธอก็พร้อมจะมอบความรัก กำลังใจ และแรงบันดาลใจให้แฟนๆ ต่อไปราวกับเรื่องราวในมิวสิควิดีโอ Side A ที่ไม่ว่ากลับมาเปิดดูหรือนึกถึงเมื่อไหร่ ก็จะยังคงมองเห็นความสุขซุกซ่อนอยู่ในความทรงจำเหล่านั้นเสมอ
ติดตามคอลัมน์ Repeat After Me ที่จะชวนคุณมาวิเคราะห์และเจาะลึกเรื่องราวน่าสนใจที่ถูกซุกซ่อนไว้ในมิวสิควิดีโอและซีรีส์ที่กำลังเป็นกระแสได้ทุกเดือนบน Padthai.co
CREDIT:
PHOTOS: COURTESY OF ADOR AND HYBE ENTERTAINMENT
อ่านเรื่องราวที่น่าสนใจอื่นๆ ได้บน Padthai.co
- IU ประกาศเลิกร้องเพลงซิกเนเจอร์ Good Day และ Palette ต่อหน้าผู้ชม 44,000 คนในคอนเสิร์ต IU The Golden Hour 2022 : under the orange sun คอนเสิร์ตฉลองครบรอบเดบิวต์ 14 ปี
- Pink Venom แผลงฤทธิ์! Blackpink คัมแบ็กสุดปัง ทุบสถิติ 100 ล้านวิวภายในเวลาเพียง 30 ชั่วโมง นำเสนอมิวสิควีดีโอ Pink Venom พรี-ซิงเกิ้ลสุดร้อนแรงจากอัลบัม BORN PINK และการกลับคืนบัลลังก์อีกครั้งของราชินีผู้พาวงการ K-POP ไปสู่ระดับโลก
- ลองฟัง: NIRUN (นิรันดร์) ผลงานใหม่จาก Txrbo และการร่วมงานกับ BAY6IX และ LALA สองศิลปินจากสปป.ลาวในโปรเจค ASEAN SOUND โปรเจกต์เชื่อมสัมพันธ์วงการเพลงไทยไปสู่ตลาดเพลงโลก ของค่ายเพลง High Cloud Entertainment
- เปิดสองเรื่องเล่าจากถ้ำหลวงใน Thirteen Lives : สิบสามชีวิต และ Thai Cave Rescue ถ้ำหลวง: ภารกิจแห่งความหวัง 2 ผลงานใหม่บนสตรีมมิ่งเจ้ายักษ์ Netflix และ Disney+ Hotstar ที่สร้างจากเรื่องจริงของเหตุการณ์ภารกิจกู้ชีพนักกีฬาและโค้ชรวม 13 ชีวิตจากทีมฟุตบอลหมูป่าอคาเดมี ที่ถ้ำหลวงขุนน้ำนางนอน จังหวัดเชียงราย ในปีค.ศ. 2018
- Squid Game กวาด 6 รางวัลจาก Emmy Awards อีจองแจ คว้ารางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยม เตรียมโกอินเตอร์ร่วมงาน Lucus Film ผู้กำกับเผย อยากชวนลีโอนาโด ดิคาปริโอมาร่วมแสดงรับเชิญในภาค 3 ที่กำลังอยู่ระหว่างการเขียนบท