ใครไม่แคร์ สกินแคร์! สวยแบบรักษ์โลกด้วย Waterless Beauty เทรนด์ความงามที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมด้วยแนวคิดพึ่งพาการใช้น้ำให้น้อยที่สุด เพื่อรับมือกับวิกฤตขาดแคลนน้ำในอนาคต
จากการคาดการณ์ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า ปริมาณน้ำสะอาดที่สามารถใช้ได้บนโลกใบนี้กำลังจะก้าวเข้าสู่ช่วงวิกฤต และมีความเป็นไปได้สูงว่าโลกของเราจะเผชิญกับสภาวะการขาดแคลนน้ำ ดังนั้นจึงมีการรณรงค์ให้ผู้คนหันมาใช้น้ำอย่างประหยัดมากขึ้น และอุตสาหกรรมความงามที่ใช้น้ำเป็นส่วนผสมหลักถึง 80-95% นั้นก็ได้ตระหนักถึงความสำคัญ และเริ่มพัฒนาการผลิต Waterless Beauty หรือผลิตภัณฑ์ที่ใช้น้ำน้อยลงหรือไม่ใช้น้ำเป็นส่วนผสมมากขึ้น เพื่อการส่งเสริมและอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน
Waterless Beauty คือนวัตกรรมการผลิตผลิตภัณฑ์ความงามที่พึ่งพาการใช้น้ำน้อยลง ทั้งในแง่ของการผลิตและตัวผลิตภัณฑ์ เพื่อรักษาปริมาณน้ำสะอาดเอาไว้ โดยมีหลากหลายรูปแบบ เช่น คลีนซิ่งบาล์ม แป้ง ของแข็ง น้ำมันเข้มข้น บัตเตอร์สำหรับผิวกาย มาส์ก และสามารถนำมาประยุกต์ใช้กับผลิตภัณฑ์ดูแลผิว ผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผม และผลิตภัณฑ์แต่งหน้าได้
Waterless Beauty ดีอย่างไร?
1. ลดปริมาณการใช้น้ำสูงส่งเสริมการอนุรักษ์น้ำเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
หากตรวจสอบส่วนผสมของผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหรือเครื่องสำอาง อาจพบ “น้ำ” เป็นส่วนประกอบแรก น้ำถูกนำมาใช้เป็นส่วนผสมในผลิตภัณฑ์ดูแลผิวและเครื่องสำอางมาเป็นระยะเวลานาน เนื่องจากช่วยให้ความชุ่มชื้นกับผิว ให้สัมผัสในการทาการเกลี่ยที่ดี และสามารถละลายสารที่ละลายน้ำได้ นอกจากนี้ยังเป็นส่วนผสมที่มีราคาไม่แพงอีกด้วย อย่างไรก็ตาม การใช้น้ำเป็นส่วนผสมของผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหรือเครื่องสำอางอาจส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมโดยรวม เป็นผลให้เกิดผลิตภัณฑ์ความงามที่ปราศจากน้ำ หรือ Waterless Beauty นั่นเอง
2. น้ำหนักเบาสะดวกในการขนส่งและพกพา
เนื่องจากสกินแคร์หรือเมคอัพในปัจจุบัน ส่วนใหญ่มีน้ำเป็นส่วนผสมหลัก ซึ่งมีน้ำหนักค่อนข้างเยอะ และพกพายาก อย่างเวลาที่เราต้องการนำบิวตี้ไอเท็มต่างๆ ขึ้นเครื่องบินก็จะมีการจำกัดปริมาณต่อขวดที่สามารถพกพาได้ ทำให้ต้องลำบากในการแบ่งใส่ขวดหรือโหลดใต้เครื่อง ซึ่งปัญหานี้จะหมดไปหากผลิตภัณฑ์ต่างๆ นั้นอยู่ในรูปแบบ Waterless
3. ลดขนาดบรรจุภัณฑ์ช่วยลดพื้นที่ในการจัดเก็บ
ผลิตภัณฑ์แบบ Waterless นั้นจะมีขนาดค่อนข้างเล็กกะทัดรัด ถ้าเทียบกับผลิตภัณฑ์แบบเดียวกันที่เป็นน้ำ และด้วยขนาดที่เล็กนี้จะช่วยลดขนาดบรรจุภัณฑ์ลง ลดปริมาณพลาสติกในการใช้ผลิตบรรจุภัณฑ์ ลดค่าขนส่ง และยังลดพื้นที่จัดเก็บได้ดีอีกด้วย
