Album of The Month : Shut Down ผลงานใหม่จาก Blackpink ที่เป็นมากกว่าเพลงบนท็อปชาร์ตจากอัลบัม Born Pink
หลังจากนำเสนอพรี-ซิงเกิลสุดร้อนแรงอย่าง Pink Venom ที่ติดชาร์ตทั่วโลกภายในชั่วข้ามคืน ในที่สุดก็ถึงเวลาของการกลับมาอย่างเป็นทางการในอัลบัมชุดใหม่ล่าสุด หลังห่างหายผลงานเพลงไปกว่าสองปี Blackpink ได้สร้างสถิติใหม่ในอัลบัมชุด Born Pink ที่ไม่เพียงบอกเล่าเรื่องราวระหว่างทางของพวกเธอจากวันแรกจนมาถึงวันนี้ ที่พวกเธอยืนอยู่เหนือสุดของยอดพีระมิดวงเกิร์ลกรุ๊ปเคป็อป แต่สาวๆ ยังประกาศกร้าวในเพลงโปรโมทเพลงที่ 2 อย่าง Shut Down ว่า “นี่ไม่ใช่การคัมแบ็ค เพราะพวกเราไม่เคยจากไปไหน”
ดังนั้นคงไม่มีอะไรจะเหมาะไปกว่าการพูดถึงเรื่องราวของพวกเธอ แรงบันดาลใจสุดครีเอทที่ถูกถ่ายทอดในมิวสิควิดีโอเพลง Shut Down เพลงใหม่แต่ละเพลงในอัลบัม และสถิติที่กำลังจะกลายเป็นตำนาน ในคอลัมน์ Album of The Month กับอัลบัมเต็มชุดที่ 2 ของพวกเธออย่าง Born Pink
Track 1 : Pink Venom
Pink Venom เป็นเพลงจังหวะติดหูที่มีท่อนฮุคจำง่ายอย่าง ‘Taste that Pink Venom’ ที่เพียงชั่วข้ามคืนก็กลายเป็นเพลงที่แฟนทั่วโลกร้องตามได้ ไม่เฉพาะในเอเชีย แต่ยังรวมถึงยุโรป อเมริกา และภูมิภาคอื่นๆ ทั่วโลก โดยได้โปรดิวเซอร์หลักและนักแต่งเพลงที่คุ้นเคยกับการทำงานร่วมกับสาวๆ Blackpink อย่างเท็ดดี้ (Teddy Park) และแดนนี่ ชุง (Danny Chung) มาเป็นผู้เขียนเนื้อร้อง
โดยซิงเกิลนี้ถูกใช้เป็นเพลง Pre-Single เพื่ออุ่นเครื่องก่อนอัลบัมจะวางขายจริง และทำให้อัลบัมเต็มชุดที่สองของพวกเธอ ทำสถิติใหม่ในการเป็นอัลบัมที่มียอดจอดล่วงหน้าสูงถึง 142,129 แผ่นภายในระยะเวลา 24 ชั่วโมงแรก นอกจากนั้นมิวสิควิดีโอเพลงนี้ยังมียอดวิวครบ 100 ล้านครั้งภายในเวลาเพียง 30 ชั่วโมงซึ่งติดอันดับ 1 ใน 5 มิวสิควิดีโอที่มียอดวิวครบ 100 ล้านครั้งเร็วที่สุดเท่าที่เคยมีการบันทึกไว้
แต่การพ่นพิษ Pink Venom และเรียกความสนใจในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมาเป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น เมื่อเท็ดดี้และสี่สาวแบล็คพิ้งค์เดินเกมรุกต่อในเดือนกันยายนซึ่งเป็นช่วงเวลาตามกำหนดการณ์ที่อัลบัมจะวางแผง
Track 2 : Shut Down
