เพราะความสุขที่หล่นหายอาจหาเจอได้ง่ายกว่าที่คิด : COCOON LOST & FOUND งานนิทรรศการเดี่ยวครั้งแรกในไทยของครูปาน สมนึก คลังนอก
ใครหลายคนอาจจดจำครูปาน สมนึก คลังนอก ในฐานะศิลปิน นักวาดภาพประกอบ รวมทั้งบทบาทการเป็นครูสอนศิลปะ ผู้สร้างผลงานภาพประกอบมากมายด้วยลายเส้นสบายตา สีสันสดใสเป็นเอกลักษณ์ จนมีโอกาสไปโชว์ในอาร์ตแฟร์ทั่วโลกมาแล้ว แต่ครั้งนี้นับเป็นครั้งแรกในชีวิตของศิลปินผู้มีความสามารถรอบด้าน ที่จะถ่ายทอดมุมมองและสัจธรรมต่อโลกใบนี้ ผ่านนิทรรศการให้ชาวไทยได้ชมกันในนิทรรศการ COCOON LOST & FOUND ที่ River City Bangkok
“โคคูน เป็นตัวแทนของความเป็นเด็ก ตอนเด็กเรามีความสุขง่าย ร้องไห้ง่าย หัวเราะดีใจได้ง่ายๆ โดยไม่มีอะไรซับซ้อน แต่พอเราโตขึ้น เราเลยสูญเสีย (Lost) ความรู้สึกแบบนั้นไป นิทรรศการครั้งนี้เลยเลือกจะพูดถึงความสุขเล็กๆ ในตัวเราที่มันหล่นหายไป และเราอาจจะหาเจอได้ (Found) เพียงแค่ปรับเปลี่ยนวิธีคิดเล็กๆ น้อยๆ ของเราเอง” ครูปานอธิบายถึงที่มาของชื่อนิทรรศการ ที่บอกเล่าถึงตัวละครเด็กชายในเสื้อฮู้ดและการใคร่ครวญถึงความสุขที่เราทุกคนเคยมี และอาจทำหล่นหายไป
หลังจากได้รับการติดต่อจาก River City Bangkok และชักชวนมาร่วมจัดนิทรรศการเป็นเวลานาน ด้วยการระบาดของ Covid-19 ที่ทำให้การเดินทางออกนอกประเทศเป็นไปได้ยาก ครูปานจึงเริ่มต้นโปรเจกต์ที่ใช้ระยะเวลาในการเตรียมร่วม 3 ปีขึ้น โดยหยิบคาแรกเตอร์คู่ใจอย่าง โคคูน เด็กชายตัวเล็กหัวกลมที่เผยแพร่และอยู่คู่กับครูปานมาอย่างยาวนานตั้งแต่ปีค.ศ.2012 มาเป็นพระเอกในงานนิทรรศการครั้งนี้
“คาแรกเตอร์เด็กห่อผ้าก็ไม่ต่างอะไรกับจิตใจของคน โคคูนในบางภาพก็ยังเป็นเด็กน้อยในห่อผ้าที่มองไม่เห็นแขนและขา เป็นเหมือนโคคูนในตอนที่เป็นทารก แม้ว่าเราจะเปิดใบหน้าและเปิดตาให้เขาได้มองเห็นโลกภายนอกและค่อยๆ ทำความรู้จักกับความเป็นไปของโลก แต่ขณะเดียวกันเราก็ยังคงต้องปกป้องเด็กน้อยคนนี้จากสิ่งแวดล้อมหรืออันตรายจากภายนอก
แต่ในภาพอื่น บางภาพเราก็จะเริ่มเห็นสรีระ แขนขาของโคคูน เริ่มเห็นเส้นผมของเขา เมื่อเขาเอาฮู้ดคลุมหัวของตนเองออกหลังจากเขาค่อยๆ เติบโตขึ้น มันก็เหมือนการดูแลรักษาจิตใจของคนเราให้ดี เพื่อให้เราเติบโตและมองเห็นความสุขในตนเองอยู่เสมอ เป็น ดักแด้ (Cocoon) ที่รอวันจะลอกคราบและกางปีกบินเป็นผีเสื้อ”
