การประดิษฐ์นาฬิกาที่กลายเป็นศิลปะชิ้นเอกในผลงานรุ่นล่าสุดของ A. Lange & Söhne CABARET TOURBILLON HANDWERKSKUNST ตัวแทนผสมผสานระหว่างประเพณีและเทคนิคหายากไว้ในนาฬิกาข้อมือรูปทรงสี่เหลี่ยมร่วมสมัย
A. Lange & Söhne Cabaret Tourbillon Handwerkskunst (อา. ลังเงอ อุนด์ โซเนอ คาบาเรต์ ทูร์บิยง ฮันต์แวร์กสคุนสต์ / งานฝีมือ) เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งผลงานศิลปะแห่งเรือนเวลาที่ได้ต้นแบบมาจากประเพณีการประดิษฐ์สร้างสรรค์นับจากอดีตจนพัฒนาต่อยอดมาสู่ยุคปัจจุบันของ อา. ลังเงอ อุนด์ ซูเนอ (A. Lange & Söhne) แบรนด์นาฬิกาเยอรมันจาก Glashütte ที่ล่าสุดได้เผยโฉมทายาทผลงานรุ่นใหม่ด้วยรูปโฉมทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าร่วมสมัย และผสมผสานไว้ด้วยจักรกล CABARET TOURBILLON เช่นเดียวกับศิลปะของหน้าปัดแกะสลักด้วยมือและงานลงยากึ่งโปร่งใส จึงนับเป็นการหลอมรวมระหว่างเทคนิคเชิงศิลป์และเทคนิคจักรกลอันหาชมได้ยากไว้ในผลงานเรือนเดียวกัน ขณะที่รุ่นซึ่งผลิตขึ้นในจำนวนจำกัดเพียง 30 เรือนนี้ยังถือเป็นเวอร์ชั่นพิเศษที่สืบทอดมรดกมาจากนาฬิกาข้อมือจักรกลรุ่นแรกของโลกที่มาพร้อมจักรกลหยุดวินาทีสำหรับ Tourbillon นำเสนอโดย A. Lange & Söhne นับจากปีค.ศ. 2008 ด้วย
ผลงาน CABARET TOURBILLON ถือเป็นก้าวสำคัญในหน้าประวัติศาสตร์การประดิษฐ์สร้างสรรค์นาฬิกาอันเที่ยงตรงแม่นยำที่แบรนด์ได้รังสรรค์ขึ้นสำเร็จในปี 2008 เป็นครั้งแรก โดยการติดตั้งจักรกลหยุดบาลานซ์ภายในกรงหมุนได้อย่างฉับพลัน และสามารถเริ่มต้นการทำงานใหม่ได้ทันทีที่กดเม็ดมะยมลงยังตำแหน่งเดิม ทั้งยังเป็นการพัฒนาโดยมีพื้นฐานมาจากนาฬิการุ่นตัวเรือนทรงสี่เหลี่ยม ซึ่งนับตั้งแต่เปิดตัวผลงานรุ่นนี้ก็ได้สร้างความโดดเด่นให้กับ CABARET TOURBILLON เช่นเดียวกับปรัชญาการสร้างสรรค์กลไกและนาฬิกาจักรกลทรงสี่เหลี่ยมอันหรูหราสง่างามเพียงรุ่นเดียวของ Langeที่มีชื่อเรียกขานกันว่า The CABARET
โดยในรุ่นใหม่ของ CABARET TOURBILLON HANDWERKSKUNST นี้ได้นำมาซึ่งการผสมผสานระหว่างศิลปะและเทคนิคการตกแต่งเรือนเวลาเข้ากับเทคนิคด้านจักรกล และนับเป็นผลงานรุ่นที่เจ็ดของซีรีส์สำคัญอย่าง HANDWERKSKUNST ที่เปิดตัวนับตั้งแต่สิบปีที่ผ่านมา ด้วยคุณลักษณะอันโดดเด่นจากการรังสรรค์ขึ้นด้วยคุณภาพและงานวิจิตรศิลป์ โดยเฉพาะการตกแต่งอย่างประณีตละเอียดอ่อนของทั้งหน้าปัดและกลไก พร้อมทั้งเลือกใช้งานตกแต่งด้วยลวดลายทรงสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูนมาเป็นองค์ประกอบภายในงานออกแบบที่เป็นสัญลักษณ์
