Abisko National Park


Abisko National Park อุทยานแห่งนี้หลบซ่อนตัวจากการมองเห็นของนักท่องเที่ยวมาเนิ่นนานแล้ว นอกเสียจากว่านักท่องเที่ยวคนนั้นจะเป็นพวกที่เสาะแสวงหาความตื่นเต้นแปลกใหม่ที่ไม่จำเจ


Abisko National Park 01
Abisko National Park 02
โลโฟเทน (LOFOTEN ISLANDS)

ผมเชื่อว่ายังมีนักท่องเที่ยวอีกจำนวนมากไม่รู้จัก หรือไม่เคยได้ยินชื่อ Abisko national park ของสวีเดนมาก่อนอย่างแน่นอน ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องแปลกประหลาดอะไร เพราะจะว่าไปแล้วอุทยานแห่งนี้หลบซ่อนตัวจากการมองเห็นของนักท่องเที่ยวมาเนิ่นนานแล้ว นอกเสียจากว่านักท่องเที่ยวคนนั้นจะเป็นพวกที่เสาะแสวงหาความตื่นเต้นแปลกใหม่ที่ไม่จำเจ ถ้าจับเอา Abisko ไปเทียบกับ Lofoten ก็ต้องถือว่าเป็นมวยคนละเบอร์กันในสายตาของนักท่องเที่ยว เพราะ Lofoten นั้นชื่อเสียงของมันทำให้ผู้คนจากทั่วโลกต่างรู้จักมันก่อนที่จะได้ไปเยือนสถานที่จริงด้วยซ้ำ แล้ว Abisko นั้นมีดีอะไรที่จะขึ้นไปท้าชกกับ Lofoten? คำตอบง่ายๆเลยก็คือทั้งสองสถานที่มีความแตกต่างกันทางด้านกายภาพอย่างสิ้นเชิง Lofoten เป็นเกาะ ทะเล บ้านสีสันสะดุดตา ส่วน Abisko เป็นป่า เขา ห้องพักแบบเคบิ้น พูดอีกอย่างก็คือ เราไม่สามารถเอากล้วยกับแอปเปิลมาเปรียบเทียบกันได้นั่นเอง ถ้าจะถามว่าผลไม้ไหนอร่อยกว่ากัน? แต่สิ่งหนึ่งที่ทั้งสองมีเหมือนกันก็คือ เราสามารถออกตามล่าแสงเหนือแบบอลังการได้จากทั้งสองสถานที่ ความฟินในการได้ยลแสงเหนือกับตาตัวเองซักครั้งก็จะเหมือนๆกัน ทุกอย่างขึ้นอยู่กับว่าใครถูกจริตแบบไหน ทะเล หรือ ภูเขา?

Abisko National Park 03
Abisko National Park
Abisko National Park 04

อุทยานแห่งชาติ Abisko สามารถเดินทางไปได้จากทุกเมือง ไม่ว่าท่านจะเริ่มที่สวีเดนเอง หรือเริ่มที่นอร์เวย์ แต่วิธีที่ดีที่สุดสำหรับคนโลภมากอย่างผมก็คือไปมันทั้งสองที่ เริ่มจากไปตามล่าแสงเหนือที่ Lofoten แล้วค่อยเข้ามาเก็บที่ Abisko ซึ่งผมเคยเขียนถึงไปแล้ว ลองกลับไปย้อนหาอ่านดู ณ ที่ Abisko มีที่พักให้เลือกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นแบบโรงแรม หรือจะเป็นแบบโฮสเทล หลายคนอาจงงว่าโฮสเทลคืออะไร? สำหรับสายลุยๆ หน่อยก็จะชอบแบบนี้เพราะประหยัดเงิน ห้องพักเราต้องแชร์ร่วมกับคนอื่น มีห้องน้ำรวมให้ มีครัวกลางไว้ทำอาหาร ผมเคยพักแบบนี้มาก่อนสมัยยังลุยเดี่ยว ได้เพื่อนคอเดียวกันจากหลากหลายประเทศ แต่มาช่วงหลังๆ พอเริ่มแก่ตัวลง ก็อยากจะสบายๆ เหมือนคนอื่นเขาบ้าง เลยเลือกพักแบบห้องเคบิ้น มีห้องนอน ห้องน้ำ อุปกรณ์ทำครัวให้ ผมแนะนำลองมาดูที่ Abisko Mountain Lodge ห้องพักราคาไม่แพงประมาณคืนละ 1,700 NOK กิจกรรมที่นี่ก็มีให้เลือกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการขับ Snowmobile ซึ่งต้องบอกกันก่อนเลยว่าที่นี่นั้นไม่เหมือนที่อื่น อย่างเช่นที่ฟินแลนด์ หรือทรอมโซ แบบนั้นเขาจะขี่ตามกันเป็นขบวน ลัดเลาะไปตามเส้นทางเล็กๆ ตามภูเขา เราไม่สามารถทำความเร็วได้เลย แต่ขับ Snowmobile ที่ Abisko นั้นจะขับตัดลงไปในทะเลสาบที่แข็งตัว แล้วไล่อัดทำความเร็วกันได้เต็มที่ สำหรับคนรักการซิ่ง รับรองมันหยดติ๋งเลยทีเดียว กิจกรรมอื่นๆก็จะมีนั่งหมาลากเลื่อน ปีนหน้าผาน้ำแข็ง เดินเทรคกิ้ง ตกปลาน้ำแข็ง ฯลฯ