4. อายุการใช้งานนานขึ้น (กรณีไม่ใส่สารกันเสีย)
ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหรือเครื่องสำอางที่มีน้ำเป็นส่วนประกอบจะไม่คงตัว หากปราศจากสารกันเสียที่ทำหน้าที่ในการฆ่าเชื้อแบคทีเรียและจุลินทรีย์ต่างๆ ซึ่งสารกันเสียมักจะส่งผลต่อความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกันและความผิดปกติของระบบสืบพันธุ์ นอกจากนี้ บางครั้งน้ำนั้นดูเหมือนว่าจะเป็นส่วนผสมที่ให้ความชุ่มชื้น แต่เมื่อน้ำระเหยออกไป ผิวสามารถตอบสนองต่ออิมัลซิไฟเออร์ (Emulsifiers) น้ำหอม (Fragrances) และสารแต่งสี (Colorants) อาจส่งผลให้เกิดสิวและผิวระคายเคืองได้
ดังนั้นการลดปริมาณน้ำลง หรือไม่ใส่น้ำก็จะทำให้แบคทีเรียเติบโตได้ช้าลง และเครื่องสำอางหรือสกินแคร์นั้นก็จะมีอายุการใช้งานที่ยาวนานมากยิ่งขึ้น
5. มีความเข้มข้นสูงมีประสิทธิภาพมากกว่าแบบทั่วไป
โดยปกติผลิตภัณฑ์ทั่วไปจะมีน้ำเป็นส่วนประกอบถึง 80-95% นั่นหมายความว่า สารแอคทีฟสำคัญได้ถูกเจือจางลงไปมาก ซึ่งหากเปรียบเทียบกันแล้วผลิตภัณฑ์ที่มีน้ำน้อยนั้น จะมีความเข้มข้นที่สูงมาก และส่วนใหญ่จะมีประสิทธิภาพมากกว่า การใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีน้ำมากเกินไป อาจกำจัดน้ำมันบนผิวจนส่งผลให้เกิดปัญหาผิวแห้งกร้านตามมา
สำหรับผลิตภัณฑ์ความงามแบบ Waterless Beauty ที่ Padthai.co อยากจะแนะนำสาวๆ ก็คือ Cleansing Powder หรือผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้าแบบผง หรือ ผงล้างหน้า นั่นเอง
ผลิตภัณฑ์นี้มีลักษณะคล้ายๆ กับผงแป้งทั่วไป แต่มีประสิทธิภาพในการทำความสะอาดและขจัดสิ่งสกปรกออกจากผิว โดยผงล้างหน้าเหล่านี้สามารถใช้งานได้ง่ายมาก เพียงแค่เติมน้ำเพียงเล็กน้อยลงไป เพื่อให้ได้ฟองและให้เนื้อสัมผัสที่มีความสม่ำเสมอกัน โดยทั่วไปสาวๆ มักจะคุ้นชินกับผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวแบบดั้งเดิมที่มีส่วนผสมของน้ำอยู่แล้ว ดังนั้นผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดแบบผงก็คือผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดแบบเข้มข้นนั่นเอง
ความดีงามของผงล้างหน้านั้นมาพร้อมคุณสมบัติในการทำความสะอาดที่ยอดเยี่ยม และมาในแพคเกจที่เป็นมิตรต่อการเดินทาง โดยผงล้างหน้าเหล่านี้จะให้การผลัดเซลล์ผิวอย่างอ่อนโยนและให้ประสบการณ์ในการทำความสะอาดแบบใหม่ ซึ่งจะมาในรูปแบบของผงที่จะต้องผสมกับของเหลวก่อนที่จะทาลงบนผิวเพื่อทำความสะอาดผิว อย่างเช่น การลบเครื่องสำอาง, ครีมกันแดด, เหงื่อ, สิ่งสกปรกและน้ำมันบนผิวหน้า
ผงล้างหน้า สามารถปรับผิวของสาวๆ ให้ดูกระจ่างใสได้ อีกทั้งยังช่วยขจัดสิ่งสกปรกและความมันส่วนเกินออกจากผิว นอกจากนี้ยังสามารถให้ความชุ่มชื้นและความเรียบเนียนให้กับผิวได้ดีอีกด้วย
ทำไมต้องเลือกทำความสะอาดผิวด้วยผงล้างหน้า?