และเมื่อเราตั้งคำถามกับครูปานว่า ส่วนที่สนุกที่สุดและส่วนที่ยากที่สุดของนิทรรศการครั้งนี้คืออะไร ครูปานก็หัวเราะชอบใจและตอบออกมาด้วยน้ำเสียงสบายๆ “ส่วนที่ทั้งสนุกที่สุดแต่ในขณะเดียวกันก็ยากที่สุด คือการที่ครูปานต้องเก็บทุกอย่างในงานนี้เอาไว้เป็นความลับ เพราะเราวางแผนกันมานานมากๆ ตั้งแต่ช่วงโควิดใหม่ๆ พอไม่ได้ไปแสดงงานที่ต่างประเทศและตัดสินใจว่าจะทำนิทรรศการครั้งนี้กับทางริเวอร์ ซิตี้ แบงค็อก
เราเลยค่อยๆ เริ่มทำงาน สะสมเอาไว้โดยไม่บอกใคร เพราะนิทรรศการครั้งนี้นับเป็นครั้งแรกในไทยที่เราจะพาโคคูนมาแนะนำตัวให้คนไทยรู้จัก เราก็เลยอยากเก็บทุกอย่างเป็นความลับเอาไว้ก่อน เพราะเรารู้สึกว่าการเซอร์ไพรส์เป็นความสนุกและในขณะเดียวกัน คือการพิสูจน์ตัวเองของเราด้วยว่าจะสามารถถ่ายทอดงานออกมาได้ตามที่ตั้งใจเอาไว้หรือเปล่า”
พื้นที่จัดแสดงภายในห้อง RCB Galleria 1 ถูกแบ่งเป็นสัดส่วนต่างๆ ที่ผู้ชมจะสามารถใช้เวลากับผลงานศิลปะหลากหลายรูปแบบ ทั้งภาพจิตรกรรมที่จัดแสดงในรูปแบบที่หลากหลาย ประติมากรรมไซส์จิ๋วหลากสีสันที่วางเรียงรายเอาไว้อย่างเป็นระเบียบ ประติมากรรมตัวยักษ์กับเทคนิคการยิงภาพด้วยแสง (Projection Mapping) รวมทั้งห้องจัดแสดงที่เนรมิตให้มีรูปแบบการนำเสนอที่เฉพาะตัว เช่น ห้องโคคูนเซอร์ไพรส์ ห้องกระจกรอบด้านที่มีประติมากรรมโคคูนตัวเบิ้ม กำลังยืนเอามือไขว้หลังและซ่อนดอกไม้เอาไว้
“ประติมากรรมตัวนี้เคยเป็นภาพวาดมาก่อน โดยภาพวาดจะมีผีเสื้ออยู่ตรงหน้า ส่วนโคคูนที่ซ่อนดอกไม้ไว้ข้างหลังกำลังตั้งใจจะทำเซอร์ไพรส์กับเพื่อนตัวจ้อย ว่าเขามีของขวัญเป็นดอกไม้จะมอบให้ผีเสื้อ แต่พอมาทำเป็นหุ่นประติมากรรม ครูปานเลยมีไอเดียขึ้นมาว่าอยากจะทำห้องนี้เป็นห้องกระจกเงา ที่สะท้อนภาพของผู้ชมที่มาชมงานนี้ รวมถึงสะท้อนภาพของโคคูนเองด้วย
เพราะหลายครั้งคนเราเอาแต่คิดว่าอยากจะมอบของขวัญให้กับคนอื่น อยากจะมอบกำลังใจให้คนอื่น โดยลืมไปว่าแท้จริงแล้วคนที่น่ารักที่สุด คนที่รอคอยและต้องการกำลังใจ รอยยิ้ม และสิ่งดีๆ จากเรามากที่สุดก็คือตัวเราเอง”
ภายในห้องโคคูนเซอร์ไพรส์เต็มไปด้วยถ้อยคำให้กำลังใจมากมายที่ประดับไว้บนกำแพง แต่ที่โดดเด่นที่สุดคงเป็นข้อความภาษาไทยความหมายดีที่ทำให้ใครหลายคนเสียน้ำตา ที่เตือนให้ผู้ชมที่กำลังมองเงาสะท้อนในกระจกรู้ว่าคนตรงหน้าในกระจกนั้นเอง คือคนที่รู้จักตัวเราดีที่สุดในทุกแง่มุมและรอคอยความรักจากตัวเรามาตลอด นอกจากนั้นภายในห้องยังมีเพลงบรรเลงที่ได้ปั๊ป พัฒน์ชัย ภักดีสู่สุข หรือปั๊ป Potato มาช่วยแต่งเพลงและบรรเลงเพลงประกอบที่ช่วยเติมเต็มให้บรรยากาศภายในห้องสมบูรณ์เต็มร้อย
