โอบกอดทะเลใต้ เที่ยวภูเก็ต ส่องสถาปัตยกรรมสไตล์ชิโน-โปรตุกีส ผ่านซีรีส์ แปลรักฉันด้วยใจเธอ ไปกับคู่จิ้นสุดฮอต บิวกิ้นพีพี
เรียกได้ว่าเป็นคู่จิ้นที่ฮอตฮิตติดเทรนด์ไทยกันแบบรัว ๆ สำหรับ 2 นักแสดงหนุ่ม บิวกิ้น พุฒิพงศ์ อัสสรัตนกุล และ พีพี กฤษฏ์ อำนวยเดชกร ที่ทุกคนคุ้นเคยกันในบท โอ้เอ๋ว และ เต๋ จากซีรีส์ แปลรักฉันด้วยใจเธอ (I told sunset about you) ใน บิวกิ้นพีพี โปรเจกต์ (BKPP Project) ที่เกิดขึ้นจากความร่วมมือของ ไลน์ ทีวี (LineTV) และค่ายนาดาวบางกอก
แถมเร็ว ๆ นี้ เรายังจะได้ชม แปลรักฉันด้วยใจเธอ Part 2 ซึ่งเป็นเรื่องราวต่อจากภาคแรก เล่าเรื่องความรักของ เต๋ (บิวกิ้น พุฒิพงศ์) และโอ้เอ๋ว (พีพี กฤษฎ์) ในช่วงเรียนมหาวิทยาลัย โดยมีนักแสดงใหม่มาร่วมสร้างสีสันในเรื่องราวภาคใหม่ไม่ว่าจะเป็น โอบ โอบนิธิ, ก้อย อรัชพร, พี สาริษฐ์, นิว ชยภัค และนักแสดงหน้าใหม่อีกคับคั่ง
แต่วันนี้ Padthai.co ไม่ได้พามาเจาะลึกซีรีส์ในซีซันใหม่ แต่จะพาทุกคนย้อนกลับไปทบทวนความทรงจำในซีซันแรก สูดกลิ่นอายของทะเลใต้ และเที่ยวเมืองภูเก็ต ทำความรู้จักกับสถาปัตยกรรมแนวชิโน-โปรตุกีส ที่ปรากฏให้เห็นในซีรีส์เรื่องนี้
แปลรักฉันด้วยใจเธอ เล่าเรื่องราวของ โอ้เอ๋ว และ เต๋ เพื่อนสนิทที่เคยมีเรื่องหมางใจกันในวัยเด็ก และกลับมาพบกันอีกครั้งในช่วงเตรียมสอบเข้ามหาวิทยาลัย เพื่อกระชับความสัมพันธ์ให้กลับมาสนิทกันดังเดิม เต๋อาสาติวภาษาจีนให้โอ้เอ๋ว เพื่อเตรียมสอบ และหวังว่าจะได้เข้าเรียนในสาขานิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยเดียวกัน แต่ความใกล้ชิดที่ก่อตัวขึ้นในใจของทั้งสอง ก็ทำให้เต๋เกิดคำถามกับตนเอง และนำไปสู่จุดผลิกผันของเรื่อง
โดยเนื้อหาของเรื่องจะเกิดขึ้นที่ ภูเก็ต อันเป็นบ้านเกิดของสองตัวละครหลัก เราจึงได้เห็นทัศนียภาพย่านเมืองเก่าของภูเก็ต รวมถึงทะเลและหาดทรายสวย ๆ เป็นของแถมตลอดทั้งเรื่อง
หากลองย้อนกลับไปเมื่อร้อยกว่าปีก่อน เมืองภูเก็ต ไม่ได้เป็นแค่จังหวัดที่มีสถานที่ท่องเที่ยวทางทะเล แต่ยังเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติโดยเฉพาะแร่ดีบุก ทำให้ชาวต่างชาติมากหน้าลายตาเข้ามาลงทุนในเหมืองแร่ของภูเก็ต รวมถึงชาวจีนที่เข้ามาตั้งรกรากเป็นพ่อค้าแม่ค้า หรือที่เรียกกันว่า นายเหมือง
