นับว่าสำหรับ Parasite ผลงานการกำกับของบงจุนโฮ ที่ล่าสุดคว้ารางวัลภาพยนตร์ภาษาต่างประเทศยอดเยี่ยมจากเวทีลูกโลกทองคำ (Golden Globe Awards) ครั้งที่ 77 ไปเมื่อวันที่ 6 มกราคมที่ผ่านมา นอกจากนั้น Parasite ยังเป็นภาพยนตร์เกาหลีเรื่องแรกที่คว้ารางวัล Palme d’Or หรือปาล์มทองคำ รางวัลสูงสุดจากเทศกาลหนังเมืองคานส์ไปครอง
แน่นอนว่านักวิจารณ์ทั้งไทยและเทศต่างก็ยกให้ Parasite เป็นหนังที่เสียดสีสังคมอย่างถึงพริกถึงขิง ด้วยพลอตเรื่องและบทภาพยนตร์ที่สะท้อนความเหลื่อมล้ำระหว่างชนชั้นได้อย่างเจ็บแสบจนมีข่าวลือว่าภาพยนตร์เรื่องนี้อาจจะมีการนำไปรีเมคเป็นฮอลลีวูด แต่ล่าสุดบงจุนโฮก็ดับฝันด้วยการปฏิเสธข่าวลือผ่านสปีชรับรางวัลบนเวทีลูกโลกทองคำที่บอกยิ้มๆว่า “หากคุณลองก้าวข้ามอุปสรรคความสูง1นิ้วที่เรียกว่าซับไตเติ้ลไปได้ คุณจะพบว่ายังมีหนังดีๆอีกมากมายจากทั่วทุกมุมโลกที่รอให้คุณได้รับชม”
พูดง่ายๆคือหัดอ่านซับหรือฟังเสียงซาวด์แทร็คของหนังต่างประเทศซะบ้าง อย่าเอาแต่รอให้ฮอลลีวูดซื้อหนังดีไปรีเมค!
เรียกได้ว่า นุ่มนวลแต่กัดเจ็บสมเป็นบงจุนโฮจริงๆ
วันนี้ Padthai.co เลยหยิบเอา 4 ภาพยนตร์จากผู้กำกับสายแซะคนนี้มาแนะนำให้ได้รู้จักกันสำหรับใครที่อยากเสพสัญญะหรือการเสียดสีที่แยบคายของเขาผ่านภาพยนตร์เรื่องอื่นๆ
Memories of Murder | ฆาตกรรม ความตาย และสายฝน (2003)
จากคดีฆาตกรรมต่อเนื่องฮวาซอง คดีดังยุค 80s ของเกาหลี สู่เรื่องราวบนแผ่นฟิล์ม เมื่อสองนักสืบต้องมาไขคดีฆาตกรรมต่อเนื่องที่หญิงสาวคนแล้วคนเล่าถูกข่มขืนและฆ่าในคืนฝนตก ทีมสืบสวนยิ่งต้องเร่งมือเพื่อหาตัวฆาตกรให้เจอ เพราะเมื่อคืนฝนตกมาถึงอีกครั้ง อาจหมายถึงหญิงสาวที่ตกเป็นเหยื่อเพิ่มขึ้นอีกราย
แม้คดีฆาตกรรมต่อเนื่องฮวาซองจะถูกนำไปสร้างเป็นภาพยนตร์และดัดแปลงเป็นซีรีส์สอบสวนมากมาย แต่Memories of Murder นับเป็นเรื่องที่มีชื่อเสียงมากที่สุด ด้วยการดำเนินเรื่องและการกำกับภาพที่เฉียบคมและสื่อความหมาย การเสียดสีการทำงานแบบเช้าชามเย็นชามของตำรวจ ไปจนถึงพื้นหลังของเรื่องซึ่งเป็นเหตุการณ์ทางการเมืองในสมัยรัฐบาลเผด็จการทหารของประธานาธิบดีจอนดูฮวาน ที่รอดจากการตัดสินประหารชีวิตในคดีการจัดการผู้ชุมนุมในการเรียกร้องประชาธิปไตยในกวางจู เช่นเดียวกับฆาตกรต่อเนื่องในเรื่องที่สุดท้ายก็ไม่สามารถจับตัวมาลงโทษได้
The Host | อสูรนรก กลายพันธุ์ (2007)
ถัาพูดถึงสัตว์ประหลาดบุกเมือง คอหนังฮอลลีวูดคงนึกถึงภาพทหารตำรวจพร้อมอาวุธครบมือเพื่อต่อสู้ แต่ไม่ใช่กับThe Host แน่ ในภาพยนตร์เกาหลีแนวไซไฟ-ระทึกขวัญเรื่องนี้ว่าด้วยเรื่องสัตว์ประหลาดกลายพันธุ์ที่โผล่ขึ้นจากแม่น้ำฮันมาจับคนกิน และพาตัวหลานสาวคนเล็กของครอบครัวปาร์คไปไว้ที่ท่อน้ำใต้ดินเพื่อเก็บเป็นเสบียง ครอบครัวปาร์คจึงตัดสินใจบุกรังสัตว์ประหลาดเพื่อช่วยหลานสาวสุดที่รักของครอบครัวโดยไม่รอความช่วยเหลือจากทางการอีกต่อไป!
