Jaeger-LeCoultre: The Newest Reverso With Four Faces



เปิดตัวด้วยความฮือฮาและน่าทึ่งจากความสลับซับซ้อนที่บรรจุอยู่บนหน้าปัดสี่โฉมหน้าของ Jaeger-LeCoultre Reverso เป็นครั้งแรก พร้อมด้วยดีกรีกลไกจักรกลซับซ้อนสูงอย่าง Calibre 185


Jaeger-LeCoultre Reverso Hybris Mechanica Calibre 185
Jaeger-LeCoultre Reverso Hybris Mechanica Calibre 185

นับเป็นการเฉลิมฉลองครั้งใหญ่ในโอกาสครบรอบ 90 ปี ของคอลเลกชัน Reverso แห่งเจเกอร์-เลอคูลทร์ (Jaeger-LeCoultre) ที่กลายเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์อันโดดเด่นของเรือนเวลาที่มีเอกลักษณ์และความเป็นต้นตำรับเฉพาะเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น ซึ่งก่อนหน้านี้ แบรนด์ได้เผยโฉมผลงานรุ่นพิเศษออกมาเตรียมตัวฉลอง 9 ทศวรรษ ให้กับครอบครัวคอลเลกชันนี้กันมาบ้างแล้ว แต่นั่นยังไม่สร้างเสียงฮือฮาได้เท่ากับการเปิดตัวครั้งล่าสุด กับความน่าทึ่งแห่งจักรกลภายใน Reverso Hybris Mechanica Calibre 185 (Quadriptyque) ที่ Jaeger-LeCoultre เพิ่งประกาศ พร้อมทั้งแกะกล่องให้ได้ชมความลึกลับและเทคนิคชั้นยอดของนาฬิกาจักรกลสุดซับซ้อนนี้ ที่ปรากฏอยู่บนสี่หน้าปัดทั้งหมดของนาฬิกาเรือนเดียวในงาน Watches and Wonders Geneva ประจำปี 2021 ซึ่งจัดขึ้นในรูปแบบ Digital Event ที่ผ่านมา

โดยนอกเหนือจากความน่าทึ่งของกลไกจักรกลแล้ว Reverso Hybris Mechanica Calibre 185 (เรแวร์โซ ฮีบรีส เมคานิกา คาลิเบอ 185) ยังครองตำแหน่งการเป็นนาฬิกาข้อมือเรือนแรกของโลก ที่มาพร้อมหน้าปัดแสดงฟังก์ชันถึงสี่หน้าปัดรวมอยู่ในนาฬิกาเพียงเรือนเดียว รวมไปถึงการแสดงข้อมูลทางดาราศาสตร์เหนือจินตนาการที่มาแต่งแต้มลงบนพื้นที่เล็กๆ ของหน้าปัดนาฬิกาข้อมือ อันเป็นผลลัพธ์จากการวิจัยและพัฒนาอย่างเข้มข้นตลอดกว่าหกปีของโรงงานการผลิตแห่งนี้

Jaeger-LeCoultre หน้าปัดแสดงฟังก์ชันและข้อมูลดาราศาสตร์ต่างๆ ภายในนาฬิกาเรือนเดียว
หน้าปัดแสดงฟังก์ชันและข้อมูลดาราศาสตร์ต่างๆ ภายในนาฬิกาเรือนเดียว