ตามท้องเรื่อง เต๋ เป็นลูกหลานครอบครัวชาวจีนโพ้นทะเล ที่มาตั้งรกรากในภูเก็ตและเปิดร้านขาย หมี่ฮกเกี้ยน อาหารพื้นเมืองดั้งเดิมของชุมชนชาวฮกเกี้ยนในภูเก็ต ดังนั้นเราจึงได้เห็น เตี้ยมฉู่ หรือตึกแถวอันเป็นบ้าน และร้านหมี่ฮกเกี้ยนของครอบครัวเต๋ ออกแบบและตกแต่งด้วยสไตล์ชิโน-โปรตุกีส (Sino-Portuguese Architecture) ซึ่งได้รูปแบบมาจากสถาปัตยกรรมยุโรป โดยชาวโปรตุเกสที่เข้ามาค้าขายในแหลมมลายูเป็นคนเขียนผังขึ้น และได้ช่างชาวจีนนำมาสร้างต่อ โดยปรับแต่งสถาปัตยกรรมให้พ้องกับความเชื่อแบบจีน
จุดเด่นของ เตี้ยมฉู่ คือการบริหารพื้นที่ใช้สอยภายในของตึกแถว โดยแบ่งเป็นสัดส่วนอย่างชัดเจน ใช้ส่วนหน้าเป็นร้านขายของ และลึกเข้ามาเป็นพื้นที่ที่ใช้พักผ่อนในครอบครัว ซึ่งเราจะได้เห็นตลอดทั้งเรื่อง โดยเฉพาะช่วงที่โอ้เอ๋วไปติวภาษาจีนที่บ้านของเต๋
และหนึ่งเอกลักษณ์ของเตี้ยมฉู่แบบชิโน-โปรตุกีสที่ไม่พูดถึงไม่ได้ คือ ฉิ่มแจ้ หรือการสร้างบ่อน้ำกลางบ้าน ในบริเวณช่องกลางบ้านที่ด้านบนเปิดโล่ง มีลมและแสงส่องผ่าน ซึ่งเราจะเห็นเต๋และโอ้เอ๋ว มาใช้พื้นที่บริเวณฉิ่มแจ้ ในการนั่งติวหนังสืออยู่บ่อยครั้ง
ซึ่งข้อดีของฉิ่มแจ้ นอกจากจะทำให้อากาศภายในบ้านถ่ายเทแล้ว ยังอิงตามหลักฮวงจุ้ยของชาวจีนฮกเกี้ยน ว่าการเปิดรับลมและฝนให้ผ่านลงมาได้ เปรียบเสมือนเปิดรับเงินทองให้ไหลเข้าบ้านอีกด้วย
ในฉากที่เต๋และโอ้เอ๋วขึ้นไปพูดคุยกันบนดาดฟ้าถึงเรื่องอนาคตเกี่ยวกับการเรียน หากลองสังเกตกันดี ๆ จะเห็นป้ายสัญลักษณ์มงคลจีน ซวงสี่ (囍) ซึ่งหมายถึงความยั่งยืน เขียนในวงกลมที่มีความหมายถึง ความสมบูรณ์สมหวัง นิยมใช้ประดับบ้านเรือนเพื่อเป็นสิริมงคล และอวยพรให้สมหวังอย่างยั่งยืน
โดยโลเคชั่นที่ใช้เป็นบ้านของเต๋ในเรื่อง คือร้านกาแฟ โกปี่เตี่ยม ร้านกาแฟเก่าแก่ของเมืองภูเก็ตในย่านเมืองเก่า (Old Town) ที่นอกจากเมืองภูเก็ตจะเก็บรักษาสถาปัตยกรรมเดิมโดยการคงพื้นที่และตึกในย่านนี้ไว้ให้คนรุ่นใหม่ได้ศึกษา ยังวางโครงการเพื่ออนุรักษ์และพัฒนาให้ย่านเมืองเก่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวต่อไป