หรือจะเป็นพื้นที่ให้ห้องจัดแสดงถัดมาที่เนรมิตให้คล้ายคลึงกับห้องนั่งเล่นที่สตูดิโอส่วนตัวของครูปานจริงๆ ด้วยความตั้งใจในการจำลองบรรยากาศบ้านและห้องทำงาน มาเป็นหนึ่งในพื้นที่จัดแสดงผลงาน เพื่อให้ผู้ชมได้รู้สึกเหมือนกำลังเปิดประตูเข้ามาสู่บ้านของครูปาน และรู้สึกใกล้ชิดกับครูปานมากขึ้น รวมทั้งได้รับแรงบันดาลใจให้ผู้ชมที่อยากจะลองวาดรูปดูสักครั้ง ด้วยการจำลองโต๊ะทำงานของตนเองมาให้ได้ชมกันในห้องนี้
ภาพที่เรียบง่ายถูกเรียงรายเต็มกำแพง ลึกไปถึงส่วนจัดแสดงด้านใน ที่แม้สีสันจะสดใสแต่ภาพวาดที่ถูกติดตั้งไว้กลับแฝงไปด้วยคำสอนหรือแง่คิดที่มีความเป็นปรัชญา เช่นภาพของโคคูนที่กำลังเงยหน้ามองไปยังต้นบอนไซด้วยความประหลาดใจกับขนาดอันใหญ่โตของต้นไม้ ทั้งที่แท้จริงแล้วทุกคนก็ทราบดีว่าบอนไซเป็นไม้ประดับต้นเล็กจิ๋วเท่านั้น แต่เด็กน้อยกลับมองว่าต้นไม้ต้นนี้ต้นใหญ่เหลือเกิน
“ครูปานมีคำสอนของสมเด็จพระสังฆราชฯ ที่ใช้เตือนตนเองมาตลอดทั้งชีวิตอยู่ข้อหนึ่ง ว่าแท้จริงแล้วชีวิตมนุษย์นั้นเล็กจ้อย แล้วปัญหามันจะใหญ่โตไปกว่าเราได้อย่างไร เมื่อไหร่ที่เรามองตัวเองเล็ก เมื่อนั้นเราก็จะไม่มองปัญหาทมี่เกิดขึ้นเป็นเรื่องใหญ่โต จะยากเย็นแค่ไหนก็จะสามารถผ่านไปได้” ศิลปินหนุ่มแบ่งปันแนวคิดที่แฝงไว้ด้วยความเป็นพุทธ สมกับที่เคยอยู่ภายใต้ร่มกาสาวพัสตร์มานานถึง 12 ปีก่อนมาเป็นศิลปิน
“ปกติแล้วครูปานชอบไปเดินเลือกซื้อต้นไม้ที่ตลาดต้นไม้ มีอยู่วันหนึ่งได้ไปเจอต้นบอนไซแล้วก็นึกถึงคำสอนนี้ขึ้นมา บางครั้งเรามองปัญหาใหญ่โตเกินตัวเราจนทำให้เราเป็นทุกข์ เหมือนกับโคคูนที่ประหลาดใจกับขนาดที่ใหญ่โตของบอนไซ
ซึ่งเรื่องตลกของภาพนีัคือ ครูปานถ่ายภาพบอนไซที่เจอจากตลาดต้นไม้ กลับบ้านมาตั้งใจจะวาด แต่ภาพที่ถ่ายมาก็สวยไม่ถูกใจ แต่บังเอิญอัลกอริทึมในเฟสบุ๊คก็แสดงภาพต้นบอนไซที่สวยถูกใจมาให้ ทำให้เราเลือกหยิบบอนไซต้นนั้นมาใช้เป็นแบบ และมารู้ทีหลังว่าบอนไซต้นที่ใช้เป็นแบบก็เป็นบอนไซราคาแพงเสียด้วย” ครูปานเล่าทั้งรอยยิ้มก่อนจะพูดถึงภาพไฮไลต์อื่นๆ ที่ชื่นชอบ
ทั้งภาพโคคูนกำลังยืนอยู่ท่ามกลางจักรวาลอันเวิ้งว้าง มีการใช้เทคนิคการสร้างงานที่หลากหลายทั้งการเพ้นท์ ปิดทอง สะบัดสี รวมทั้งการใส่แสงเข้าไป เพื่อให้โคคูนมีแสงอยู่ในตัว โดยครูปานได้อธิบายว่า แสงนั้นเป็นเสมือนการมองโลกในแง่ดี มันสามารถพาเราไปได้ทุกหนทุกแห่งในจักรวาล รวมทั้งพาเราก้าวผ่านปัญหามากมายที่เราเจอได้ ขอเพียงแค่เรารู้วิธีปรับมุมมองความคิดของตนเอง
