แนะนำอัลบัมประจำเดือนมิถุนายน : WATERFALL – B.I — โอบกอดหัวใจที่เปลี่ยวเหงา และทำความรู้จักกับคิมฮันบินให้มากขึ้นผ่านบทเพลงในอัลบัมเต็มชุดแรกของเขาในฐานะศิลปินเดี่ยว
เนื้อหาบางส่วนใน ALBUM OF THE MONTH : WATERFALL – B.I — จดหมายลับจากบีไอถึงไอดี เป็นการตีความส่วนตัวโดยความคิดเห็นของผู้เขียนบทความ และมีการอ้างอิงจากข้อความหรือคำบอกเล่าประกอบจากตัวศิลปิน
ถ้าพูดถึงการคัมแบ็คหรือปล่อยผลงานอัลบัมในรอบเดือนนี้ การคืนวงการเพลงอย่างเต็มตัวของ บีไอ (B.I) หรือ คิมฮันบิน อดีตสมาชิกวง ไอคอน (iKON) คงเป็นสิ่งที่เราไม่พูดถึงไม่ได้ หลังจากช่วงก่อนหน้านี้เขาได้ปล่อยอัลบัมชุด Midnight Blue ออกมาภายใต้สังกัด วัน ทรี วัน เลเบล (131 label) ค่ายเพลงของเขาเอง โดยบริจาคยอดขายและลิขสิทธิ์เพลงเต็มจำนวนให้องค์กรการกุศลไม่แสวงหาผลกำไร World Vision องค์กรช่วยเหลือเด็กด้อยโอกาส
ล่าสุดเขาก็ได้กลับมาทำผลงานเพลงเดี่ยวอย่างเต็มตัวอีกครั้งในอัลบัมชุด Waterfall ที่รวบรวมเอาเรื่องราวและความรู้สึกที่อยู่ตรงกึ่งกลางระหว่างช่วงเวลาเกือบ 2 ปีหลังจากการตัดสินใจออกจากวง ไอคอน (iKON) จนถึงปัจจุบัน ถ่ายทอดออกมาผ่าน 12 บทเพลงที่เขาเขียนทั้งเนื้อร้อง ทำนอง และทำการเรียบเรียงทั้งหมดด้วยตนเอง เช่นเดียวกับตอนที่ทำเพลงเกือบทั้งหมดให้ iKON ตอนที่อยู่ในวง
โดยเพลงในอัลบัมยังคงเสน่ห์และกลิ่นอายอันแสนเป็นเอกลักษณ์ของฮันบิน ในแบบที่ทุกคนคุ้นเคยจากเพลงของ iKON ซึ่งประสบความสำเร็จมาแล้วมากมาย ทั้งจังหวะจะโคนวิธีการร้องและแรป การเลือกใช้จังหวะ (Beat) และเมโลดี้ที่ไม่หวือหวา แต่ฟังสบาย ติดหู และเป็นที่จดจำ ผนวกกับคำร้องที่เลือกใช้คำพูดง่าย ๆ ซื่อตรง แต่บอกเล่าเรื่องราว ความรู้สึกที่อยู่ในเพลงออกมาอย่างตรงไปตรงมา ไม่เสแสร้งปิดบัง และในหลาย ๆ ครั้ง เขาก็ช่างเปรียบเปรยเหมือนกำลังเสกสรรค์บทกวี
ด้วยความที่เพลงในอัลบัมถูกใช้เล่าถึงเรื่องราวในช่วงเวลาที่เขาหายหน้าหายตาจากวงการเพลง มันจึงเต็มไปด้วยความสับสน เปล่าเปลี่ยว และเป็นเสมือนจดหมายรักลับ ๆ ที่ถูกเขียนขึ้นเพื่อส่งข้อความไปหาแฟนคลับของเขา เพื่อแบ่งปันความรู้สึกที่ท่วมท้น รวมถึงเรื่องราวและช่วงเวลาที่ยากเย็นของเขาออกมาให้ทุกคนได้รับรู้โดยไม่เขินอาย
วันนี้ Padthai.co จึงเลือกหยิบบางเพลงจากอัลบัม Waterfall มาเล่าให้ทุกคนฟัง ว่าคิมฮันบินเลือกถ่ายทอดเรื่องราวอะไรลงในจดหมายลับถึงแฟน ๆ ฉบับนี้บ้าง
Track 1 : waterfall
