เปิดตัวด้วยคอลเลกชั่นใหม่ของ Magnifica 2021 High Jewelry and High-End Watches ที่ Bvlgari ตีความหมายจากความงดงามล้ำเลิศแห่งอิตาลี สู่ความงดงามแห่งเครื่องประดับชั้นสูงและการท่องเวลาอันเลอค่าบนข้อมือ
Bvlgari: Magnifica 2021 High Jewelry and High-End Watches Collection ดึงดูดแสงสปอตไลต์ ที่หลายคนกำลังให้ความสนอกสนใจเป็นพิเศษ กับการเปิดตัวครั้งสำคัญของ Magnifica โดยบุลการี (Bvlgari) เมื่อต้นเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ผ่านการจัดงาน Brand Event ที่มีขึ้นสองวัน และแบรนด์ได้เลือกจัดขึ้นเป็นครั้งแรกในมิลาน มหานครแห่งความหรูหราและแฟชั่นของอิตาลี เพื่อร่วมฉลองและอุทิศให้กับเมืองหลังผ่านพ้นสถานการณ์อันยากลำบากจากการเผชิญกับโรคระบาด
ซึ่งแน่นอนว่านอกเหนือจากไฮไลต์ความโดดเด่นของคอลเลกชั่นเครื่องประดับอัญมณีชั้นสูงใหม่ด้วยชื่อเดียวกัน อย่าง Magnifica High Jewelry แล้ว Bvlgari ยังได้นำเสนอคอลเลกชั่นเรือนเวลาไฮเอนด์ใหม่ที่ล้วนรังสรรค์ขึ้นภายใต้ธีมแห่งความงดงามล้ำเลิศเดียวกัน ทั้งยังถ่ายทอดถึงความมุ่งมั่นอย่างต่อเนื่องในการสร้างสรรค์เครื่องบอกเวลาอันโดดเด่นและล้ำค่าเช่นกัน
Bvlgari: Magnifica 2021 High Jewelry and High-End Watches Collection
ในคอลเลกชั่น Magnifica High-End Watches นี้มีหัวใจหลักในการแสดงออกถึงความสวยงาม งานฝีมือ และแรงบันดาลใจ ที่ผสมผสานกลายเป็นผลงานศิลปะบอกเวลาพิเศษ และสะท้อนถึงความเชี่ยวชาญหรือ maestria ของ Bvlgari ในการวิจัยค้นคว้าและใช้ซึ่งอัญมณีอันล้ำค่าที่หายากสูงสุดในโลก มาผสมผสานเข้ากับพลังสร้างสรรค์ไร้พรมแดนของเหล่านักออกแบบ ที่ยังคงนำทีมโดย Fabrizio Buonamassa ผู้อำนวยการบริหารฝ่ายสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ของ Bvlgari เพื่อออกสำรวจและสร้างสรรค์นวัตกรรม และเปลี่ยนรูปแรงบันดาลใจมาสู่แนวคิดอันน่าตื่นเต้นครั้งใหม่เช่นเดียวกับการเปิดตัวของ Magnifica นี้ด้วย กับการผสมผสานด้วยความเชี่ยวชาญในการประดิษฐ์รังสรรค์นาฬิกาสวิสของ Maison และสไตล์ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของบรรดานาฬิกา “secret watches” ที่เป็นตำนาน ซึ่งในคอลเลกชั่นใหม่นี้แบรนด์ได้นำเสนอผ่านผลงานทั้งหมดสี่รุ่น แต่ละรุ่นรังสรรค์ขึ้นแบบ Unique Piece เพื่อร่วมสะท้อนถึงต้นตำรับอันเป็นไอคอนิกของเรือนเวลา Bvlgari ด้วยเช่นกัน
เริ่มต้นจากตัวแทนของเรือนเวลาอันล้ำค่าและมีมูลค่าสูงสุดเท่าที่แบรนด์เคยสร้างสรรค์มา ในผลงานรุ่น Ruby Metamorphosis ที่ออกแบบขึ้นเป็นเซตคู่กับสร้อยคอที่มีชื่อเดียวกันในคอลเลกชั่นเครื่องประดับอัญมณีชั้นสูง Magnifica โดยถ่ายทอดถึงจิตวิญญาณอันเข้มแข็ง ไม่ยอมอ่อนข้อ และทันสมัยที่ผลงาน secret watch หนึ่งเดียวนี้รังสรรค์ขึ้นจากแพลทินัม และต้องใช้เวลาถึง 1,650 ชั่วโมง ในการทำงานเพื่อความสมบูรณ์ ประกอบด้วยเสน่ห์ของหน้าปัดที่ซ่อนอยู่ภายใต้ฝาปิดประดับไว้ด้วยทับทิมโมซัมบิกเจียระไนคาโบชองโบราณ 6.3 กะรัต กับโทนสีแดงก่ำที่ชวนให้นึกถึงเฉดสี ณ ยามอาทิตย์อัสดงอันงดงามของอิตาลี ผสานด้วยสายสร้อยข้อมือโอบรอบเข้ากับข้อมือได้อย่างนุ่มนวลผ่านโครงสร้างอันซับซ้อนละเอียดอ่อน พร้อมทั้งประดับตกแต่งเสริมด้วยทับทิมเจียระไนบาแกตต์และเพชร