Abisko National Park 05

และหากกิจกรรมที่กล่าวมาทั้งหมดเต็ม! ครับ ท่านได้ยินไม่ผิด หากท่านเดินทางไปถึงเป็นวันศุกร์หรือเสาร์ และไม่ได้จองกิจกรรมไปล่วงหน้า รับรองว่าเต็มแน่นอน เพราะนักท่องเที่ยวจะเข้ามาใช้บริการของที่นี่กันแน่นทุกรอบ ซึ่งท่านก็ไม่ต้องตกใจไป เพราะเราสามารถทำกิจกรรมสนุกๆ อย่างการเดินเทรคกิ้งได้ด้วยตัวเราเอง และผมรับรองว่าการเดินเทรคกิ้งในอุทยานแห่งชาติที่นี่สนุกทุกฤดู ไม่ว่าท่านจะมาตอนหน้าหนาว หรือว่าหน้าร้อน และเส้นทางก็ไม่ได้ยากเย็นอะไร มีขึ้นเนินลงเนินบ้างเล็กน้อย ไม่ต้องใช้ความพยายามอะไรมากมาย แต่ควรจัดเตรียมอุปกรณ์ให้พร้อม ก็จะช่วยให้การเดินเทรคสนุกยิ่งขึ้น แน่นอนว่าเสื้อผ้าที่สวมใส่มีความสำคัญอย่างยิ่ง ถ้าไปช่วงฤดูหนาว ท่านต้องใส่เสื้อผ้าที่อบอุ่นที่สุด เสื้อหนาว ถุงมือ หมวกไหมพรม รองเท้าเดินเทรคแบบสบายๆ ถ้าเป็นหน้าร้อน ก็ควรเป็นเสื้อยืดระบายเหงื่อดีๆ กางเกงขาสั้น หมวกกันแดด เพราะแดดที่นี่แรงมากถึงแม้ว่าจะเป็นฤดูหนาวเองก็เถอะ อาหาร เครื่องดื่มควรมีติดตัวไปด้วย เพราะการเดินเทรคแล้วได้นั่งพักระหว่างทางพร้อมกับมีแซนวิชอร่อยๆ กับเครื่องดื่มเย็นๆ นี่มันคือสวรรค์แท้ๆ และอุปกรณ์ชิ้นหนึ่งที่ผมขอแนะนำเลยว่าควรหามาไว้ใช้ก็คือ Spike มันคือที่สวมกับรองเท้า เป็นเหล็กหนามแหลม ใช้เดินเพื่อไม่ให้ลื่น และสามารถใช้ได้ดีทั้งหิมะ ดิน โคลน หิน เรียกว่าเหมาะกับทุกฤดูกาล และทุกพื้นผิว เมื่อเตรียมอุปกรณ์พร้อม เราก็เริ่มออกเดินเทรคกันเลย

