มากกว่าคำว่า “ใส” แต่นี่คือความ “ซีทรู” (see through) อย่างแท้จริงกับการเผยโฉมของ Big Bang Integral Tourbillon Full Sapphire จาก Hublot
แม้ไม่ใช่ครั้งแรกที่ อูโบลต์ (Hublot) ใช้นวัตกรรมวัสดุแซฟไฟร์มารังสรรค์เป็นเรือนเวลา แต่นี่นับเป็นอีกครั้งของความสำเร็จ ที่แบรนด์ได้เปิดตัวนาฬิกาข้อมือ ซึ่งผลิตทั้งตัวเรือนและสายขึ้นด้วยแซฟไฟร์ ที่นั่นยังหมายถึง Big Bang Integral Tourbillon Full Sapphire เรือนนี้คือความโปร่งใสและ ‘see through’ อย่างแท้จริง
ตรงตามปรัชญาศิลปะแห่งการผสมผสาน (Art of Fusion) ที่กลายเป็นต้นตำรับและเป็นต้นแบบให้กับการสร้างสรรค์นวัตกรรมผลงานขึ้นตามมาอีกมากมายตลอดระยะเวลาหลายปีของ Hublot เช่นเดียวกับในวันนี้ ที่แบรนด์ได้ต่อยอดเส้นทางสายนวัตกรรมวัสดุไปสู่ความสำเร็จครั้งใหม่ของการสร้างสรรค์นาฬิกา ที่มีตัวเรือนและสายทำจากแซฟไฟร์ทั้งหมด อันเป็นที่มาของชื่อ ‘Full Sapphire’ กับความโปร่งใสแบบทั้งเรือน
อย่างที่ทราบกันดีว่า Hublot ถือเป็นหนึ่งในผู้ผลิตนาฬิกาที่บุกเบิกและทุ่มเทให้กับการพัฒนาและสร้างนวัตกรรมแห่งวัสดุศาสตร์มาอย่างต่อเนื่อง นับจากเมจิก โกลด์ (Magic Gold) ที่มีคุณสมบัติของการกันรอยขีดข่วนได้เป็นเยี่ยม หรือเซรามิกในหลากหลายโทนสี เช่นเดียวกับแซฟไฟร์ ที่แบรนด์ได้คิดค้นซึ่งแซฟไฟร์ ทั้งในรูปแบบโปร่งใส และแซฟไฟร์สี อาทิ สีน้ำเงิน สีเหลือง และสีแดง ที่นำมารังสรรค์เป็นชิ้นส่วนหลักสำคัญของเรือนเวลา อย่างตัวเรือนและขอบตัวเรือนมาแล้ว ซึ่งนั่นได้กลายเป็นเสน่ห์ที่ผู้คนต่างจดจำได้ในทันที ทว่า Hublot ไม่ได้หยุดเส้นทางนี้ไว้เพียงความสำเร็จ ที่ผ่านมาแต่ยังคงเดินหน้าต่อยอดไปสู่แนวคิดและนวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อประดิษฐ์สร้างสรรค์นาฬิกา ซึ่งอยู่เหนือความคาดหมายได้เสมอ
เหมือนกับที่ในปีค.ศ. 2016 แบรนด์ได้เปิดตัวผลงานรุ่น Big Bang Unico Sapphire ซึ่งเป็นนาฬิกาแซฟไฟร์รุ่นแรก โดยนอกเหนือจากคุณลักษณะเด่นของแซฟไฟร์ ที่สามารถดึงดูดสายตาผู้พบเห็นได้อย่างมากแล้ว การนำแซฟไฟร์มาผลิตเป็นชิ้นส่วนประกอบของนาฬิกาข้อมือนั้น ยังนับเป็นความท้าทายสูงสุด และจำเป็นต้องอาศัยความเชี่ยวชาญเฉพาะในการผลิตเท่านั้น ควบคู่ด้วยการวิจัยและคิดค้นพิเศษ บวกกับเทคโนโลยีอันล้ำสมัย ที่นำมาใช้ในการพัฒนาวัสดุ ซึ่ง Hublot ได้ขยายองค์ความรู้ของแบรนด์จากการพัฒนาวัสดุที่มีความแข็งแกร่งอย่างมาก มาสู่การสร้างสรรค์ซีรีส์เรือนเวลาแซฟไฟร์สุดพิเศษได้สำเร็จ และวันนี้ ยังได้ก้าวล้ำไปอีกขั้น ด้วยการเปิดตัวนาฬิกา Big Bang รุ่นแรก ที่มาพร้อมตัวเรือนและสายแบบผสาน ซึ่งผลิตขึ้นจากแซฟไฟร์ทั้งหมด