โดยส่วนหนึ่งของฟังก์ชันแสดงข้อมูลทางดาราศาสตร์นั้น ยังรวมไปถึงการถ่ายทอดข้อมูลการโคจรของจันทรคติที่แสดงอยู่บนหน้าปัดด้านในของนาฬิกา Reverso ที่อย่างที่ทราบกันดีว่า Reverso นั้่นเป็นนาฬิการุ่นไอคอนที่มีเอกลักษณ์ของตัวเรือนพลิกกลับได้ ซึ่งนั่นรวมไปถึงการมีพื้นที่สำหรับประยุกต์ให้กลายเป็นหน้าปัดนาฬิกา เพื่อแสดงฟังก์ชันที่เกี่ยวข้องกับเวลาได้มากกว่าหนึ่งหน้าปัด หรือจะเลือกเป็นการพลิกกลับด้านมาเพื่อพบกับพื้นที่โลหะแบบเรียบที่ปล่อยให้เป็นเสมือนผืนผ้าใบให้เจ้าของได้เลือกแกะสลักข้อความส่วนตัว หรือตราประจำตระกูล ไปจนถึงสามารถเลือกให้ช่างฝีมือของโรงงานได้รังสรรค์และวาดภาพเหมือนของสมาชิกครอบครัวหรือผู้เป็นที่รัก ที่ถือเป็นอีกหนึ่งจุดเด่นและเปี่ยมด้วยคุณค่าของนาฬิกาคอลเลกชันนี้

โดยนอกเหนือจากความน่าทึ่งของกลไกจักรกลแล้ว Reverso Hybris Mechanica Calibre 185 ยังครองตำแหน่งการเป็นนาฬิกาข้อมือเรือนแรกของโลก ที่มาพร้อมหน้าปัดแสดงฟังก์ชันถึงสี่หน้าปัดรวมอยู่ในนาฬิกาเพียงเรือนเดียว รวมไปถึงการแสดงข้อมูลทางดาราศาสตร์เหนือจินตนาการที่มาแต่งแต้มลงบนพื้นที่เล็กๆ ของหน้าปัดนาฬิกาข้อมือ อันเป็นผลลัพธ์จากการวิจัยและพัฒนาอย่างเข้มข้นตลอดกว่าหกปีของโรงงานการผลิตแห่งนี้กระนั้น หลายคนก็ยังหลงใหลมากกว่ากับการได้เลือกครอบครองนาฬิกาเพียงหนึ่งเดียว แต่มีหน้าปัดถึงสองบุคลิก ทั้งหน้าปัดที่แสดงฟังก์ชันเวลาแบบเรียบง่าย ขณะที่หน้าปัดอีกด้านซ่อนไว้ซึ่งเสน่ห์ของฟังก์ชันสลับซับซ้อน เช่นการแสดงเวลาไทม์โซนสอง หรือแสดงเวลาร่วมไปกับปฏิทิน และข้างขึ้นข้างแรม ด้วยคอนเซปต์ของนาฬิกาที่มีมากกว่าหนึ่งหน้าปัดนี้เองที่เป็นส่วนหนึ่งของการเริ่มต้นพัฒนาและสร้างสรรค์สู่เรือนเวลาสลับซับซ้อนสูงสุด ด้วยหน้าปัดที่ทำหน้าที่แสดงฟังก์ชันต่างๆ ได้ถึงสี่หน้าปัด และยังคงรักษาเอกลักษณ์ รวมถึงความเป็นต้นตำรับของ Reverso แห่ง เจเกอร์-เลอคูลทร์ ไว้ได้อย่างสมบูรณ์ เช่นใน Reverso Hybris Mechanica Calibre 185 (เรแวร์โซ ฮีบรีส เมคานิกา คาลิเบอ 185) (Quadriptyque (กา-ดริปติ๊ก))

Jaeger-LeCoultre ตัวเรือน Reverso ที่สามารถพลิกกลับด้าน ทำให้สามารถซ่อนหน้าปัดบอกเวลาได้มากกว่าหนึ่ง  โดยนับเป็นนาฬิกาข้อมือเรือนแรกของโลก
ที่มาพร้อมสี่หน้าปัด และแต่ละหน้าปัดยังล้วนทำหน้าที่
ตัวเรือน Reverso ที่สามารถพลิกกลับด้าน ทำให้สามารถซ่อนหน้าปัดบอกเวลาได้มากกว่าหนึ่ง โดยนับเป็นนาฬิกาข้อมือเรือนแรกของโลก
ที่มาพร้อมสี่หน้าปัด และแต่ละหน้าปัดยังล้วนทำหน้าที่