STF Abisko

ก่อนอื่นแนะนำให้ไปแวะที่ STF Abisko เพื่อขอแผนที่ของอุทยานเสียก่อน เพื่อที่จะได้รู้ภาพรวมว่าอะไรอยู่ตรงไหน ศึกษาเส้นทางให้เข้าใจ หลับตาแล้วนึกภาพออกทั้งหมดได้ก็เยี่ยม เพราะเมื่อเข้าไปในพื้นที่ลึกๆ ของอุทยานแล้ว สัญญาณมือถือเกิดบอดขึ้นมากูเกิ้ลก็ช่วยอะไรเราไม่ได้ เพราะฉะนั้นตนเป็นที่พึ่งแห่งตนดีที่สุด เส้นทางการเดินเทรคจะเริ่มต้นจาก Abisko Turiststation ซึ่งตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามถนนกับ STF Abisko ซึ่งหลายคนมักจะเริ่มต้นการเดินเทรคจากตรงนั้นแล้วพุ่งขึ้นเหนือจากลานจอดรถเลย แต่ผมขอแนะนำว่าให้เริ่มจาก Kungsleden Trail ดีกว่าเพราะเส้นทางจะเรียบไม่ซับซ้อนขึ้นเนินลงเนินอะไร และที่สำคัญคือมันสวยมาก เพราะเดินอยู่เรียบติดกับแคนยอนที่มีลำธารน้ำสีสวยคลอเคลียไปตลอดเส้นทาง ถ้าในฤดูหนาว ธารน้ำจะจับกันแข็งตัว แต่อย่าชะล่าใจลงไปเดินบนนั้นหล่ะ เพราะน้ำแข็งที่อยู่ที่ผิวมันไม่หนาพอที่จะรองรับน้ำหนักเราได้ สายน้ำที่อยู่ข้างใต้ก็ยังคงไหลอยู่ตลอดเวลา เพียงแค่เรามองไม่เห็นด้วยตาแค่นั้นเอง แต่ถ้าลองตั้งใจฟังดีๆ ก็จะได้ยินเสียงน้ำไหลแว่วๆ ขึ้นมาจากใต้น้ำแข็งนั่นเอง แต่ถ้าเดินเทรคในฤดูร้อน บรรยากาศและทิวทัศน์จะสวยงามมาก เวลาเดินเทรคที่นี่ให้สังเกตเสาไม้ที่เค้าปักบอกเส้นทางเอาไว้ให้ดี อย่าไปเดินล้ำเข้าไปนอกเส้นทางโดยเฉพาะฤดูหนาว เพราะจะยุบลงไปในหิมะลึกท่วมตัวได้ง่ายๆ โดยเฉพาะบริเวณโคนต้นไม้ อย่าเผลอเหยียบเข้าไปเด็ดขาด เพราะมันคือกับดักแห่งหายนะ เพราะมันจะมีหลุมลึกที่เกิดจากการสะสมของหิมะแบบหลวมๆ หลุมนั้นจะลึกมาก แต่ถูกหิมะปกคลุมไว้แบบคร่าวๆ ฝรั่งเรียกหลุมแบบนี้ว่า Pot Hole มีนักสกีที่ไม่มีความชำนาญต้องเอาชีวิตมาทิ้งนักต่อนักแล้วกับเจ้า Pot Hole นี่เพราะพลัดตกลงไปหัวทิ่ม แล้วสกีไปค้างอยู่ที่ปากหลุม ขาดอากาศหายใจ เพราะฉะนั้นหัดสังเกตป้ายบอกทางไว้ให้ดี บางจุดเขาจะใช้สัญลักษณ์บอกทางผูกไว้กับต้นไม้ ดังนั้นเราต้องหัดเป็นคนช่างสังเกต ถึงจะเอาตัวรอดได้ปลอดภัยตลอดเส้นทาง