และภาพโคคูนที่กำลังเล่นเก้าอี้ดนตรีระหว่างโคคูน Devil และ Angel ที่เป็นภาพแทนของการเลือกอารมณ์ใดมานั่งอยู่ภายในใจของเรา ซึ่งนับเป็นภาพวาดโคคูนที่ชิ้นใหญ่เกือบจะที่สุดในนิทรรศการครั้งนี้ พูดถึงการเลือกหยิบจับอารมณ์และมีสติรู้ทันอารมณ์ของตนเองอยู่ตลอด เหมือนการเล่นเก้าอี้ดนตรีที่เรามีสิทธิจะเลือกเองว่าจะให้อารมณ์ความคิดดีหรือแย่มาใส่ใจของเรา
“คำว่า ความสุข สำหรับครูปานหมายถึงความสบายใจ หากเราสามารถดูแลจิตใจของเราจากสิ่งภายนอกได้ เลือกสิ่งที่ดีให้กับใจของเราเอง เมื่อเราสบายใจ ใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายนั่นแหละคือความสุข ซึ่งนิทรรศการครั้งนี้พยายามจะบอกเล่า อยากให้ทุกคนได้มาลองชม และลองมาใช้เวลาเพื่อมองหาโคคูนของตนเองที่ซ่อนอยู่ในนิทรรศการครั้งนี้ และพามันไปพบกับความสุขภายในใจครับ” ครูปานกล่าว
นิทรรศการ Cocoon: Lost and Found เปิดให้เข้าชมฟรี ตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2566 ณ ห้องจัดแสดง RCB Galleria 1 ชั้น 2 ริเวอร์ ซิตี้ แบงค็อก ติดท่าเรือสี่พระยา
Credit:
Photos: Courtesy of River City Bangkok
อ่านเรื่องราวที่น่าสนใจอื่นๆ ได้บน Padthai.co
- ชวนปักหมุด 20 งานน่าสนใจจาก 9 ย่านเศรษฐกิจทั่วกรุงเทพ ในเทศกาลแห่งการออกแบบสร้างสรรค์ Bangkok Design Week 2023 : urbanNICEzation เมือง-มิตร-ดี
- เรื่องราววัยเยาว์และการเติบโตก้าวพ้นวัยของพ่อมดแห่งโลกฮอลลีวูด สตีเวน สปีลเบิร์ก ใน The Fabelmans ภาพยนตร์ชิง7รางวัลออสการ์ประจำปีนี้
- Repeat After Me: เป็นทุกอย่างให้Everything Everywhere All At Once ภาพยนตร์ที่พามิเชล โหย่วไปคว้ารางวัลลูกโลกทองคำนักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมปีนี้
- รีวิวหลังดูจบแบบไม่สปอยล์ : สิ้นสุดการรอคอย AVATAR 2 : The Way of Water วิถีแห่งสายน้ำ การกลับมาของครอบครัวซัลลี ชนเผ่าเมทคายีน่า เหล่านาวีแห่งท้องทะเล และผลงานภาพสวยจับใจไม่เสียชื่อผู้กำกับระดับเทพ เจมส์ คาเมรอน ฟันรายได้ทั่วโลกวันแรก 553 ล้านบาท
- 2023 TRENDS & PREDICTIONS : Entertainment and Pop-Culture เจาะเทรนด์โลก 2023 ไปกับ Padthai POP-CULTURE วงการสื่อจะไปในทิศทางไหน แล้วคอนเทนต์รูปแบบใดจะมาแรงในปี 2023 ที่จะถึงนี้