เคลียร์โต๊ะเครื่องแป้งรับปีใหม่กันให้ไว มาเช็คให้ชัวร์ว่าบิวตี้ไอเท็มชิ้นไหนจะได้ไปต่อ กับ Checklist วันหมดอายุเครื่องสำอางและสกินแคร์ ถึงเวลาตัดใจโละไอเท็มเก่าเก็บเพื่อจัดระเบียบคลังแสงความงามของสาวๆ ให้พร้อมรับไอเท็มใหม่กันแล้ว
ใกล้จะหมดปี 2022 แล้ว สิ่งไหนไม่ดีก็ปล่อยทิ้งไป สิ่งไหนดีๆ ก็พกเอาไปด้วยในปีใหม่ที่กำลังจะมาถึง เช่นเดียวกับเรื่องความสวยความงาม ไหนๆ ก็สิ้นปีทั้งที Padthai.co ขอชวนสาวๆ มาเช็คกรุเครื่องสำอางของตัวเองว่าชิ้นไหนบ้างที่จะได้ไปต่อ เพราะเชื่อว่าช่วงวันหยุดยาวแบบนี้ สำหรับใครที่ไม่ได้ออกไปเที่ยวที่ไหน การเคลียร์บ้านรับปีใหม่ที่ใกล้จะมาถึงก็เป็นไอเดียที่ดีไม่น้อย ยิ่งสาวๆ ด้วยแล้ว ยิ่งต้องมีของให้จัดเยอะแน่ๆ เริ่มจากโต๊ะเครื่องแป้งอันดับแรก เพราะผู้หญิงอย่างเราๆ เวลารีบแต่งหน้าทำผมไปทำงานทุกวันก็แทบไม่มีเวลามาทำความสะอาดโต๊ะเครื่องแป้งมากนัก ว่าแต่จะเริ่มเคลียร์จากตรงไหน เรามีเคล็ดลับง่ายๆ มาฝาก รับรองว่าเวิร์คสุด
แบ่งเครื่องสำอางเป็นหมวดหมู่
เเยกประเภทเครื่องสำอางบนโต๊ะเครื่องเเป้ง อย่างเครื่องสำอางสำหรับเเต่งหน้า เช่น ลิปสติก รองพื้น เเละอายเเชโดว์ น้ำหอมและโรลออน ผลิตภัณฑ์ทำผม ไม่ว่าจะเป็น หวีและสเปรย์ฉีดผม ควรวางเป็นหมวดหมู่เเละเเยกออกจากกัน เพื่อการหาที่ง่ายเเละรวดเร็ว ช่วยให้การเเต่งหน้าทำผมของคุณราบรื่นขึ้น
วางเครื่องสำอางไม่ให้โดนแดด
เพราะเเสงแดดทำให้เครื่องสำอางหมดอายุเร็วเเละละลายได้ ดังนั้น ควรเก็บให้พ้นจากแสงแดด โดยควรจัดวางโต๊ะเครื่องเเป้งในที่ที่แสงแดดส่องไม่ถึง หรือหากหลีกเลี่ยงไม่ได้ ควรเก็บเครื่องสำอางไว้ในลิ้นชัก หรือหากล่องใส่เครื่องสำอางเพื่อป้องกันแสงแดด วิธีนี้ยังช่วยให้โต๊ะเครื่องเเป้งดูเป็นระเบียบเรียบร้อยขึ้นอีกเยอะ
แยกเครื่องสำอางใหม่และเก่า
บ่อยครั้งเมื่อสาวๆ เห็นเครื่องสำอางที่ชอบกำลังลดราคา ก็ห้ามใจตัวเองไม่ไหว ต้องซื้อมาสำรองเอาไว้สักหน่อย นำเครื่องสำอางที่ซื้อมาตุนเหล่านี้ไปเก็บไว้รวมกับข้าวของที่ซื้อมาสำรองต่างๆ เช่น สบู่ ยาสีฟัน แปรงสีฟัน กระดาษทิชชู่ ฯลฯ แล้วติดป้ายบอกเอาไว้ว่าเราตุนอะไรไว้บ้าง จะได้ไม่เผลอซื้อซ้ำ
จัดเครื่องสำอางที่ใช้บ่อยไว้ใกล้มือ
เลือกเครื่องสำอางที่ใช้เป็นประจำทุกวันวางไว้ในตำเเหน่งที่หยิบง่าย รวมถึงเครื่องสำอางที่ใกล้หมดอายุจะได้ไม่ลืมใช้ เเละไม่ลืมที่จะทิ้งเมื่อหมดอายุการใช้งาน จะได้ไม่เปลืองเนื้อที่ในการเก็บเครื่องสำอาง ส่วนเครื่องสำอางที่ไม่ค่อยได้ใช้หรือเครื่องสำอางที่ซื้อตุนไว้ สามารถวางไว้ด้านในสุดของลิ้นชัก วิธีนี้จะช่วยให้สาวๆ ประหยัดเวลาในการหาเครื่องสำอางได้เป็นอย่างดี
หมั่นทำความสะอาดแปรงแต่งหน้า