นอกจากความเลอโฉมของสร้อยคอ Celestial Skyที่กลายเป็นที่พูดถึงจากคอลเลกชั่นเครื่องประดับอัญมณีชั้นสูงแล้ว Bvlgari ได้ออกแบบนาฬิกาเพื่อสวมใส่คู่กับสร้อยคอเส้นนี้ด้วยผลงานรุ่น Celestial Sky กับการร่วมฉลองแด่กรุงโรม ในฐานะจุดกำเนิดแห่งแรงบันดาลใจอันเป็นนิรันดร์ของ Bvlgari พร้อมทั้งถ่ายทอดผ่านเฉดสีน้ำเงินสดใสของแซฟไฟร์ศรีลังกาทรงรี 6 กะรัต ที่โดดเด่นอยู่บน secret watch ตัวเรือนแพลทินัม ชวนให้นึกถึงเหลือบสีสัญลักษณ์ของท้องฟ้าแห่งกรุงโรม กับเส้นสายโค้งและมิติอันเข้มแข็งที่ทำให้นึกถึงความคดเคี้ยวของลวดลาย Baroque ที่ปรากฏบนสายสร้อยข้อมือ พร้อมทั้งประดับด้วยความงดงามของแซฟไฟร์ทรงแฟนซี เพชรทรงกลมและทัวร์มาลีนคาโบชอง จับคู่เข้ากันได้อย่างสง่างามและสมดุลกลมกลืน ทั้งยังรับประกันถึงการสวมใส่ได้อย่างสบายข้อมือ
ส่วนอีกหนึ่งรุ่นเด่นย่อมหนีไม่พ้นนาฬิกา Diamond Swan ที่รังสรรค์เป็นเซตคู่กับสร้อยคอชื่อเดียวกันของคอลเลกชั่น Magnifica High Jewelry สร้างสรรค์ขึ้นด้วยสัญลักษณ์สื่อถึงความสวยงามและความอ่อนโยนของผู้หญิง ผ่านรูปหงส์ที่มักปรากฏโฉมในศิลปะ Art Deco และถ่ายทอดถึงสัมผัสอันเหนือกาลเวลา โดยในเรือนพิเศษเฉพาะหนึ่งเดียวนี้ได้ถ่ายทอดไว้ด้วยหน้าปัดซึ่งซ่อนอยู่ใต้ร็อกคริสตัลเจียระไนเหลี่ยม 7 กะรัต เป็นฝาปิดหน้าปัดที่ไม่เพียงสามารถอ่านค่าเวลาผ่านได้อย่างง่ายดาย แต่ยังสร้างสรรค์แสงสะท้อนอันเปี่ยมด้วยเสน่ห์ดึงดูดสายตา เสริมความเย้ายวนใจด้วยสายสร้อยข้อมือประดับสายน้ำตกของเพชรตัดเจียระไนแตกต่างกัน และลงตัวกับการแทรกเปลือกหอยมุกที่เสมือนกำลังลอยอยู่กลางอากาศซึ่งได้มาจากโครงสร้างพิเศษที่พัฒนาขึ้นโดย High Jewelry atelier ของ Bvlgari ในกรุงโรม
ปิดท้ายด้วยเรือนเวลาที่รังสรรค์ขึ้นเพื่อจับคู่เข้ากับสร้อยคอด้วยชื่อเดียวกัน ในนาฬิกา Baroque Spiral ตัวแทนของการร่วมฉลองให้กับความห้าวหาญและสัมผัสของการเคลื่อนไหวแห่ง Baroque ซึ่งมีอิทธิพลอย่างลึกซึ้งต่อศิลปะ และมรดกทางวัฒนธรรมแห่งโรมัน ด้วยรูปทรงขดเกลียวเรขาคณิตอันเป็นสัญลักษณ์แห่งชีวิตและวิวัฒนาการ ที่เป็นตัวชูโรงหลักของนาฬิการุ่นนี้ ประดับไว้ด้วยความคดเคี้ยวของลวดลาย Baroque และถักทอด้วยการประดับเพชร มรกต ทับทิม และแซฟไฟร์ สะท้อนความหรูหราอันสนุกสนานเบิกบานใจและความซับซ้อน พร้อมทั้งการประดับร็อกคริสตัลปกคลุมเหนือหน้าปัดที่เพิ่มเสน่ห์แห่งแสงสะท้อนอันงดงาม ซึ่งร็อกคริสตัลนั้นยังมีความหลากหลายของความโปร่งใสจากควอตซ์แร่ซิลิกา และทุกๆ เม็ดล้วนมีทั้งคุณลักษณะเฉพาะหนึ่งเดียวของตนเองด้วยเหมือนกัน