ระหว่างเดินคอยสังเกตเส้นทางเดินให้ดีด้วย ถ้าพบว่ามันเป็นทางสองแพร่งคือเส้นหนึ่งเดินตรงต่อไป ส่วนอีกเส้นหนึ่งแยกเลี้ยวซ้าย ถ้ายังไม่เหนื่อยขอแนะนำว่าให้เดินตรงต่อไปอีกอึดใจ เพราะเมื่อโผล่แนวป่าออกไปจะเจอกับทุ่งกว้างสุดลูกหูลูกตากับลานหิมะขาวโพลน โดยมีฉากภูเขาใหญ่โตอลังการเป็นแบ๊คดรอปที่งดงามยิ่งนัก ให้เก็บภาพสวยๆ ให้หนำใจ แล้วค่อยเดินย้อนกลับขึ้นมาจนถึงทางแยกที่เราเจอเมื่อซักครู่ เลี้ยวไปตามทางแยกเล็กๆนั้นแล้วเดินตามรอยคนอื่นเขาไปเรื่อยๆ เส้นทางเทรคช่วงนี้จะเป็นการเดินขึ้นเนินเขาเตี้ยๆ ไม่ต้องรีบร้อนเดิน แวะถ่ายภาพสวยๆของธรรมชาติไปเพลินๆ เพราะถ้ารีบเดิน เราจะเหนื่อย แล้วจะทำให้เราท้อ เพราะสิ่งที่เห็นอยู่ข้างหน้าคือพื้นที่โล่งๆ ที่เต็มไปด้วยหิมะ แต่มองไม่เห็นจุดหมายปลายทางอะไรเลย โดยเฉพาะเมื่อขึ้นไปอยู่ด้านบนของเนินเขาด้วยแล้ว ภูเขาสูงทางด้านซ้ายมือ จะมี Chair Lift พาขึ้นไปสู่อาคารหลังเล็กๆ ที่เรามองเห็นอยู่ลิบๆ บนยอดเขา นั่นคือ Sky Station จุดที่นักท่องเที่ยวจะขึ้นไปเฝ้าชมแสงเหนือกัน แต่ขอบอกไว้ก่อนว่าค่าทัวร์โคตรแพง ตกหัวละหมื่นกว่าบาท คือขึ้นไปดินเนอร์ที่ด้านบน พร้อมเฝ้าดูแสงเหนือ แต่ถ้าวันร้ายคืนโหด จองทัวร์ไปแล้ว แต่สภาพอากาศแปรปรวน Chair Lift ไม่สามารถเปิดให้บริการได้ เขาก็จะไม่คืนเงินคุณนะ แต่จะพาไปทำกิจกรรมที่อื่นแทน เพราะฉะนั้นตัดสินใจให้ดีก่อนจอง เช็คสภาพอากาศของวันนั้นให้มั่นใจเสียก่อน แต่ก็อย่างที่รู้ๆ กันนั่นแหล่ะว่าอากาศที่นี่มันเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา เชื่ออะไรได้เสียที่ไหน จำเอาไว้ว่า 3 W ห้ามไว้ใจเด็ดขาด มีอะไรบ้าง Work , Women and Weather ทุกอย่างพร้อมไปจากเราเสมอ

