GPHG เรียกได้ว่าเป็นงานประกาศผลรางวัลแห่งปีสำหรับอุตสาหกรรมนาฬิกา ที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกปีและจัดต่อเนื่องกันมาเป็นครั้งที่ 20 แล้ว
สำหรับเวที Grand Prix d’Horlogerie de Genève หรือ GPHG ซึ่งเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก และมักถูกเรียกขานกันว่าเป็นเวทีออสการ์แห่งวงการนาฬิกาโลก (The Oscars of Watchmaking) ที่มีทั้งความขลัง สมเกียรติ และยิ่งใหญ่ในแต่ละสาขารางวัลที่เหล่าแบรนด์นาฬิกาเฝ้ารอที่จะได้ร่วมชิงรางวัลในทุกๆ ปี
โดยปี 2020 นี้ งานประกาศผลรางวัลดังกล่าวยังคงจัดขึ้น แต่ปรับเปลี่ยนพิธีไปเป็นในรูปแบบของ Digital Show อย่างสมเกียรติ ซึ่งมีขึ้นในเมืองเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ และ Live Stream ไปยังผู้ชมทั่วโลกเมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2020 ที่ผ่านมา โดยได้มอบรางวัลรวมทั้งหมด 19 สาขาจากการตัดสินและโหวตคะแนนของเหล่าคณะกรรมการกิติมศักดิ์และ GPHG Academy ซึ่งวันนี้ เราได้คัดไฮไลต์สุดเด่นของนาฬิกาผู้ชนะ 10 รางวัลใหญ่ที่น่าจับตามองเป็นพิเศษมาให้ชมกัน หรือสามารถติดตามผลรางวัลทั้งหมดได้ทาง gphg.org/horlogerie/en/prize-list-20
(1) ‘Aiguille d’Or’ Grand Prix: PIAGET Altiplano Ultimate Concept
ใช้เวลาถึง 4 ปีเต็มโดยแผนกวิจัยและนวัตกรรม พร้อมทั้งพัฒนาขึ้นทั้งหมดภายในโรงงานของตนเอง สู่ผลลัพธ์ของนาฬิกาจักรกลข้อมือบางที่สุดในโลก เพียง 2.0 มิลลิเมตร ประกอบด้วยเฟืองกลไกบางเพียง 0.12 มิลลิเมตร และกระจกคริสตัลแซฟไฟร์ที่บางแค่เพียง 0.2 มิลลิเมตร บรรจุในตัวเรือน Cobalt alloy ขนาด 41 มิลลิเมตร
(2) Ladies’ Complication Watch Prize: CHARLES GIRARDIER Tourbillon Signature Mystérieuse « fleur de sel »
เป็นการปลุกตำนานความซับซ้อนของการสร้างสรรค์เรือนเวลา โดยนาฬิกาสุภาพสตรีเรือนนี้ได้หลอมรวมระหว่างฟลายอิ้งตูร์บิญองหมุนรอบ 1 นาที ที่มองเห็น ณ ตำแหน่ง 6 นาฬิกาบนหน้าปัด และจักรกล automaton หรือ Jacquemarts เคลื่อนไหวได้ ตกแต่งเป็นรูปโลโก้ C และ G ซึ่งซ้อนกันบนแกนหมุน จากการขับเคลื่อนของกลไกจักรกลอัตโนมัติ
(3) Men’s Complication Watch Prize: GREUBEL FORSEY Hand Made 1
ผลงานการรังสรรค์นาฬิกาขึ้นด้วยมือถึง 95% เพื่อตอกย้ำถึงศิลปะการประดิษฐ์นาฬิกาด้วยมืออย่างแท้จริง โดยยังคงความเที่ยงตรงและงานฝีมืออันประณีต ทำให้นาฬิกาแต่ละเรือนของผลงานรุ่นนี้จำเป็นต้องใช้เวลาถึง 6,000 ชั่วโมงในการรังสรรค์ กับความเที่ยงตรงของกลไกจักรกลไขลานมือและตูร์บิญอง
(4) Iconic Watch Prize: BVLGARI Aluminium Chronograph
ปลุกตำนานนาฬิกาเจเนอเรชั่นแรกๆ ในปี 1998 กลับมาถอดรหัสและสร้างสรรค์ใหม่ โดยเฉพาะการเป็นแบรนด์แรกๆ ที่นำเสนอคอลเลกชั่นนาฬิกาซึ่งผลิตจากวัสดุอันเหนือความคาดหมาย อย่าง อลูมิเนียมและยาง ที่ปรากฎในรุ่นตีความใหม่นี้ซึ่งบรรจุในตัวเรือนอลูมิเนียม 40 มิลลิเมตร คู่มากับสายยางสีดำ