ด้วยการรังสรรค์และเปิดตัวคอลเลกชั่น Magnifica 2021 ใหม่ นับเป็นการแสดงออกอย่างชัดเจนของ Bvlgari กับความเชี่ยวชาญและความคิดสร้างสรรค์ในการรังสรรค์เครื่องประดับอัญมณีชั้นสูง ผ่านการนำเสนอและการคัดสรรอันแสนพิเศษของผลงานชิ้นมาสเตอร์พีซถึง 350 ผลงาน จากเครื่องประดับอัญมณีชั้นสูงและนาฬิกาของคอลเลกชั่น ซึ่งบ่มเพาะไว้ด้วย DNA แห่งโรมัน และ 137 ปี แห่งประสบการณ์และการได้รับการยกย่องเชื่อถือจากการเข้าถึงซึ่งความพิเศษสูงสุด ความหายาก และความล้ำค่าของมาตรฐานอันสำคัญแห่งอัญมณี เช่นเดียวกับความคิดสร้างสรรค์อันเหนือกาลเวลาของ Maison
ภายใต้การออกแบบกว่า 60 รูปแบบอันรุ่มรวย Magnifica (มานิฟิก้า) ซึ่งนับเป็นผลงานศิลปะ 122 ชิ้น ที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อน คือคอลเลกชั่นอันล้ำค่าสูงสุดที่แบรนด์เคยสร้างสรรค์มา และมีมูลค่านับหลายร้อยล้านยูโร รวมถึงนับแสนชั่วโมงในการรังสรรค์ด้วยงานฝีมืออันมุ่งมั่นทุ่มเท เพื่อมอบเป็นการอุทิศอย่างสูงสุดให้กับความสวยงาม และยกระดับซึ่งงานฝีมือและความเชี่ยวชาญแห่ง maestria ของอิตาลี
ขณะเดียวกัน คอลเลกชั่นนี้ได้เขียนไว้ซึ่งบทกวีให้กับอัญมณีหายากและล้ำค่าสูงสุด ที่ช่างอัญมณีแห่งโรมันรายนี้ได้ค้นพบจากทั่วโลก นับจากสปิเนล 131.24 กะรัต อันน่าทึ่ง ซึ่งเป็นอัญมณีชิ้นสำคัญอันดับที่สี่ในโลกโดยน้ำหนักกะรัต แต่คงความสวยงามสูงสุดในแง่ของคุณภาพ ไปจนถึงมรกตโคลัมเบียคาโบชอง 93 กะรัต สมบัติอันล้ำค่าที่ย้ำไว้ด้วยสัมผัสของการเคลื่อนไหวอันเย้ายวนใจ นอกจากนี้ ยังมีพาไรบาทัวร์มาลีนเจียระไนทรงคุชชันวงรีสุดวิเศษห้าเม็ด ซึ่งเป็นอัญมณีหายากที่สุดในโลก ด้วยน้ำหนักรวมประมาณ 500 กะรัต
ของขวัญจากธรรมชาติที่มิอาจเทียบเคียงได้เหล่านี้ได้รับการยกย่องเกียรติและเผยความสง่างามโดยงานฝีมืออันน่าทึ่งของเหล่าศิลปินที่ทำงานร่วมกันจากห้องปฏิบัติการ Bvlgari High Jewelry ณ กรุงโรม พร้อมด้วยทักษะและมืออันอัจฉริยะ ที่พวกเขาได้นำมาใช้เพื่อเปลี่ยนรูปจากแนวคิดสร้างสรรค์ และภาพร่างงานออกแบบมาสู่ชิ้นงานศิลปะเครื่องประดับอัญมณีชั้นสูง ผ่านการบรรจงคำนวณวัดสัดส่วนและรังสรรค์ผลงานแต่ละชิ้น รวมถึงทุกๆ ชิ้นส่วนประกอบขึ้นเอง เพื่อรังสรรค์เป็นผลงานเฉพาะหนึ่งเดียวอย่างสมบูรณ์ และเป็นงานศิลปะที่อยู่เหนือซึ่งกาลเวลา รวมถึงอีกหลายชิ้นยังฉีกกฎเกณฑ์ใหม่ในแง่ของความหลากหลายและความสามารถในการเปลี่ยนรูปได้ ที่เกิดจากจินตนาการและรังสรรค์ขึ้นสำหรับการสวมใส่ได้หลากหลายวิธีและรูปแบบแตกต่างกัน เป็นแนวคิดอันทันสมัยของความงดงามล้ำเลิศแห่งเครื่องประดับอัญมณีชั้นสูงที่เป็นความหมายของ Magnifica นั่นเอง
CREDITS:
PHOTOS: COURTESY OF BVLGARI
VIDEO: Perayut Limpanastitphon
GRAPHIC DESIGNER: Vanicha Limpanastitphon
สามารถติดตามคอนเทนต์ นาฬิกา อื่นๆ ที่น่าสนใจได้ ที่นี่