กับความซับซ้อนของหน้าปัดแบบสามส่วนของนาฬิกาที่ทำมาจากไวท์โกลด์ และรังสรรค์ขึ้นภายในโรงงานการผลิตของตนเอง โดยมีพื้นที่ด้านในแกะสลักด้วยมือเป็นลวดลายสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูน ซึ่งนับเป็นลวดลายที่ทำได้ยากและเป็นความท้าทายสูงสำหรับช่างแกะสลัก จากการควบคุมไว้ด้วยความสม่ำเสมอและแม่นยำของลวดลาย เพราะแม้เพียงความต่างเพียงเล็กน้อยก็สามารถสังเกตเห็นได้อย่างชัดเจนทันที นอกจากนี้ยังกลมกลืนไปกับเครื่องหมายมาร์กเกอร์บอกชั่วโมงทรงสี่เหลี่ยมเปียกปูนทั้งหกตำแหน่งซึ่งทำจากทอง ร่วมด้วยตัวเลขโรมันที่ตำแหน่ง 3, 9 และ 12 นาฬิกา ที่ติดตั้งไว้บนพื้นที่รอบนอกของหน้าปัด พร้อมทั้งพื้นผิวอันประณีตละเอียดอ่อนที่ทำหน้าที่เป็นเหมือนเวทีกลางของการแสดงเวลา โดยตกแต่งด้วยลายเส้นบางๆ สำหรับแยกแต่ละส่วนของหน้าปัดไว้อย่างชัดเจน โดยเทคนิคการแกะสลักนี้ยังนำมาประยุกต์ใช้กับกรอบของช่องหน้าต่างแสดงวันที่ขนาดใหญ่หรือ Lange outsize date
ขณะเดียวกันบนหน้าปัดยังเคลือบด้วยชั้นของงานลงยากึ่งโปร่งใส เพื่อเพิ่มมิติให้กับงานแกะสลักและแสดงให้เห็นเฉดสีเทาเมทัลลิกอันหลากหลาย ซึ่งให้ผลลัพธ์เป็นภาพของหน้าปัดที่โดดเด่นแบบสามมิติ ส่วนของหน้าปัดย่อยแบบผสานสำหรับการแสดงวินาทีเล็กและแสดงพลังงานสำรอง ซึ่งตามประเพณีการสร้างสรรค์ของ A. Lange & Söhne แล้วจะเป็นการแสดงพลังงานสำรองแบบ UP/DOWN นั้นในรุ่นนี้ประกอบขึ้นจากทองสีโรเดียม เช่นกันกับชุดเข็มชี้ทำจากทองชุบโรเดียม ส่วน
จุดเด่นดึงดูดสายตาเป็นพิเศษย่อมรวมไปถึงช่องหน้าต่างเปิดที่เผยให้เห็นการทำงานเคลื่อนไหวของจักรกล Tourbillon หมุนรอบหนึ่งนาทีที่แขวนลอยอยู่ระหว่างเพชรเอนด์สโตนสองเม็ด โดยพื้นผิวด้านบนของสะพานจักร Tourbillon ยังผ่านการตกแต่งแบบด้านและขัดเงาแบบ black polishing ซึ่งนับเป็นหนึ่งในเทคนิคและประเภทการตกแต่งอันหาชมได้ยากเช่นกัน
เวอร์ชั่นเรือนเวลาสุดพิเศษนี้ประกอบภายในตัวเรือนทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าทำจากแพลทินัม และวัดขนาดได้ 29.5 x 39.2 มิลลิเมตร หนา 10.3 มิลลิเมตร พร้อมอุทิศให้กับต้นตำนานของนาฬิกา Tourbillon รุ่นแรกที่มาพร้อมจักรกลหยุดวินาทีหรือ stop-seconds mechanisim ส่วนสายนาฬิกาที่เคียงคู่มากับตัวเรือนทรงสี่เหลี่ยมนี้ทำมาจากหนังสีดำเย็บตะเข็บสีเทา และหัวเข็มขัดปรับระดับได้ทำจากแพลทินัมรับไปกับความล้ำค่าของวัสดุตัวเรือน