การทำความสะอาดเเปรงเเต่งหน้าเเละอุปกรณ์แต่งหน้าเป็นประจำนั้นจะช่วยให้การเเต่งหน้าราบรื่นขึ้น เพราะอุปกรณ์เเละแปรงเเต่งหน้าที่สกปรกอาจทำให้รู้สึกระคายเคืองผิว แนะนำให้จัดระเบียบแปรงโดยแยกไว้จากเครื่องสำอางหรือสกินแคร์ไปเลยเพื่อสุขอนามัยที่ดี หากใครกลัวว่าจะมีฝุ่นมาเกาะแปรง กล่องอะคริลิกใสที่มีฝาปิดก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจไม่น้อย
เรียงเครื่องสำอางตามเฉดสี
เพื่อความสวยงาม สาวๆ อย่างเราย่อมทำได้ทุกอย่าง เช่น การจัดเฉดสีเครื่องสำอาง จะช่วยให้หาเครื่องสำอางได้ง่ายขึ้น ไม่ต้องเสียเวลาในการหา เช่น วางเรียงลิปสติก หรือบลัชออนจากสีอ่อนไปเข้ม หรืออาจจัดหมวดหมู่เฉดสีเครื่องสำอางเเต่ละชนิดไว้ด้วยกัน เช่นเฉดสีชมพู ส้ม หรือน้ำตาล เพื่อการแต่งหน้าที่อาจต้องการเปลี่ยนเฉดสีอยู่เป็นประจำและง่ายต่อการหา
แน่นอนว่าสาวนักช้อปทั้งหลายคงอดใจไม่ไหวที่จะซื้อของใหม่ๆ ให้ตัวเอง แต่อย่าลืมเช็ควันหมดอายุกันก่อนเพื่อที่จะได้วางแผนใช้ของเดิมกับของใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย
วิธีเช็ควันหมดอายุเครื่องสำอางและสกินแคร์
1. เช็คจากเว็บไซต์ด้วยเลขโค้ด
ในกระปุกครีมหรือตัวผลิตภัณฑ์จะมีเลขโค้ดที่ปั๊มมาไว้อยู่แล้ว เราสามารถนำเลขตัวนี้ไปกรอกลงบนเว็บไซต์ http://checkcosmetic.net โดยใส่ชื่อแบรนด์ที่มีและใส่เลขโค้ดลงไป เพื่อตรวจสอบวันหมดอายุ และที่สำคัญยังสามารถตรวจสอบได้ว่าเครื่องสำอางหรือสกินแคร์ของเราเป็นของแท้หรือไม่ ได้อีกด้วย
2. ตรวจสอบได้จากสัญลักษณ์ที่เขียนไว้
บนตัวผลิตภัณฑ์บางประเภทจะมีสัญลักษณ์เขียนไว้อย่างชัดเจนว่าหมดอายุเมื่อไร ตัวอย่างเช่น 6M 12M 24M ตัวเลขที่ปรากฎจะหมายความถึงเวลาหมดอายุ เช่น 6M เท่ากับหมดอายุหลังเปิดใช้ 6 เดือน โดยส่วนมากจะลงท้ายด้วยตัว M หรือที่แปลว่าเดือนนั่นเอง ดังนั้นถ้าผลิตภัณฑ์ตัวไหนมีระบุสัญลักษณ์เช่นนี้ไว้ ให้จำไว้เลยว่าเรามีอายุการใช้งานของสิ่งนั้นได้เพียงเท่านี้ และถ้าใครกลัวลืม ก็จดวันแรกใช้ผลิตภัณฑ์ไว้เพื่อความชัวร์
3. ตรวจจากวันหมดอายุ และวันที่เริ่มผลิตบนผลิตภัณฑ์
สกินแคร์หรือเครื่องสำอางบางชนิดจะมีระบุวันหมดอายุ และวันเริ่มผลิตไว้ ดังนั้นให้สังเกตสัญลักษณ์บนตัวผลิตภัณฑ์ โดยคำว่า MFG หมายความถึงวันที่ผลิต และ EXP หมายความถึงวันหมดอายุนั่นเอง ดังนั้นเราควรเลือกซื้อเครื่องสำอางหรือสกินแคร์ที่มีวันผลิตไม่เกิน 1-2 ปี จะปลอดภัยที่สุด
4. นับจากวันที่เปิดใช้งาน
สำหรับระยะเวลาของสกินแคร์และเครื่องสำอางนั้นมีอายุการใช้งานในตัวมันเองอยู่ บางชนิด อาจมีอายุเพียงแค่ 3 เดือน บางชนิด 1 ปี และบางชนิดสามารถอยู่ได้ถึง 2 ปี และเมื่อรู้ว่าหมดอายุก็ไม่ควรใช้งานต่อ
