หลังจากปล่อย Dumbo ออกมาเมื่อต้นปีให้แฟนๆดิสนีย์ได้ไปรำลึกความทรงจำวัยเด็ก ดิสนีย์เดินหน้าเต็มสูบกับไลฟ์แอคชั่นเรื่องที่ 2 อย่าง Aladdin การ์ตูนอมตะตลอดกาลที่เล่าเรื่องราวของ อะลาดิน โจรกระจอกที่ถูก จาร์ฟา เสนาบดีชั่วหลอกใช้ให้ไปเอาตะเกียงในถ้ำวิเศษ แต่อะลาดินเผลอปลดปล่อย จินนี่ ยักษ์วิเศษในตะเกียงออกมาโดยไม่ตั้งใจ
เจ้ายักษ์ตัวฟ้าเสนอพรวิเศษให้เขาสามข้อ และอะลาดินไม่รีรอที่จะขอให้เขากลายเป็นเจ้าชาย เพื่อมีโอกาสได้ใกล้ชิดจัสมิน เจ้าหญิงผู้เป็นธิดาองค์เดียวของสุลต่าน แต่เรื่องไม่ง่ายเพราะจาร์ฟาที่ชวดตะเกียงไปเมื่อครั้งก่อน ยังคงตามมาราวี เพราะสิ่งที่จาร์ฟาอยากได้อยากมีคือทั้งตะเกียงและราชบัลลังก์
ไลฟ์แอคชั่นจากการ์ตูนอมตะเรื่องดังนี้ได้ กาย ริชชี่ ผู้กำกับหนุ่มสไตล์จัดจ้านที่เคยฝากผลงานการกำกับไว้ในSnatch และ Sherlock Holmes มารังสรรค์โลกอาหรับเสียใหม่ แต่หากคุณคิดว่ากาย ริชชี่จะลอกบทจากการ์ตูนต้นฉบับแบบ 100% ล่ะก็ คิดใหม่ได้เลย เพราะบทภาพยนตร์ Aladdin มีทั้งความฉูดฉาด สร้างสรรค์ และช่วงชิงพื้นที่ของเฟมินิสต์กับบท จัสมิน เวอร์ชั่นที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ (ถึงขั้นอาสาปกครองประเทศในฐานะสุลต่านเองโดยไม่ต้องง้อผู้ชาย) รวมทั้งการกระแหนะกระแหนสังคมแบบชายเป็นใหญ่ไปพร้อมๆกัน
ทั้งงานภาพและคอสตูมที่ละเอียดลออ ผนวกเข้ากับโปรดักชั่นสุดอลังการ ฉากมิวสิคัลที่น่าประทับใจ และการแสดงของ วิลล์ สมิธ ในบทของจีนี่ที่สร้างเสียงหัวเราะด้วยเสน่ห์ที่ล้นเหลือ ใครที่กำลังหาหนังดูในสุดส้ปดาห์นี้ Aladdin นี่แหละเป็นคำตอบที่คุณไม่ควรมองข้าม