ถ้าหากใครได้มีโอกาสแวะเวียนไปดื่มกาแฟที่ บ้านเต๋ ซึ่งตั้งอยู่บนถนนถลาง ในเวลาค่ำ ๆ ก็จะได้สัมผัสความสวยงามของไฟประดับที่ห้อยเรียงรายเป็นแนวยาวตลอดช่วงตึก เหมือนที่ปรากฏในมิวสิควีดีโอเพลง แปลไม่ออก ซึ่งเป็นเพลงประกอบซีรีส์นี้ไม่มีผิด
ไม่เพียงแค่รายละเอียดในเชิงสุนทรียะทางภาพเท่านั้น แต่ซีรีส์ยังนำเสนอความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อน การเตรียมตัวเข้าสอบ ความทุกข์ยากและกดดันของระบบการศึกษาไทย และการก้าวพ้นวัยของนักเรียนมัธยม รวมถึงการค้นหาตัวตนและ Sexual Orientation ที่หลากหลาย โดยไม่ผูกติดกับขนบวิธีการเล่าแบบซีรีส์วายเดิม ๆ ในตลาดบันเทิงไทย แม้จะมีความยาวเพียง 5 ตอนจบ แต่ก็สามารถดึงดูดให้ผู้ชมติดตามและคาดเดาว่าตอนจบของเรื่องจะลงเอยเช่นไร
แปลรักฉันด้วยใจเธอ เป็นฝีมือการกำกับของ บอส นฤเบศ กูโน ผู้กำกับมากฝีมือ เจ้าของ 3 รางวัลนาฎราชจากซีรีส์ ไซด์ บาย ไซด์ (Side by Side) พี่น้องลูกขนไก่ (2017) และเคยร่วมงานกับ บิวกิ้น และ พีพี มาแล้วในซีรีส์ รักฉุดใจนายฉุกเฉิน (2019) และยังมี ปิง เกรียงไกร วชิรธรรมพร พี่ใหญ่แห่งบ้านนาดาวบางกอกรับหน้าที่โปรดิวเซอร์ด้วย
แปลรักฉันด้วยใจเธอ ซีซัน 1 นับว่าได้รับการตอบรับอย่างล้นหลาม โดยมียอดผู้เข้าชมบนไลน์ทีวี สูงกว่า 1 ล้านครั้ง ในตอนที่ 1 และ 2 และยอดเข้าชมสูงกว่า 2 ล้านครั้ง ในตอนที่ 3 ถึง 5 รวมทั้งติดเทรนด์ทวิตเตอร์ทุกสัปดาห์ที่ซีรีส์เข้าฉายตั้งแต่ตอนแรก นอกจากนั้นยังคว้ารางวัลซีรีส์ยอดนิยมจาก Siamrath Online Awards 2020 และรางวัลซีรีส์ต่างประเทศยอดนิยมจากประเทศจีนในงาน Weibo TV Series Awards ครั้งที่ 5 รวมทั้งรางวัลความเท่าเทียมทางเพศจาก NYLON THAILAND 2020 และ Asian BL Series of The Year จากเวที 2020 Asian Drama Awards ด้วย
ชม แปลรักฉันด้วยใจเธอ ได้แล้ววันนี้บน LineTV
อ่านข่าวสารเกี่ยวกับวงการภาพยนตร์และซีรีส์อื่น ๆ บน Padthai.co
- LUPIN : ลูแปงคนใหม่แห่งศตวรรษที่ 21 บนซีรีส์โจรกรรมล่าสุดจาก NETFLIX
- สุพรรณหงส์ ครั้งที่ 29 : ทำความรู้จัก 5 ผู้เข้าชิงรางวัลหนังยอดเยี่ยม และรายชื่อเข้าชิงทุกสาขา
- BLACKOUT บาร์ลับไม่มีในโลก ซีรีส์แนวตั้งที่ชวนคุณไปไขปริศนาในพื้นที่ปิดตาย
- Snowpiercer รถไฟแห่งความเหลื่อมล้ำยังวิ่งต่อในซีซัน 2 บน Netflix
- A Summer Odyssey ซีรีส์จีนที่น่าจับตามองจากฝีมือผู้กำกับไทย ลิท-ผดุง สมาจาร