โดยนับเป็นนาฬิกาข้อมือเรือนแรกของโลกที่มาพร้อมสี่หน้าปัด และแต่ละหน้าปัดยังล้วนทำหน้าที่แสดงฟังก์ชัน ทั้งทางดาราศาสตร์และข้อมูลเวลาได้ทั้งหมด ทั้งยังนับเป็นนาฬิกา Reverso สลับซับซ้อนสูงสุดเท่าที่ Jaeger-LeCoultre เคยสร้างสรรค์มา โดยประกอบด้วยความสลับซับซ้อนถึง 11 ฟังก์ชัน ซึ่งรวมไปถึงปฏิทินถาวร (perpetual calendar), จักรกลตีระฆังบอกเวลา หรือมินิท รีพีทเตอร์ (minute repeater), การแสดงวงโคจรซินอดิก (synodic), ดราคอนิก (draconic) และอนอมาลิสทิค (anomalistic) (ที่ไม่เด้วยความเที่ยงตรง เข้ากับความซับซ้อนทางดาราศาสตร์ และการประดิษฐ์นาฬิกาด้วยความบางพิเศษ ภายใต้งานออกแบบและโครงสร้างของ Reverso ที่เป็นมิตรและง่ายดายสะดวกสบายต่อผู้ใช้งาน ซึ่งแม้ว่าจะมีความสลับซับซ้อนสูงด้วยการบรรจุถึง 11 ฟังก์ชัน แต่นาฬิการุ่นนี้ก็ยังคงสัดส่วนของตัวเรือนทำจากไวท์โกลด์ที่สามารถสวมใส่บนข้อมือได้จริง โดยมีขนาด 51.2 x 31.0 มิลลิเมตร และหนา 15.15 มิลลิเมตร ขณะที่ภายในติดตั้งด้วยกลไกจักรกลไขลานด้วยมือ Jaeger-LeCoultre Calibre 185 ผลิตในโรงงานของตนเอง พร้อมทั้งจักรกลอัจฉริยะในการขับเคลื่อนและแสดงข้อมูล โดยเฉพาะข้อมูลทางดาราศาสตร์ที่เป็นอีกหนึ่งฟังก์ชันเด่นของเรือนเวลาสุดซับซ้อน

Jaeger-LeCoultre หน้าปัดที่ 2 ประกอบด้วยการแสดง Jumping Digital Hour, Minute, Minute Repeater
หน้าปัดที่ 2 ประกอบด้วยการแสดง Jumping Digital Hour, Minute, Minute Repeater

พร้อมทั้งหลอมรวมไว้ด้วย tourbillon ซึ่งเป็นหนึ่งในความเชี่ยวชาญและได้รับการพัฒนาสร้างสรรค์มาอย่างต่อเนื่องของ Jaeger-LeCoultre โดยรุ่นนี้ติดตั้ง flying tourbillon ไว้ ณ ตำแหน่ง 7 นาฬิกา บนหน้าปัดด้านหน้าของตัวเรือน ด้วยการหมุนหนึ่งรอบต่อนาที และช่วยยกระดับซึ่งความเที่ยงตรงของการแสดงเวลา ขณะที่ balance ซึ่งถือเป็นหัวใจของกลไกนาฬิกานั้นทำงานด้วยความถี่ 4 เฮิรตซ์ หรือ 28,800 ครั้งต่อชั่วโมง พร้อมทั้งการแสดงวินาที นาที ชั่วโมง ไปจนถึงข้อมูลปฏิทินถาวร (perpetual calendar) ที่เป็นการแสดงแบบฉับพลัน โดยเปลี่ยนข้อมูลได้อย่างแม่นยำทันที หลังเวลาเที่ยงคืน

