เป็นครั้งแรกที่ Zenith ผลิตนาฬิกาซึ่งออกแบบโดย เฟลิเป้ ปันโตเน ศิลปินร่วมสมัย ชาวอาร์เจนติน-สแปนิช ผลลัพธ์ที่ได้ ออกมาสวยจับตาด้วยสีสันผนวกความซับซ้อนที่มาบรรจบกันอย่างลงตัว
นับเป็นอีกหนึ่งคู่ของการประกาศจับมือร่วมงานกัน ระหว่างแบรนด์นาฬิกาและศิลปินที่กำลังเป็นสนใจของคนรักนาฬิกาทั่วโลกไม่น้อย ซึ่งนั่นคงเป็นใครไปไม่ได้ นอกจากการจับคู่ระหว่าง เซนิธ (Zenith) และ Felipe Pantone (เฟลิเป้ ปันโตเน) ศิลปินร่วมสมัย พร้อมทั้งการเปิดตัวนาฬิการุ่นใหม่ล่าสุดของพวกเขาใน DEFY 21 Felipe Pantone (ดีไฟ ทเวนตี้วัน เฟลิเป้ ปันโตเน) กับความโดดเด่นของงานออกแบบและสีสัน ไปจนถึงสะกดสายตาด้วยความซับซ้อนของโครงสร้างจักรกล ที่เป็นศิลปะชั้นยอดของการประดิษฐ์เรือนเวลา
Felipe Pantone เป็นศิลปินร่วมสมัยชาวอาร์เจนติน-สแปนิช ซึ่งเป็นที่รู้จักระดับโลก ในฐานะหนึ่งในศิลปินดาวรุ่ง มากด้วยพรสวรรค์ในโลกแห่งศิลปะร่วมสมัย โดยความโดดเด่นอันเป็นที่จดจำได้ทันทีจากผลงานของเขาก็คือ การใช้คลื่นแสงและสีสดเพื่อสะกดสายตาผู้ชม พร้อมทั้งงานออกแบบที่กล้าแกร่ง ซึ่งดึงดูดใจคนรักศิลปะ และผู้ซึ่งหลงใหลในงานศิลปะร่วมสมัยได้อย่างล้นหลาม
กระทั่งงานของ Felipe Pantone ได้มาบรรจบกับศิลปะการประดิษฐ์นาฬิกาของ Zenith ซึ่งทั้งคู่เริ่มต้นความร่วมมือมานับตั้งแต่ปี 2020 ที่ผ่านมา เมื่อโรงงานการผลิต Zenith ได้มอบพื้นที่บนผนังด้านหน้าอาคารการผลิตหลักของแบรนด์ ให้กลายเป็นผืนผ้าใบสำหรับสร้างสรรค์งานของศิลปินร่วมสมัยคนนี้ ซึ่งนั่นเองที่เป็นจุดเริ่มต้นของความร่วมมือครั้งใหม่ล่าสุดกับการออกแบบ และสร้างสรรค์นาฬิการุ่นพิเศษของทั้งคู่ในวันนี้
โดย Felipe Pantone ได้พลิกจินตนาการจากนาฬิกาโครโนกราฟอันล้ำสมัยสูงสุดของ Zenith มาสู่มิติและมุมมองใหม่ ผ่านการสร้างสรรค์ ซึ่งนับเป็นตัวแทนชัยชนะแห่งความก้าวหน้าล้ำสมัยของการประดิษฐ์นาฬิกา ขณะเดียวกันก็แสดงออกถึงการเป็นชิ้นงานศิลปะ ที่สามารถสวมใส่ได้อันเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังการเคลื่อนไหว ซึ่งผลลัพธ์นั้นก็คือนาฬิการุ่น DEFY 21 Felipe Pantone ที่มาพร้อมความโดดเด่นสะดุดตาของทั้งสีสัน และการเล่นกับความถี่ ทั้งในแง่ของภาพและจักรกล ด้วยความแม่นยำ 1/100th ของวินาทีจากการขับเคลื่อนโดยจักรกลโครโนกราฟ El Primero 21 ซึ่งทำงานด้วยความถี่สูงสุด 360,000 ครั้งต่อชั่วโมง และกลไกอัตโนมัติของนาฬิกา cความถี่ 36,000 ครั้งต่อชั่วโมง กับความเที่ยงตรงระดับโครโนมิเตอร์ และสำรองพลังงานได้อย่างน้อย 50 ชั่วโมง นาฬิกา DEFY 21 นี้ได้ถูกเลือกมาเป็นผืนผ้าใบให้ Felipe Pantone ได้สร้างสรรค์งานศิลป์ และสามารถแสดงออกถึงคอนเซ็ปต์ “visible spectrum’ หรือสเปกตรัมที่สามารถมองเห็นได้ของเขาได้อย่างสวยงาม และดึงดูดสายตา