โดยตัวเรือนของ Big Bang Integral Tourbillon Full Sapphire รุ่นใหม่นี้ได้ถูกปรับโครงสร้างขึ้นมาใหม่ เพื่อให้สามารถบรรจุไว้ด้วยกลไก Automatic Tourbillon ที่มีความซับซ้อนสูง พร้อมทั้งย้ายสกรูที่มองเห็นได้ออกไปแทบทั้งหมด และปรับปรุงรูปทรงเรขาคณิตโดยรวมของตัวเรือนขึ้นใหม่ เพื่อให้สามารถผสานเข้ากับสายแซฟไฟร์ได้อย่างลงตัว รวมถึงการพัฒนาชิ้นส่วน อย่างสะพานจักรและแท่นเครื่อง เพื่อมอบภาพเสมือนล่องลอยอยู่ และปล่อยให้แสงสามารถทะลุผ่านทุกๆ ชิ้นส่วนได้อย่างแท้จริง ดังนั้น เฉพาะตัวเรือนของนาฬิการุ่นนี้จึงประกอบขึ้นจากชิ้นส่วนไม่น้อยกว่า 37 ชิ้น และห้าชิ้นส่วนในจำนวนนี้ล้วนผลิตขึ้นจากแซฟไฟร์
ขณะที่สายแซฟไฟร์แบบผสาน ถือเป็นอีกหนึ่งความท้าทายอันซับซ้อนสูง โดยเฉพาะสายอย่างเดียวนี้ประกอบขึ้นจากชิ้นส่วนถึง 165 ชิ้น และ 22 ชิ้นในจำนวนนี้ผลิตขึ้นจากแซฟไฟร์ โดยแต่ละชิ้นส่วนยังมีกระบวนการผลิตทางอุตสาหกรรมเฉพาะของตนเอง และส่วนใหญ่ของกระบวนการผลิตเหล่านี้ได้ถูกออกแบบขึ้นพิเศษ เพื่อมอบความกลมกลืนเป็นหนึ่งเดียวกับความโปร่งใสของตัวเรือน ไม่เว้นแม้แต่ตัวแทรกไทเทเนียมที่ Hublot พัฒนาขึ้นใหม่ โดยลดขนาดให้เล็กลงอย่างมาก เพื่อให้มั่นใจว่าตัวแทรกเหล่านี้จะไม่เกินออกมาจากแต่ละด้านของแต่ละข้อสาย ซึ่งถือเป็นครั้งแรกของ Hublot และอาจนับได้ว่าเป็นครั้งแรกในโลกของการประดิษฐ์เรือนเวลาเช่นกัน
โดยเส้นทางการพัฒนาและสร้างสรรค์แซฟไฟร์นั้น มีจุดเริ่มต้นมาจากการมองหาซึ่งการผสมผสานอย่างสมบูรณ์ระหว่างกลไกและตัวเรือนนาฬิกา ที่ทำให้ทีมวิศวกรและนักเคมีของ Hublot ได้ทุ่มเทให้กับการวิจัยและพัฒนาวัสดุที่มีความโปร่งใสขึ้น เพื่อให้สามารถเผยให้เห็นถึงหัวใจของนาฬิกานั่นคือกลไกได้อย่างชัดเจน ขณะเดียวกันก็ต้องมีความแข็งแกร่งทนทานสูงในการปกป้องกลไกจักรกลภายในได้เช่นกัน ซึ่งนั่นได้นำมาสู่การผลิตแซฟไฟร์สังเคราะห์ ที่มีทั้งคุณสมบัติด้านความสวยงามอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะ และเปลี่ยนรูปให้นาฬิกาเหล่านี้กลายเป็นงานศิลปะบนข้อมือได้อย่างแท้จริง