The Host ที่สร้างขึ้นหลังจากเหตุการณ์การต่อต้านลงนาม FTA ระหว่างเกาหลีใต้และสหรัฐ ซึ่งหนึ่งในข้อสัญญาสำคัญคือการลดชั่วโมงฉายภาพยนตร์เกาหลีในประเทศลงเพื่อเปิดโอกาสให้ภาพยนตร์ฮอลลีวูด ซึ่งนับเป็นการคุกคามทางวัฒนธรรมอย่างร้ายกาจจนบุคลากรในวงการหนังออกมาต่อต้านเป็นการใหญ่ จึงไม่แปลกที่ภาพยนตร์เรื่องนี้จะเสียดสีรัฐบาลเกาหลีใต้ที่ยอมเชื่อตามสหรัฐอเมริกาไปเสียหมดทุกอย่างจนมองข้ามและละเลยความต้องการจริงๆของประชาชนไป ซึ่งก็เพราะความกล้าจะแหวกขนบฮอลลีวูดและเสียดสีนี้แหละที่ทำให้ The Host ได้รับเลือกจากสมาคมผู้กำกับฝรั่งเศสให้เปิดตัวในสาย Director Fortnight บนเวทีคานส์ และกลายเป็นที่ถูกอกถูกใจนักดูหนังหลากหลายเชื้อชาติ
Mother | หัวใจเธอทวงแค้นสะกดโลก (2009)
“ลูกฉันเป็นคนดี” วลีทองของคุณแม่ที่เรามักได้ยินเมื่อเกิดคดีที่ผู้ต้องหายังคงเป็นเยาวชน ไม่ต่างกันกับคุณแม่ในเรื่องMother ที่ โดจุน ลูกชายผู้มีปัญหาด้านสติปัญญาวัย 28 ปีของเธอต้องสงสัยว่าเป็นฆาตกรที่ฆ่าเด็กสาวคนหนึ่งตายบนดาดฟ้า การพิจารณาคดีและสืบสวนที่เป็นไปอย่างเร่งรีบผนวกกับความเชื่อมั่นว่าลูกชายสุดที่รักไม่มีทางลงมือฆ่าใครได้แน่ๆ ทำให้คุณแม่ตัดสินใจสืบหาความจริงในคดีนี้ด้วยตัวเองเพื่อลากตัวฆาตกรมารับโทษแทนลูกชายของเธอให้ได้!
แม้พลอตเรื่องจะเรียบง่ายและเน้นไปที่เรื่องราวการสืบหาหลักฐานเพื่อพิสูจน์ความจริงให้ผู้เป็นลูก แต่สิ่งที่โดดเด่นของภาพยนตร์เรื่องนี้คือภาษาภาพและรายละเอียดเล็กๆน้อยๆที่เล่นกับความรู้สึกคนดู ทั้งบทพูดและสัญญะที่แฝงอยู่โดยเฉพาะช่วง 15 นาทีสุดท้ายของหนัง ที่ทำเอาคนดูจุกไปตามๆกัน
Snowpiercer | ยึดด่วนวันสิ้นโลก (2013)
ภาพยนตร์ post-apocalypse ที่เล่าถึงโลกอีก 18 ปีข้างหน้าที่หลังจากผ่านวิกฤตการณ์โลกร้อน ความล้มเหลวที่จะแก้ปัญหาโลกร้อนทำให้อุณหภูมิโลกลดลงอย่างรวดเร็วจนน้ำแข็งปกคลุมทั่วทั้งโลกและแทบไม่มีมนุษย์รอดชีวิต มีเพียงขบวนรถไฟสายพิเศษที่วิ่งไปทั่วโลกเท่านั้นที่บรรทุกมนุษยชาติกลุ่มสุดท้ายไว้
นับได้ว่าเป็นภาพยนตร์ที่สร้างชื่อให้บงจุนโฮเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางในวงการหนังระดับโลกเพราะเป็นเรื่องแรกที่ร่วมงานกับนักแสดงฮอลลีวูดชื่อดังอย่างคริส อีแวน, ทิลด้า สวินตัน และเจมี่ เบลล์ ร่วมแสดงด้วย ตลอดทั้งเรื่องหนังเล่าถึงการแบ่งชนชั้นและความเหลื่อมล้ำอย่างสุดโต่งผ่านตู้รถไฟที่มีทั้งตู้ของผู้ถือตั๋ว VIP หัวขบวน และพวกชนชั้นล่างที่อดอยากและสกปรกที่แออัดกันอยู่ที่ท้ายขบวน ท้ายที่สุดความอดอยาก การกดขี่ และการแบ่งแยกทางชนชั้นนี้เองที่กลายเป็นชนวนนำไปสู่การปฏิวัติในโลกจำลองขนาดย่อมที่บงจุนโฮใช้เสียดสีและวิพากษ์ความเหลื่อมล้ำอย่างถึงเครื่อง
แค่ตัวอย่างทั้ง4เรื่องที่ยกมาคงพอจะเห็นกันแล้วว่า ไม่เพียงแค่เสียดสีหรือตั้งคำถามต่อสังคมผ่านพลอตสุดสร้างสรรค์แต่บงจุนโฮยังบันทึกวิธีคิดและบริบทของสังคมในแต่ละยุกเข้าไว้ในภาพยนตร์ของตนเองอย่างแยบคายจนเราอดสงสัยไม่ได้ว่าในภาพยนตร์เรื่องหน้า ผู้กำกับมากฝีมือคนนี้จะบอกเล่าอะไรให้เราได้ฟังอีก