(5) Calendar and Astronomy Watch Prize: VACHERON CONSTANTIN Overseas Perpetual Calendar Ultra-Thin Skeleton
นาฬิกาสลับซับซ้อนสูงด้านการแสดงปฏิทินเพอร์เพตชวล คาเลนดาร์ และการแสดงข้างขึ้นแรมได้อย่างสมบูรณ์พร้อม หลอมรวมอยู่ใต้ความบางพิเศษของตัวเรือนที่หนาเพียง 8.1 มิลลิเมตร และความเปลือยโปร่งแบบสเกเลตันของกลไก Calibre 1120 QPSQ/1 สง่างามลงตัวด้วยตัวเรือนพิงค์โกลด์ และเซ็ตของสายหลายรูปแบบถอดเปลี่ยนสลับได้
(6) Chronometry Watch Prize: CHRONOMÉTRIE FERDINAND BERTHOUD FB 2RE.2
เที่ยงตรงเหนือทุกความคาดหมายสำหรับนาฬิกาข้อมือที่ได้ต้นแบบมาจาก Marine Clock ติดตั้งด้วยจักรกลถ่ายทอดพลังงาน fusee-and-chain transmission รวมถึงremontoir d’égalité ที่ทำงานควบคู่กับศักยภาพของกลไกจักรกลไขลานมือ FB-RE-FC calibre ภายใต้สถาปัตยกรรมโครงสร้างกลไกและนาฬิกาอันร่วมสมัย
(7) Mechanical Exception Prize: BOVET 1822 Récital 26 Brainstorm Chapter 2
จุดบรรจบระหว่างความโปร่งใส จักรกล และความสลับซับซ้อน ซึ่งมาพร้อมตัวเรือนแซฟไฟร์รูปทรงของนาฬิกาตั้งโต๊ะ ขนาด 47.8 มิลลิเมตร หน้าปัดแบบเปิดเปลือยให้เห็นการทำงานของกลไกจักรกลไขลานมือคู่กับฟลายอิ้งตูร์บิญอง 2 ด้าน ประกอบด้วยฟังก์ชันแสดงเวลา แสดงข้างขึ้นข้างแรม แสดงเวลาไทม์โซนที่สอง และแสดงพลังงานสำรองนาน 5 วัน
(8) Artistic Crafts Watch Prize: VAN CLEEF & ARPELS Lady Arpels Soleil Féerique
มือเอกแห่งงานวิจิตรศิลป์สำหรับเรือนเวลา ที่รุ่นนี้เป็นหนึ่งใน Extraordinary Dials™ Collection ของแบรนด์ จากการผสมผสานระหว่างเทคนิคงานฝีมือที่หลากหลาย และความเชี่ยวชาญด้านจักรกล มอบเป็นผลลัพธ์ของเรือนเวลาศิลปะรุ่นเอก ที่บรรจงถ่ายทอดความสวยงามมีชีวิตชีวาไว้บนหน้าปัดลงยา ภายในตัวเรือนไวท์โกลด์ 41 มิลลิเมตร
(9) Challenge Watch Prize: TUDOR Black Bay Fifty-Eight
ปลุกสีน้ำเงินและตำนานนาฬิกาสปอร์ตของตนให้หวนกลับมาอีกครั้ง สู่รุ่นสปอร์ตใหม่ที่ได้รับความสนใจมากที่สุดแห่งปี ด้วยความโดดเด่นของรหัสสี Navy Blue บนหน้าปัดและขอบตัวเรือน บรรจุภายในตัวเรือนขนาด 39 มิลลิเมตร ทำจากสเตนเลสสตีล 316L และการขับเคลื่อนของกลไกจักรกลอัตโนมัติ Manufacture Calibre MT5402
(10) ‘Petite Aiguille’ Prize: BREITLING Superocean Heritage ’57 Limited Edition II
นาฬิการุ่นพิเศษที่ได้รับทั้งการชื่นชม และได้รับรางวัลสำคัญของปีนี้อีกหนึ่งรุ่นสำหรับ Breitling โดยเป็นผลงานที่ตั้งใจสร้างสรรค์และตกแต่งด้วยสีรุ้งไว้บนเครื่องหมายบอกเวลาและเข็มนาฬิกา เพื่ออุทิศเกียรติให้กับฮีโรทางการแพทย์และผู้ทำงานอย่างทุ่มเทด้านสาธารณสุข ที่เปรียบเหมือนด่านหน้าต่อสู้กับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่ผ่านมา โดยผลิตขึ้นในจำนวนจำกัดเพียง 1,000 เรือน
CREDITS:
PHOTOS: COURTESY OF THE BRANDS
ART DIRECTOR: Perayut Limpanastitphon
สามารถอ่านคอนเทนต์อื่นๆ ที่น่าสนใจเกี่ยวกับ นาฬิกา ได้ที่