ขับเคลื่อนด้วยกลไกจักรกลไขลานด้วยมือ Calibre L042.1 ความถี่ 3 เฮิรตซ์ พร้อมทั้งกระปุกลานเมนสปริงคู่ที่ส่งมอบการสำรองพลังงานได้ 120 ชั่วโมง โดยประกอบขึ้นด้วยชิ้นส่วนอันซับซ้อนถึง 370 ชิ้น ซึ่งไม่น้อยกว่า 84 ชิ้น ในจำนวนนี้คือชิ้นส่วนที่ผสานเข้ากับจักรกล Tourbillon ที่มีน้ำหนักเพียงหนึ่งในสี่ของกรัม กลไกที่มีชิ้นส่วนขนาดจิ๋วนี้จึงมีบทบาทสำคัญต่อหน้าประวัติศาสตร์การประดิษฐ์เรือนเวลาอันเที่ยงตรงแม่นยำของ A. Lange & Söhne พร้อมทั้งหล่อหลอมไว้ด้วยศิลปะการตกแต่งอันสวยงามวิจิตรไว้มากมาย
โดยในปี 2008 หรือกว่า 200 ปีหลังการประดิษฐ์คิดค้นจักรกล Tourbillon ขึ้นในโลกแห่งเรือนเวลา A. Lange & Söhne ได้แสดงให้เห็นถึงพัฒนาการและนวัตกรรมของการหยุดบาลานซ์ภายในกรงหมุน เพื่อให้เรือนเวลา Tourbillon อันสลับซับซ้อนเหล่านี้สามารถปรับตั้งได้อย่างแม่นยำระดับวินาที โดยการดึงเม็ดมะยมขึ้นเพื่อเป็นการหยุดบาลานซ์และปรับตั้งเวลา จากนั้นจึงกดเม็ดมะยมลงยังตำแหน่งเดิมเพื่อให้บาลานซ์เร่ิมต้นทำงานต่อได้อย่างทันที ซึ่งจักรกลอัจฉริยะนี้ได้หลอมรวมอยู่ใน Calibre L042.1 ที่เป็นกลไกจักรกลรูปทรงสี่เหลี่ยมเดียวกันกับรูปทรงของตัวเรือนนาฬิกา และวัดขนาดได้ 22.3 x 32.6 มิลลิเมตร หนาเพียง 6.4 มิลลิเมตร ซึ่งหากเปรียบเทียบกับเวอร์ชั่นปี 2008 กลไกชุดนี้่ได้ติดตั้งไว้ด้วยระบบ oscillation แบบ indexless พร้อมทั้งบาลานซ์สปริง Lange ที่นับเป็นนวัตกรรมใหม่ของยุคปัจจุบัน ขณะที่ลวดลายสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูนของหน้าปัดยังสะท้อนใ้ห้เห็นเช่นกันบนงานแกะสลักชุบโรเดียมของ Tourbillon และชิ้นส่วนจักรกลอื่นๆ ที่รังสรรค์เป็นภาพซึ่งเชื่อมโยงสัมพันธ์กันระหว่างหน้าปัดและด้านของกลไกได้อย่างสมบูรณ์นั่นเอง
นอกจากนี้ยังคงความร่วมสมัยด้วยการเลือกใช้เฉดสีที่เล่นระหว่างสีเงินและเทาที่มองเห็นได้ทั้งบนหน้าปัด รวมถึงพื้นผิวของสะพานจักรชิ้นส่วนกลไกต่างๆ ที่เป็น German silver บริสุทธิ์ ซึ่งได้แรงบันดาลใจมาจากกลไกของบรรดานาฬิกาพกอันโด่งดังในประวัติศาสตร์ของแบรนด์ พร้อมทั้งงานแกะสลักด้วยหมายเลขผลิตจำนวนจำกัดไว้บนฝาหลัง ที่บ่งบอกถึงความพิเศษและหายากของผลงานศิลปะชิ้นโบแดงแห่งประดิษฐกรรมบอกเวลาเรือนนี้อีกด้วย
CREDITS:
PHOTOS: COURTESY OF A. Lange & Söhne
VIDEO: Perayut Limpanastitphon
MUSIC: Claudio The Worm – The Green Orbs
GRAPHIC DESIGNER: Vanicha Limpanastitphon
สามารถติดตามคอนเทนต์ นาฬิกา อื่นๆ ที่น่าสนใจได้ ที่นี่