ขณะที่หน้าปัดด้านตรงข้ามนั้นบรรจุไว้ด้วยการแสดงและการทำงานของจักรกลตีระฆังบอกเวลา พร้อมด้วยตัวสไลด์เพื่อเปิดใช้งานจักรกลตีระฆังที่ติดตั้งอยู่เหนือตำแหน่งเม็ดมะยม โดยการรังสรรค์เสียงตีระฆังด้วยโน้ตที่แตกต่างกันสำหรับชั่วโมง ทุก 15 นาที และนาที เพื่อให้ง่ายต่อการแยกเสียง แต่ยังคงความไพเราะและเสียงที่ประสานกันราวกับรหัสดนตรี นอกจากนี้ยังเจาะช่องหน้าต่างบางส่วนเพื่อเผยให้เห็นการทำงาน และงานฝีมือการตกแต่งจักรกลอันประณีตสวยงามตามขนบประเพณีสร้างสรรค์ของโรงงานแห่งนี้ไว้ด้วย

หน้าปัดที่ 4 ประกอบด้วยการแสดง Southern Hemisphere Moon Phase
หน้าปัดที่ 4 ประกอบด้วยการแสดง Southern Hemisphere Moon Phase

ส่วนไฮไลต์ของความซับซ้อนในการแสดงข้อมูลทางดาราศาสตร์ภายในเรือนเวลานี้ ได้รวมไว้ด้วยการ แสดงข้อมูลจันทรคติทั้งสามแบบ ได้แก่วงโคจรซินอดิก (synodic) ดราคอนิก (draconic) และอนอมาลิสทิค (anomalistic) ทำให้ได้เห็นข้อมูลของทั้งดวงจันทร์และดวงอาทิตย์ ไปจนถึงปรากฏการณ์ทางจันทรคติที่หาชมได้ยาก เช่น supermoons ได้อย่างแม่นยำ เช่นเดียวกับการผสมผสานไว้ทั้งการแสดงข้างขึ้นข้างแรมในซีกโลกเหนือ โดยตกแต่งสัญลักษณ์รูปดวงจันทร์อย่างประณีตสวยงามด้วยการแกะสลักเลเซอร์ พร้อมทั้งโคจรอยู่บนดิสก์แล็กเกอร์สีน้ำเงินหมุนเพื่อแสดงอายุของดวงจันทร์และข้างขึ้นข้างแรมได้อย่างแม่นยำ โดยจำเป็นต้องได้รับการปรับตั้งเพียงหนึ่งครั้งหลังจาก 1,111 ปี ไปแล้ว

ขณะที่ในหน้าปัดที่สี่หรือด้านสุดท้ายของ Quadriptyque นั้นประกอบด้วยการแสดงระยะของดวงจันทร์ในซีกโลกใต้ เพื่อเติมเต็มความสมบูรณ์ให้กับเรือนเวลาแห่งดาราศาสตร์นี้ โดยมาพร้อมความสวยงามของการจำลองภาพแผนที่ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยมวลหมู่ดาว พร้อมทั้งตกแต่งด้วยงานแกะสลักและแล็กเกอร์แบบไล่เฉดสีน้ำเงิน สร้างเป็นภาพพื้นหลังอันงดงามให้กับดวงจันทร์พิงค์โกลด์ ซึ่งทั้งหมดนี้รังสรรค์ขึ้นภายใน Atelier des Métiers Rares® อันเลื่องลือนามของ เจเกอร์-เลอคูลทร์

ทั้งสี่หน้าปัดของ Jaeger-LeCoultre Reverso Hybris Mechanica Calibre 185
ทั้งสี่หน้าปัดของ Jaeger-LeCoultre Reverso Hybris Mechanica Calibre 185