เดินตามเส้นทางเทรคต่อมาเรื่อยๆ สังเกตสัญลักษณ์บอกทางไว้เป็นหลัก จะผ่านช่วงพื้นราบ ตรงนี้ต้องระวังหน่อยเพราะเป็นช่องอุโมงค์ลม หมายความว่าวันที่ลมแรง บริเวณนี้จะมีหิมะพัดเข้าใส่เรารุนแรงมาก แต่ไม่ต้องตกใจกลัวเพราะมันก็แค่ขู่เรา แต่มันไม่ได้กัดเราหรอก พื้นที่ราบ อย่างมากก็โดนลมพักหกล้ม เดินก้มหน้าสู้กับมันไป อีกนิดเดียวก็จะเจอแนวป่า และเริ่มมองเห็นกลุ่มอาคารของ STF แล้ว เส้นทางเดินเทรคจะพาไปจบลงที่ลานจอดรถของเราพอดี ระยะทางทั้งหมดที่เราเดินครบรอบเล็กก็จะประมาณเกือบแปดกิโลเมตร น่าจะใช้เวลาซักสี่ชั่วโมง แต่ถ้าคนที่เดินเร็วหน่อยก็น่าจะจบได้ภายในสองชั่วโมงครึ่งถึงสามชั่วโมง ลืมบอกไปว่าควรเริ่มออกเดินกันช่วงเช้าๆ เพราะพอตกบ่ายแล้วอากาศจะแปรปรวน ลมจะแรง ความหนาวมันจะมาเยือน แต่ถ้าเดินตอนเช้าหรือสาย เรายังมีแสงอาทิตย์ให้ความอบอุ่นกับเราได้อยู่ เมื่อกลับเข้าที่พัก ก็นอนเอาแรงเสีย เพราะกิจกรรมหลักของที่นี่สำหรับฤดูหนาวคือการเฝ้าดูแสงเหนือยามค่ำคืน ข้อได้เปรียบของ Abisko ก็คือ เราไม่ต้องออกตระเวนล่าแสงเหนือ แต่แสงเหนือมันจะวิ่งมาหาเราเอง ที่พักของเรานั้นมันคือศูนย์กลางของจักรวาล แสงเหนือจะพุ่งผ่านเหนือที่พักของเราเสมอไม่ว่าจะเกิดมาจากทิศตะวันตก หรือทิศตะวันออกก็ตาม และข้อดีอีกอย่างก็คือเราสามารถเช็คสภาพแสงเหนือแบบ Real Time ได้เลยว่าในขณะนี้มันเกิดขึ้นแล้วหรือยัง เพราะทางอุทยานเขาติดตั้ง Web Cam ไว้ที่บนยอดเขาทั้งฝั่งตะวันออก และฝั่งตะวันตก ดังนั้นเราก็แค่เปิดเว็ปแคมทิ้งไว้ พอเราเห็นแสงเหนือมา ก็คว้ากล้องวิ่งออกไปหาที่โล่งบนเนินด้านหลังของโรงแรมแล้วตั้งกล้องรอก็แค่นั้น ราเข้าเช็คเว็ปแคมได้ที่ Light Over Lapland หรือเข้าไปตามลิงค์นี่เลยก็ได้ https://lightsoverlapland.com/aurora-webcam/ เห็นไหมหล่ะว่าที่ Abisko นี้เขาเอาใจลูกค้ากันสุดๆ ลองไปเที่ยวซักครั้งแล้วจะติดใจ


CREDITS:
STORY/PHOTOS: KNIGHTRAIDERBLOG By Flt.Lt Dr. Suchet Sundaravej
ART DIRECTOR: Perayut Limpanastitphon


สามารถอ่านคอนเทนต์อื่นๆ ที่น่าสนใจได้ ที่นี่

Share:

Facebook
Twitter
Pinterest
LinkedIn
On Key

Related Posts

“VIJIT CHAO PHRAYA 2024”

VIJIT CHAO PHRAYA 2024

Post Views: 13 การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เตรียมความพร้อมด้านการท่องเที่ยวไทยในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2568 จัดงาน “VIJIT CHAO PHRAYA 2024 กระทรวงการท…

Tarot 17 nov

Your Tarot Weekly

Post Views: 21 คำพยากรณ์รายสัปดาห์ระหว่างวันอาทิตย์ที่ 17 พฤศจิกายน – วันเสาร์ที่​ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567 โดย​ มาดามราเชล วันอาทิตย์ นิสัย​ของดาว : ยศ…

Penthouse Bar + Grill at Park Hyatt Bangkok

Post Views: 6 เพนท์เฮาส์ บาร์ แอนด์ กริลล์ ณ โรงแรมพาร์ค ไฮแอท กรุงเทพฯ เปิดตัวประสบการณ์แฮงค์เอ๊าท์ ‘Reimagined’ สุดเอ็กซ์คลูซีฟ Penthouse Bar + Gril…

Your Tarot Weekly

Post Views: 48 คำพยากรณ์รายสัปดาห์ระหว่างวันอาทิตย์ที่ 10 พฤศจิกายน – วันเสาร์ที่​ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567 โดย​ มาดามราเชล วันอาทิตย์ นิสัย​ของดาว : ยศ…

Holiday Season – Sunny Fredland

Post Views: 12 ฉลองช่วงเวลาแห่งความสุขสุดพิเศษไปกับ Sunny Fredland Fred (เฟร็ด) เชิญสัมผัสประสบการณ์ในช่วงเทศกาลวันหยุดที่เปล่งประกายด้วยความสดใสจากกา…