หลายคนอาจจะสงสัยว่าดีกว่าโฟมล้างหน้าหรือเจลล้างหน้าอย่างไร? ขอตอบตรงนี้เลยว่าผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่เป็นของเหลวมักจะมีการเจือจาง มีสารกันบูด และมีสารเคมีมากมาย ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดแบบผงนั้นอัดแน่นด้วยเอนไซม์และส่วนผสมที่มีศักยภาพสูง เช่น ข้าว ข้าวโอ๊ต และแร่ธาตุอื่น ๆ ที่ถูกบดมาให้เป็นผง เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผิวแพ้ง่ายเพราะจะผลัดเซลล์ผิวอย่างอ่อนโยน
ซึ่งผลิตภัณฑ์จะมีประสิทธิภาพเมื่อใช้งานด้วยการผสมน้ำเท่านั้น ในการใช้ให้เทผงทำความสะอาดเพียงเล็กน้อยและเติมน้ำลงไปในสัดส่วนที่เหมาะสม เมื่อผลิตภัณฑ์เข้ากันแล้วผลิตภัณฑ์จะกลายเป็นฟองโฟม หลังจากนั้นจึงเริ่มทำความสะอาดได้ตามปกติ นอกจากนี้ ผงล้างหน้ายังพกพาได้ง่าย ใส่ในกระเป๋าเดินทางได้โดยไม่ต้องกลัวว่าจะรั่วไหลหรือถูกโยนทิ้งที่สนามบิน
ข้อดี
- เป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้งานได้ง่ายมาก เพียงแค่ผสมกับน้ำก็สามารถทำความสะอาดผิวได้อย่างปลอดภัย นอกจากนี้ยังสามารถช่วยผลัดเซลล์ผิวได้เป็นอย่างดี
- ด้วยลักษณะที่เป็นผงและน้ำหนักที่เบา ทำให้ใช้พื้นที่น้อย จึงพกพาได้สะดวก และสามารถนำขึ้นเครื่องบินได้
- ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวมักมีส่วนผสมของน้ำซึ่งจะต้องใส่สารกันบูดเข้าไปด้วย ซึ่งบางชนิดเป็นอันตรายและไม่ได้มาจากธรรมชาติ แต่สำหรับผงล้างหน้านั้นจะไม่มีส่วนผสมของน้ำ จึงไม่จำเป็นต้องใส่สารกันบูด และมักมีสูตรที่เป็นธรรมชาติมากกว่า
ข้อเสีย
- ผงล้างหน้ามักจะมีค่า pH สูงกว่าโฟมทั่วไป ดังนั้นจึงต้องใช้โทนเนอร์ที่ปรับค่า pH หลังการทำความสะอาดทุกครั้ง เพื่อให้ชั้นผิวแข็งแรงและให้ความสมดุลกับผิวได้ดี
- ผงล้างหน้าอาจไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับการขจัดคราบเครื่องสำอางแบบกันน้ำ
- ผงล้างหน้าส่วนใหญ่จะมีเนื้อสัมผัสที่นุ่มนวลกว่าสครับทั่วไป แต่หากเลือกผงล้างหน้าแบบมีเม็ดสครับผสมมาด้วย แนะนำว่าไม่ควรสครับเกิน 3 ครั้งต่อสัปดาห์
CREDITS:
PHOTOS: COURTESY OF AMOREPACIFIC, BOBBI BROWN, CHANEL, CLINIQUE, DERMALOGICA, DR.BARBARA STURM, FARMACY, HOLIFROG, MARIO BADESCU, MURAD, ORIGINS, TATCHA
GRAPHIC DESIGNER: Vanicha Limpanastitphon
สามารถติดตามคอนเทนต์อื่นๆ ที่น่าสนใจได้ ที่นี่