เพลง Shut Down ถูกวางให้เป็นเพลงโปรโมทเพลงที่ 2 ที่จะนำเสนอมิวสิควิดีโอออกมาในช่วงเวลาเดียวกันกับการวางแผงอัลบัมเต็ม โดยมิวสิควิดีโอทั้งสองเพลงในการโปรโมทครั้งนี้เป็นมิวสิควิดีโอที่ทางค่ายวายจีเคลมว่าใช้ทุนสร้างสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เพื่อนำเสนอเรื่องราวจากมิวสิควิดีโอเก่าๆ ที่เคยเป็นภาพจำ และความเปลี่ยนแปลงตลอดหลายปีที่ผ่านมา ซึ่งแสดงให้เห็นถึงพัฒนาการและการเติบโตของพวกเธอ ไม่ว่าจะถุงเงินเป็นฟ่อนที่หมายถึงการกอบโกยกำไรและรายได้มหาศาล หรือการที่โลกทั้งใบกลายเป็นสีดำชมพู ที่หมายถึงความนิยมที่แพร่กระจายไปทั่วโลกของวง
ซิงเกิลนี้ยังคงได้เท็ดดี้และแดนนี่ชุงเป็นผู้เขียนเนื้อร้องให้ และถ่ายทอดความมั่นใจ และเสน่ห์แบบเชิดๆ ตามแบบฉบับของ Blackpink ออกมาได้อย่างครบถ้วน โดยไม่ลืมที่จะเปิดอินโทรด้วยท่อนร้องสุดไอคอนิคอย่าง Blackpink in your area ก่อนจะต่อด้วยท่อนร้องและแรปที่อัดแน่นไปด้วยวลีเด็ดสุดแซ่บ ราวกับสาวๆ กำลังฮุคหมัดซ้ายขวาเพื่อเตือนสติเหล่า Hater และคนที่หมายใจอยากจะแข่งขันกับพวกเธอว่าหากมอง Blackpink เป็นคู่แข่ง ก็ยังคงวิ่งตามพวกเธออยู่อีกหลายก้าว
แต่ท่อนที่เราประทับใจที่สุดคงหนีไม่พ้นท่อนร้องของสาวเจนนี่ ที่ประกาศกร้าวว่า “นี่ไม่ใช่การคัมแบ็ค เพราะเราไม่เคยจากไปไหน” ซึ่งก็นับว่าจริง เพราะแม้จะห่างหายจากผลงานเพลงแบบเต็มวงไปยาวนานถึง 2 ปี แต่ความนิยมของพวกเธอก็ไม่เคยห่างหายไปจากหน้าสื่อเลยแม้แต่วันเดียว
Track 3 : Typa Girl
เพลงบีทหนักที่เต็มไปด้วยเอกลักษณ์ของสาวลิซ่าเพลงนี้เป็นแทร็คที่ 3 ของอัลบัม โดยได้ เบ็กก้า บูม (Bekuh BOOM) นักแต่งเพลงสาวชาวอเมริกันสุดแซ่บที่เคยเขียนเนื้อเพลงเท่ๆ อย่าง Kill This Love ให้ Blackpink มาแล้วมารับหน้าที่เขียนเนื้อร้องเพลงนี้ โดยแต่เริ่มแรก Typa Girl เป็นเพลงที่เบ็กก้าหมายใจจะใช้เป็นเพลงสำหรับการโซโล่ครั้งถัดไปของสาวลิซ่า แต่สุดท้ายก็ถูกหยิบมาใช้เป็นเพลงของวงแทน
ใน Typa Girl เราจะได้เห็นการผสมผสานกันระหว่างท่อนบีทดรอปและเสียงเบสที่กระแทกกระทั้นในท่อนคอรัสแบบที่คุ้นเคย กับโทนเสียงในการร้องที่แปลกใหม่ของลิซ่าที่ล่าสุดกลายเป็นท่อนไวรัลและถูกนำไปใช้บน Tiktok เป็นที่เรียบร้อย ด้วยเนื้อร้องเริ่ดๆ ที่แจกแจงว่าพวกเธอแตกต่างจากสาวๆ ทั่วไปอย่างไร และยังมีท่อนร้องเท่ๆ ที่กล่าวถึงแบรนด์ไฮแฟชั่นอย่าง Chanel ในท่อนของสาว เจนนี่ ผู้เป็น House Brand Ambassador ว่า “ฉันน่ะเป็นผู้หญิงประเภทที่เลือกสะพายเฉพาะกระเป๋าคุณภาพสูงของชาเนลเท่านั้น” เริ่ดไหมละ!