ซึ่งแนวคิดนี้ยังได้แรงบันดาลใจมาจากความถี่ ที่ไม่อาจตรวจพบได้ของแสง และการหักเหของแสงและสีที่มาบรรจบกับคุณสมบัติด้านความถี่สูงสุดของกลไกจักรกลโครโนกราฟของนาฬิการุ่นนี้จะผลิตขึ้นในจำนวนจำกัดเพียง 100 เรือน และนับเป็นความร่วมมือในรูปแบบใหม่สำหรับ Zenith อย่างแท้จริง ขณะที่ Felipe Pantone เองได้นำคอนเซ็ปต์หลักของการเปลี่ยนรูปเรือนเวลาไปสู่งานศิลปะที่เคลื่อนไหวและสวมใส่ได้ ทั้งยังได้ร่วมต่อยอดไปสู่จินตนาการใหม่ของการผสมผสาน ระหว่างเวลาและแสงภายใต้วัตถุเดียวกัน อันให้ผลลัพธ์อันสวยงามน่าทึ่งอย่างที่เห็น
ผสานด้วยจิตวิญญาณที่มีร่วมกัน โดย Felipe Pantone เป็นศิลปินที่ยังคงเสาะหา สำรวจถึงเทคนิค และเครื่องมือใหม่ๆ เพื่อสร้างสรรค์งานศิลปะที่โดดเด่นด้วยเอกลักษณ์เฉพาะตัว เช่นเดียวกับ Zenith ที่แม้จะเป็นแบรนด์ผู้ผลิตนาฬิกาที่มีประวัติศาสตร์อันรุ่มรวย และตำนานการสร้างสรรค์อันยาวนาน แต่ก็ยังคงมองหาซึ่งนวัตกรรมใหม่ๆ ในการประดิษฐ์คิดค้นเรือนเวลาที่มีความเที่ยงตรงแม่นยำสูงสุด ทั้งยังสวยเด่นด้วยงานออกแบบ ซึ่งเรียกได้ว่าไม่มีวันล้าสมัย
Zenith DEFY 21 Felipe Pantone
เช่นการเปิดตัวของ DEFY 21 ในเวอร์ชั่นสร้างสรรค์ของ Felipe Pantone นี้ที่ได้ร่วมต่อยอดไปสู่เทคนิคใหม่ๆ ซึ่งไม่เคยเกิดมาก่อนในอุตสาหกรรมการประดิษฐ์นาฬิกา หนึ่งในนั้นคือการผลิตสะพานจักร ที่ผสมผสานด้วยหลายหลากสีอันเป็นเอกลักษณ์ของ Pantone โดยใช้หลักการของการแทรกกันของสี ที่นำมาใช้เคลือบบนสะพานจักรและสะท้อนเป็นโทนสีรุ้งเมทัลลิกแบบไล่เฉด ซึ่งกว่าได้มาต้องอาศัยการทดลอง และหาทางออกที่เหมาะสมอยู่นานหลายเดือน เพื่อให้ได้มิติของสีรุ้งที่สวยงาม แม้บนพื้นที่อันจำกัดของสะพานจักร นอกจากนี้ DEFY 21 Felipe Pantone ยังเป็นนาฬิกาเรือนแรกเท่าที่เคยมีมาที่ใช้นวัตกรรมการเคลือบ PVD สามมิติ ด้วยอนุภาคซิลิคอนบนกลไก เพื่อสร้างสเปกตรัมที่ส่งผ่านสีสันต่างๆ ได้อย่างสมบูรณ์ ขณะที่แม้ว่าจะเป็นกระบวนการผลิตที่เป็นมาตรฐาน แต่นาฬิกาแต่ละเรือนของรุ่นนี้ก็จะยังคงมีสีสันที่แตกต่างกันเล็กน้อย และกลายเป็นชิ้นงานศิลปะที่มีเอกลักษณ์เฉพาะหนึ่งเดียวเท่านั้น