ในด้านกลไก นาฬิการุ่นนี้ขับเคลื่อนด้วยกลไกจักรกลขึ้นลานอัตโนมัติ calibre HUB6035 ที่ออกแบบและผลิตขึ้นทั้งหมดภายในโรงงานของตนเอง พร้อมทั้งถ่ายทอดความสมดุลระหว่างการติดตั้งไมโครโรเตอร์ และ tourbillon ซึ่งมาพร้อมสะพานจักรแซฟไฟร์โปร่งใสสามชิ้น รังสรรค์ขึ้นพิเศษสำหรับนาฬิการุ่นใหม่นี้โดยเฉพาะ ขณะที่ชิ้นส่วนประกอบอื่นๆ ยังปรากฏราวกับลอยอยู่ โดยรางเกียร์เฟืองแต่ละชิ้นไม่เพียงถูกแสงกระทบที่มาจากด้านหน้าปัด แต่ยังสามารถทะลุผ่านกลไกสเกเลตันจากอีกด้านได้ด้วย ซึ่งในวันนี้ถือเป็นครั้งแรกที่แสงจะได้ส่องเข้าสู่หัวใจของนาฬิกา Big Bang Integral Tourbillon Full Sapphire จากทุกทิศทาง และมอบความสวยงามของแสงที่บรรจุไว้บนข้อมือ
สวยเด่นและโปร่งใส ที่ผลงานรุ่นล่าสุดนี้ประกอบด้วยตัวเรือนแซฟไฟร์ ขนาด 43.0 มิลลิเมตร หนา 15.25 มิลลิเมตร พร้อมทั้งสายแซฟไฟร์ทั้งเส้นที่ผสานด้วยหัวเข็มขัดปรับประดับได้ทำจากไทเทเนียม และกันน้ำได้ลึก 30 เมตร พร้อมด้วยสมรรถนะอันเต็มเปี่ยมของการติดตั้งด้วยกลไกจักรกลขึ้นลานอัตโนมัติ calibre HUB6035 ทำงานด้วยความถี่ 3 เฮิรตซ์ หรือ 21,600 ครั้งต่อชั่วโมง สำรองพลังงานได้ 72 ชั่วโมง โดยผสานด้วยจักรกล tourbillon ที่มองเห็นการขับเคลื่อนได้ ณ ตำแหน่ง 6 นาฬิกา และไมโครโรเตอร์ที่ตำแหน่ง 12 นาฬิกา ทำจากไวท์โกลด์ 22K ตกแต่งแบบสเกเลตันด้วยโลโก้ Hublot ปกป้องทั้งด้านหน้าปัดและฝาหลังด้วยกระจกแซฟไฟร์
Hublot นับเป็นแบรนด์นาฬิกานักบุกเบิกที่ตลอดเส้นทางนับจากการก่อตั้งขึ้นในปีค.ศ. 1980 นั้น แบรนด์นี้ได้จารึกชื่อไว้ในหน้าประวัติศาสตร์เรือนเวลาและนวัตกรรมเครื่องบอกเวลาระดับโลกมากมาย ด้วยผลงานสร้างสรรค์ระดับไอคอน ที่เคยกวาดรางวัลมาแล้วจากหลายเวทีและหลากหลายสาขา ทั้งในแง่ของการพัฒนาความโดดเด่นด้านวัสดุศาสตร์ ไปจนถึงการรังสรรค์กลไก ซึ่งผลิตขึ้นภายในโรงงานของตนเอง หรือ “in-house” กับสมรรถนะอันเหนือล้ำ เช่นงานออกแบบเฉพาะหนึ่งเดียวของกลไก Unico automatic chronograph หรือกลไก Meca-10 ที่มีศักยภาพของการสำรองพลังงานได้อย่างยาวนาน และ Tourbillon ที่รังสรรค์ขึ้นด้วยโครงสร้างและสถาปัตยกรรมแห่งจักรกลอันล้ำยุคสูงสุด เพื่อให้สามารถผสมผสานได้อย่างกลมกลืนเข้ากับทั้งงานออกแบบ ฟังก์ชัน และเอกลักษณ์อันเป็นต้นตำรับของนาฬิกา Hublot
CREDITS:
PHOTOS BY COURTESY OF HUBLOT
ART DIRECTOR: Perayut Limpanastitphon
สามารถติดตามคอนเทนต์ นาฬิกา อื่นๆ ที่น่าสนใจได้ ที่นี่