Track 4 : Yeah Yeah Yeah
แทร็คที่ 4 ของอัลบัมอย่าง Yeah Yeah Yeah ดร็อปความร้อนแรงและเปลี่ยนมู้ดให้สดใสขึ้นทั้งเนื้อหาและดนตรีที่สดใส มีกลิ่นอายความเป็นเรโทรแบบเพลงป็อป-ร็อคอินดี้ยุค 80s ซึ่งก็ไม่น่าประหลาดใจเมื่อเห็นเครดิต เพราะคนที่อยู่เบื้องหลังเพลงนี้ไม่ได้มีเพียง VVN และคุช (Kush) แต่ยังมีสองสมาชิกของวงอย่างจีซูและโรเซ่เป็นคนร่วมเขียนเนื้อร้องด้วย
โดยสื่อระดับโลกด้านดนตรีอย่าง Billboard ได้จัดอันดับเพลงนี้เป็นเพลง TOP3 ที่ดีที่สุดในอัลบัมชุดนี้และยังให้ความสนใจกับเครดิตการเขียนเนื้อร้องของจีซู เพราะทุกคนต่างลงความเห็นตรงกันว่าอยากจะรู้จักตัวตนและความเป็นเธอให้มากขึ้นผ่านการเขียนเพลงด้วยตนเองในผลงานโซโล่อัลบัม ซึ่งตอนนี้เหลือเพียงแค่เธอคนเดียวเท่านั้นใน Blackpink ที่ยังคงไม่มีผลงานเดี่ยวเป็นของตนเอง
Track 5 : Hard to Love (Rosé solo)
มาถึงครึ่งทางแล้วสำหรับอัลบัมชุดนี้ เท็ดดี้เลือกเซอร์ไพรส์แฟนๆ ด้วยการมีเพลงโซโล่ภาษาอังกฤษของ โรเซ่ ไว้ในแทร็คที่ 5 ของอัลบัม ด้วยสำเนียงภาษาอังกฤษและเทคนิคการร้องที่น่าฟัง โรเซ่จึงสามารถถ่ายทอดเรื่องราวและความรู้สึกปวดร้าวของคนที่มีกำแพงในใจและยากจะเริ่มต้นกับรักครั้งใหม่ออกมาได้อย่างดีเยี่ยม
Hard to Love ถูกยกให้เป็นเพลงหน้าบีจากอัลบัมใหม่ที่หลายคนชอบที่สุด และยังกลายเป็นเพลงโซโล่ของศิลปินเดี่ยวหญิงที่เปิดตัวด้วยยอดสตรีมมิ่งที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ของ Spotify ด้วยยอดเข้าฟัง 3.63 ล้านครั้งในวันแรก ซึ่งก็ทำลายสถิติเก่าของเธอเองที่เคยทำไว้ในผลงานโซโล่อย่าง On The Ground รวมทั้งเป็นเพลงในอัลบัมเพลงเพียงเดียวที่ไม่ใช่เพลงโปรโมทแต่สามารถขึ้นชาร์ต iTunes top songs ได้จากยอดการซื้อบน iTunes store ได้อีกด้วย
Track 6 : The Happiest Girl
The Happiest Girl เป็นเพลงช้าๆ ที่จะพาเราดำดิ่งลงไปสัมผัสกับความสัมพันธ์ที่แตกร้าวและการทะเลาะเบาะแว้ง สาวๆ Blackpink จึงเป็นเสมือนตัวแทนของเหล่าคุณผู้หญิงที่เจ็บปวดและบอบช้ำกับความสัมพันธ์มาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน จนวันที่พวกเธอตัดสินใจว่าจะจบความสัมพันธ์อันเป็นพิษนี้ลง และขอพยายามยืนหยัดด้วยตนเองและเป็นหญิงสาวที่มีความสุขที่สุดโดยทิ้งความทรงจำที่เจ็บปวดในอดีตไป
แทร็คนี้เป็นหนึ่งในเพลงที่ทั้ง 4 สาวได้อวดเสียงร้องและเทคนิคการโปรเจกต์เสียงที่น่าฟัง แม้ว่าตลอดทั้งเพลงจะไม่มีเนื้อเพลงท่อนแรปเลย แต่การเลือกใช้ช่องเสียงในการร้องจากทั้ง 4 สาวในรูปแบบที่ไม่เคยนำเสนอมาก่อนในเพลงของวงเลย ก็ชวนให้แทร็คนี้กลายเป็นเพลงช้าที่ใครหลายๆ คนต้องวนกลับมาฟังซ้ำแล้วซ้ำอีก
Track 7 : Tally
แม้จะดรอปจังหวะลงมาให้ช้า แต่ในแทร็คที่ 7 อย่าง Tally ก็ยังคงไว้ซึ่งบีทหนักแน่นและเนื้อร้องภาษาอังกฤษที่บอกเล่าถึงเรื่องราวความยากลำบากของศิลปินหญิงในอุตสาหกรรมดนตรีและสังคมชายเป็นใหญ่ ที่ผู้ชายยังคงเป็นคนกรอบความคิดว่าผู้หญิงที่ดีควรทำตัวอย่างไร วางตัวอย่างไร ในขณะที่ผู้ชายสามารถทำเรื่องไม่ดีไม่งามได้และกลับกลายเป็นความเท่ อย่างการเป็นผู้ชายเจ้าชู้หรือแสดงอารมณ์โกรธออกมาเมื่อรู้สึกไม่พอใจ