อายุการใช้งานของเครื่องสำอางเมื่อเปิดใช้งานแล้ว
- รองพื้น 12-18 เดือน
- คุชชั่น 6 เดือน
- คอนซีลเลอร์ 6-12 เดือน
- บลัชออน 12 เดือน
- แป้งฝุ่น 12 เดือน
- แป้งพัฟ 24 เดือน
- คอนทัวร์ 6-12 เดือน
- อายแชโดว์ 12-24 เดือน
- มาสคาร่า 3-6 เดือน
- อายไลเนอร์ 6 เดือน
- ลิปสติก 12-24 เดือน
แนะนำให้เก็บเครื่องสำอางให้พ้นแสงแดดและเก็บไว้ในที่อุณหภูมิไม่เกิน 35 องศา เพื่อรักษาคุณภาพของเครื่องสำอาง และหมั่นทำความสะอาดฟองน้ำและแปรงแต่งหน้าทุกอาทิตย์เพื่อลดการสะสมของฝุ่นและไม่ให้เกิดความระคายกับผิว
หากยังไม่เปิดใช้ สามารถเก็บเครื่องสำอางไว้ได้นาน 3 ปี นับจากวันที่ผลิต แต่ควรดูเนื้อสัมผัส การแยกชั้น สี และกลิ่น หากเกิดการเปลี่ยนแปลงของเนื้อสัมผัส สี หรือกลิ่นเกิดขึ้น แนะนำว่าไม่ควรนำมาใช้หรือทิ้งไปเลย รวมถึงเครื่องสำอางที่เปิดใช้แล้ว แต่ไม่ได้ใช้บ่อยนัก เหลือเยอะแค่ไหน หรือว่าจะเป็นสีที่หายากแค่ไหน หากเนื้อสัมผัสเกิดการเปลี่ยนแปลง มีการแยกชั้นหรือเนื้อผลิตภัณฑ์แห้งไปหมดแล้ว แนะนำให้ทิ้งไปเลย อย่าเสียดาย ห้ามเติมน้ำเกลือหรืออะไรก็ตามเพื่อชุบชีวิตเครื่องสำอาง เพราะอาจจะเกิดอาการแพ้ตามมาได้
อายุการใช้งานของสกินแคร์เมื่อเปิดใช้งานแล้ว
- โทนเนอร์ 12 เดือน
- เซรั่ม 12 เดือน
- มอยส์เจอไรเซอร์ 12 เดือน
- อายครีม 6 เดือน
- ครีมกันแดด 6-12 เดือน
แนะนำให้เก็บสกินแคร์ให้พ้นแสงแดดและเก็บไว้ในที่อุณหภูมิไม่เกิน 35 องศา เพื่อรักษาคุณภาพของสกินแคร์ หากยังไม่เปิดใช้สกินแคร์สามารถเก็บไว้ได้นาน 3 ปี นับจากวันที่ผลิต แต่ควรดูเนื้อครีม สี และกลิ่นก่อนใช้ หากเกิดการเปลี่ยนแปลงของเนื้อสัมผัส สี หรือกลิ่นเกิดขึ้น แนะนำว่าไม่ควรนำมาใช้และให้ทิ้งไปซะ รวมถึงสกินแคร์ที่เปิดใช้แล้วแต่ไม่ได้ใช้บ่อยนัก หากเนื้อครีมเกิดการเปลี่ยนแปลงให้ทิ้งเลย ห้ามเสียดายเด็ดขาด เพราะอาจจะทำให้เกิดอาการแพ้ได้
สุดท้ายนี้หากไม่มั่นใจว่าเครื่องสำอางหรือสกินแคร์ของเรายังใช้งานต่อได้หรือไม่ สามารถทาผลิตภัณฑ์ไว้บริเวณใต้ท้องแขนเพื่อเช็คดูว่าเราแพ้หรือไม่ แต่ทางที่ดี หากไม่มั่นใจ ควรทิ้งและซื้อใหม่ดีกว่า อย่ามัวแต่เสียดายของ เพราะผลลัพธ์ที่ตามมาจากการใช้ผลิตภัณฑ์หมดอายุ อาจทำให้หน้าและตัวของเราเกิดอาการแพ้ และมีผื่นขึ้น เมื่อถึงเวลานั้นค่าใช้จ่ายในการรักษาคงมากกว่าการซื้อสินค้าตัวใหม่อย่างแน่นอนMa
CREDITS:
STOCK PHOTOS: Makeup Organizer Idea 05 – Andee Layne, Makeup Organizer Idea 01 – Pinterest, Pin Sized Beauty, Makeup Organizer Idea 02 – NBC News, Image by Freepik, Axelle Blanpain
GRAPHIC DESIGNER: Vanicha Limpanastitphon
สามารถติดตามคอนเทนต์อื่นๆ ที่น่าสนใจได้ ที่นี่