ปิดท้ายด้วยความพิเศษสุดที่ Reverso Hybris Mechanica Calibre 185 จะส่งมอบมาพร้อมกับกล่องนาฬิการังสรรค์ขึ้นพิเศษ พร้อมทั้งจักรกลที่ติดตั้งอยู่ภายใน เพื่อช่วยให้เจ้าของสามารถปรับตั้งปฏิทิน รวมถึงการแสดงทางดาราศาสตร์ทั้งหมดได้อย่างรวดเร็วและสะดวกสบาย เมื่อนาฬิกาเรือนนี้ไม่ได้ถูกหยิบมาใส่เป็นเวลานานๆ เพื่อให้มั่นใจว่านาฬิกาสุดซับซ้อนนี้จะสามารถทำงานได้อย่างต่อเนื่องและเที่ยงตรงแม่นยำเสมอ โดยไร้ความเสี่ยงต่อความเสียหายของกลไกเมื่อจำเป็นต้องปรับตั้งนาฬิกา ซึ่งนั่นขจัดข้อกังวลให้กับผู้เป็นเจ้าของเรือนเวลาสุดซับซ้อนที่มีจำนวนจำกัดเพียง 10 เรือนนี้ ไปได้อย่างสิ้นเชิงแน่นอน

รวมฟังก์ชันที่ปรากฏบนหน้าปัดทั้งสี่หน้าของ Reverso Hybris Mechanica Calibre 185

หน้าที่ 1: Hour – Minute, Tourbillon (indicating the Second), Instantaneous Perpetual Calendar, Grande Date, Day, Month, Leap Year, Night & Day

หน้าที่ 2: Jumping Digital Hour, Minute, Minute Repeater (with system avoiding dead time)

หน้าที่ 3: Northern Hemisphere Moon Phase, Draconic Lunar Cycle (height of the moon), Anomalistic Lunar Cycle (apogee and perigee), Month, Year

หน้าที่ 4: Southern Hemisphere Moon Phase


CREDITS:
PHOTOS: COURTESY OF Jaeger-LeCoultre
MUSIC: www.bensound.com
ART DIRECTOR: Perayut Limpanastitphon


สามารถติดตามคอนเทนต์ นาฬิกา อื่นๆ ที่น่าสนใจได้ ที่นี่

Share:

Facebook
Twitter
Pinterest
LinkedIn
On Key

Related Posts

Your Tarot Weekly

Post Views: 66 คำพยากรณ์รายสัปดาห์ระหว่างวันอาทิตย์ที่ 21 เมษายน – วันเสาร์ที่​ 27 เมษายน พ.ศ. 2567 โดย​ มาดามราเชล วันอาทิตย์ นิสัย​ของดาว : ยศศักดิ์…

Franck-muller-long-island-thumbnail

Franck Muller Long Island Evolution

Post Views: 28 Franck Muller เสนอนาฬิการุ่น Long Island Evolution ด้วยสามรูปแบบของการแสดงออกแห่งเวลา Franck Muller (แฟรงค์ มุลเลอร์) เสนอนาฬิการุ่น Lo…

Cartier Women’s Initiative

Post Views: 38 โครงการเพื่อสตรีของคาร์เทียร์ ประกาศรายชื่อผู้เข้ารอบ 33 คน ประจำปี 2024 ประกาศรางวัลชนะเลิศ ณ เมืองเซินเจิ้น สาธารณะรัฐประชาชนจีน 22 พ…

Hermes-Horloger-Arceau-Mon-Premier-Galop-thumbnail

Hermès Horloger Arceau Mon Premier Galop

Post Views: 25 Hermès เผยความงดงามฝีมือเชิงศิลป์ด้วยเส้นด้ายไหม ผ่านเรือนเวลารุ่น Arceau Mon Premier Galop Hermès Arceau Mon Premier Galop (แอร์เมส อา…

Van-cleef-ballet-thumbnail

Van Cleef & Arpels Lady Arpels Ballets

Post Views: 27 Van Cleef & Arpels เผยความสง่าของนาฏกรรมบนเรือนนาฬิการุ่น Lady Arpels Ballets Van Cleef & Arpels (แวน คลีฟ แอนด์ อาร์เปลส์) เผย…