ซึ่งเนื้อหาที่ปรากฏชวนให้เรานึกถึง The Man (2022) เพลงฮิตจากอัลบัม Lover ของนักร้องสาว เทย์เลอร์ สวิฟท์ (Taylor Swift) ที่เล่าถึงความน่าหงุดหงิดของผู้หญิงที่ต้องพยายามมากกว่าเพื่อจะสามารถเติบโตในหน้าที่การงานได้เท่ากับผู้ชายโดยไม่ถูกตั้งคำถามว่าพวกเธอประสบความสำเร็จได้ด้วยความสามารถของเธอจริงหรือไม่ และพูดถึง ‘สิ่งที่ผู้ชายทำได้’ แต่เป็นทาบู (Taboo) หรือข้อห้ามสำหรับผู้หญิง
โดยเพลง Tally เป็นเพลงที่เคยถูกวางให้เป็นหนึ่งในอัลบัมชุด Better Mistakes ของนักร้องสาวบีบี เรจา (Bebe Rexha) ศิลปินและนักแต่งเพลงชาวอเมริกัน และเคยถูกนำเสนอมาแล้วใน Listening Party ของบีบีในปีค.ศ. 2019 แต่ด้วยเหตุผลบางอย่างเพลงนี้ได้ถูกถอดออกจากอัลบัมไป และกลับมาปรากฏอีกครั้งโดยมี 4 สาว Blackpink ซึ่งเป็นเสมือนตัวแทนของหญิงสาวมั่นใจมาเป็นผู้ถ่ายทอดแทนได้อย่างทรงพลัง
Track 8 : Ready for Love
และคงไม่ต้องพูดอะไรเยอะ (เพราะเราเคยนำเสนอข่าวเกี่ยวกับเพลงนี้ไปแล้ว!) ในแทร็คสุดท้ายของอัลบัมซึ่งหลายคนคุ้นเคยอย่าง Ready For Love ซิงเกิลที่ถูกใช้ในการร่วมงานกับเกม PUBG MOBILE และนำเสนอมิวสิควิดีโอออกมาพักใหญ่ก่อนการคัมแบ็คอย่างเป็นทางการสำหรับอัลบัมชุดนี้ แต่ถึงอย่างนั้นแทร็คนี้ก็ยังเป็นเพลงที่แฟนคลับหลายๆ คนยกให้เป็นเพลงโปรดที่สุดของอัลบัม BORN PINK อยู่ดี!
แล้วคุณผู้อ่านของ Padthai.co ล่ะชอบเพลงไหนในอัลบัมชุดนี้มากที่สุด อย่าลืมแชร์บทความนี้และบอกให้เพื่อนๆ ของคุณได้รู้กันด้วยนะ!
CREDIT:
PHOTOS: COURTESY OF BLACKPINK OFFICIAL AND YG ENTERTAINMENT
อ่านเรื่องราวที่น่าสนใจอื่นๆ ได้บน Padthai.co
- ตัวอย่างแรกจาก Wednesday ซีรีส์เดี่ยวของเวนส์เดย์ แอดดัมส์ ลูกสาวคนโตแห่ง แอดดัมส์ แฟมิลี่ และการเข้าเรียนเทอมใหม่ที่โรงเรียนเนเวอร์มอร์ ที่จะพาเธอไปพบเรื่องสยองเหนือจินตนาการ ภายใต้การกำกับของทิม เบอร์ตัน บน Netflix สิ้นปีนี้!
- Pink Venom แผลงฤทธิ์! Blackpink คัมแบ็กสุดปัง ทุบสถิติ 100 ล้านวิวภายในเวลาเพียง 30 ชั่วโมง นำเสนอมิวสิควีดีโอ Pink Venom พรี-ซิงเกิ้ลสุดร้อนแรงจากอัลบัม BORN PINK และการกลับคืนบัลลังก์อีกครั้งในรอบ 2 ปี ของเหล่าราชินีผู้พาวงการK-POPไปสู่ระดับโลก
- ถักทอความทรงจำถึงคุณแม่ผู้ล่วงลับ สู่บทเพลงสุดซึ้ง วาดไว้ ซิงเกิลใหม่จากโบกี้ไลอ้อน กับการขึ้นเป็นซิงเกิลมาแรงบน Youtube Music หมวดดนตรี ด้วยยอดวิวทะลุ 32 ล้านครั้ง
- เปิดสองเรื่องเล่าจากถ้ำหลวงใน Thirteen Lives : สิบสามชีวิต และ Thai Cave Rescue ถ้ำหลวง: ภารกิจแห่งความหวัง สองผลงานใหม่บนสตรีมมิ่งเจ้ายักษ์ ที่สร้างจากเรื่องจริงของเหตุการณ์ภารกิจกู้ชีพนักกีฬาและโค้ชรวม 13 ชีวิตจากทีมฟุตบอลหมูป่าอคาเดมี ที่ถ้ำหลวงขุนน้ำนางนอน จังหวัดเชียงราย ในปีค.ศ. 2018
- รู้จักออทิสติกสเปกตรัม และมองผู้ป่วยที่มีภาวะออทิสซึมตามความเป็นจริง ผ่านตัวละคร อูยองอู ทนายสาวอัจฉริยะจากซีรีส์ Extraordinary Attorney Woo