ยังไม่นับรวมถึงรายละเอียดเล็กๆ อย่างเข็มชั่วโมงและเข็มนาทีที่มีความพิเศษไม่แพ้กัน โดยศิลปินตั้งใจบิดรูปของเข็มชี้เหล่านี้ให้ดูคล้ายกับสายฟ้า ที่สะท้อนถึงงานของ Pantone เอง พร้อมทั้งไล่เฉดสีรุ้งที่ได้มาจากกระบวนการผลิตอันล้ำสมัยเดียวกันกับบนสะพานจักรของกลไก ขณะที่การเคลือบ PVD แบบไล่เฉดบนเข็มชี้นั้นอาจยากกว่าด้วยเพราะการบิดรูปทรง รวมถึงขนาดที่เล็กกว่า จึงต้องคิดค้นและคำนวณถึงการหักเหของสีและแสงที่ลงตัว ซึ่งเป็นความท้าทายของทั้งศิลปินและทีมทำงาน กับผลลัพธ์ที่ได้ซึ่งเป็นเสมือนตัวจุดประกายแนวคิดนอกกรอบใหม่ๆ ในการผลิตและสร้างสรรค์นาฬิกาให้กับเซนิธเช่นกัน
มิติของภาพลวงตาหรือ moiré (มัวเร่ ภาษาฝรั่งเศส แปลว่า เหลือบลาย) ที่เกิดจากการสลับกันบางๆ ของแถบสีขาวและสีดำอันเป็นธีมหลักของผลงานภาพวาดและประติมากรรมของ Felipe Pantone ยังมาปรากฏกลายเป็นลวดลายเล็กๆ ที่ผลิตซ้ำลงบนสะพานจักรด้านบนและส่วนต่างๆ ของหน้าปัดนาฬิการุ่นนี้ โดยการใช้เทคนิคแกะสลักด้วยเลเซอร์และแล็กเกอร์ เพื่อให้เกิดความแม่นยำและมอบภาพลวงตาราวกับมีการเคลื่อนไหวของสารเหลวซึ่งตัดกับลวดลายแถบอันเข้มแข็ง พร้อมทั้งเผยให้เห็นเทคนิคแห่งงานศิลป์และความซับซ้อนของจักรกลผ่านหน้าปัดแบบเปิดโปร่ง ตกแต่งด้วยการผสมผสานของการไล่เฉดสี และสีสดต่างๆ อันทรงพลัง ซึ่งทั้งหมดนี้ยังปรากฏทั้งบนเครื่องหมายขีดบอกเวลาและหน้าปัดย่อยต่างๆ ได้อย่างลงตัว
ขณะที่ชิ้นส่วนด้านนอกต่างๆ ของตัวเรือนนาฬิกายังสะท้อนถึงนวัตกรรม และความโดดเด่นของงานศิลป์ที่แฝงอยู่ด้านใน โดยรุ่นนี้มาพร้อมตัวเรือนเซรามิกสีดำ ขนาด 44.0 มิลลิเมตร ตกแต่งลายกริดแกะสลักไว้บนขอบตัวเรือน และแกะสลักคำว่า “FP#1” ไว้บนทั้งสี่มุมของตัวเรือน บ่งบอกถึงการเป็นนาฬิกา “Felipe Pantone El Primero” (เฟลิเป้ ปันโตเน เอล พริเมโร) อย่างสมบูรณ์ จับคู่มากับสายยางสีดำตกแต่งด้วยลายกริดเดียวกัน หรือหากใครที่ชื่นชอบสีสันโดดเด่นยิ่งกว่า ก็สามารถเปลี่ยนเป็นสายยางเส้นที่สองซึ่งแทรกกลางสายด้วยสีเทาเข้ม และไล่เฉดด้วยสเปกตรัมสีที่จะเล่นไปตามมุมแสง ซึ่งเป็นผลลัพธ์มาจากสีรุ้งที่เกิดจากพื้นผิวของวัสดุและการสะท้อนกับแสง
ความพิเศษของนาฬิการุ่นนี้ยังไม่จบเพียงเท่านั้น เพราะ ดีไฟ ทเวนตี้วัน เฟลิเป้ ปันโตเน ยังส่งมอบมาพร้อมกับกล่องบรรจุ ถอดแบบมาจากหนังสือปกแข็ง โดยบนปกเป็นภาพวาดจำลอง ที่ศิลปินสร้างสรรค์ขึ้นพิเศษสำหรับนาฬิกาซีรีส์นี้โดยเฉพาะ พร้อมทั้งประกาศนียบัตรเซ็นรับรอง โดยงานศิลป์ที่สามารถสวมใส่ได้นี้จะผลิตขึ้นในจำนวนจำกัดเพียง 100 เรือน และมีจำหน่ายผ่านทางบูติก และร้านออนไลน์ของ Zenith ในช่วงกลางเดือนมีนาคม 2021 เป็นต้นไป
CREDITS:
PHOTOS: COURTESY OF ZENITH
MUSIC: www.bensound.com
ART DIRECTOR: Perayut Limpanastitphon
สามารถติดตามคอนเทนต์ นาฬิกา อื่นๆ ที่น่าสนใจได้ ที่นี่