เพลง Waterfall เป็นเพลงอินโทรของอัลบัมในชื่อเดียวกันที่ทำหน้าที่เป็นเสมือนจุดเริ่มต้นและบทสรุปเรื่องราวทั้งหมดในอัลบัมเต็มชุดนี้ โดยฮันบินเลือกปล่อย LIVE FILM ของเพลงนี้ออกมาเป็นเพลงแรกทางช่องยูทูบของเขา เพื่ออุ่นเครื่องก่อนที่จะปล่อยมิวสิควีดีโอเพลงไตเติ้ลอย่าง illa illa และเปิดวางขายอัลบัมเต็ม
ใน LIVE FILM เราจะได้เห็นฮันบินยืนอยู่ท่ามกลางทุ่งหญ้าที่ว่างเปล่าในเวลากลางคืน และมีเพียงแสงสปอร์ตไลท์ดวงเดียวเท่านั้นที่สาดส่องลงมาอย่างตัวเขาที่กำลังร้องและเคลื่อนไหวไปรอบ ๆ อย่างอิสระ
โดยเนื้อหาในเพลง Waterfall เปรียบเปรยตัวเองเป็นเหมือนน้ำตก ที่มีจุดเริ่มต้นคือการร่วงหล่นจากที่สูงลงสู่เบื้องล่าง เช่นเดียวกับตัวเขาและสถานการณ์หลังตัดสินใจออกจากวง iKON แต่สายน้ำนั้นก็ยังคงไหลไปอย่างไม่หยุดนิ่ง ไม่ย้อนกลับ ไม่มีสิ่งใดสามารถหยุดยั้งสายน้ำได้ และมันพาเราเดินทางสู่เพลงถัดไปซึ่งเป็นเพลงไตเติ้ลประจำอัลบัมอย่าง illa illa
Track 2 : illa illa
illa illa หรือ 해변 (해변 แฮ-บยอน ในภาษาเกาหลีแปลว่า ชายหาด) ถูกเลือกให้เป็นเพลงไตเติ้ล เพราะเป็นเพลงแรกในอัลบัมที่ฮันบินเขียนขึ้น และด้วยความที่เป็นเพลงแรกที่ถูกเขียนขึ้นในตอนที่ยังไม่เห็นภาพรวมของเนื้อหาเพลงทั้งหมดในอัลบัม ทำให้โฟลวของเพลงและเนื้อเพลงยังคงมีความไม่สมบูรณ์แบบเท่าที่คิดไว้ และอัดแน่นไปด้วยความกังวลที่สะท้อนออกมาผ่านถ้อยคำที่เขาเลือกใช้
ฮันบินได้เปิดเผยผ่านคลิป Countdown Live ในช่องยูทูบของเขาเองที่เล่าให้ฟังถึงเบื้องหลังของอัลบัมนี้ว่า เพลง illa illa ถูกเขียนขึ้นหลังจากที่เขาห่างหายจากการแต่งเพลงไปนาน และได้ไอเดียของเพลงนี้ขณะที่กำลังอาบน้ำ แม้เนื้อหาของเพลงบางช่วงจะยังขาดความปะติดปะต่อ แต่เขามองว่าความไม่สมบูรณ์แบบของเพลงนี้เป็นข้อดี เพราะมันคือการแสดงออกถึงความกังวลหรือสับสนที่ตัวเขามีอย่างจริงใจ และตรงไปตรงมาให้ผู้ฟังได้เห็นอย่างไม่ปิดบัง
เพลง illa illa มียอดเข้าชมมิวสิควีดีโอบนยูทูบกว่า 20 ล้านวิว หลังจากปล่อยเพลงได้เพียง 3 สัปดาห์ โดยช่วงเริ่มต้นของมิวสิควีดีโอ ในฉากแรกเราจะได้เห็นฮันบินโผล่พ้นขึ้นมาจากผืนน้ำทะเล และมองไปรอบ ๆ อย่างตระหนกและเหนื่อยล้า โดยเสื้อผ้าที่เขาสวมคือชุดเดียวกันกับที่ปรากฏใน Waterfall Intro Film ซึ่งสื่อความหมายว่าเขาคือน้ำตกที่ร่วงหล่นจากที่สูงและลงมาสู่มหาสมุทร
มันจึงเป็นการอุปมาอุปมัยที่แสนแยบคาย เพราะในเพลง illa illa มีเนื้อเพลงที่พูดว่า แขนเสื้อของเขากลายเป็นเหมือนชายหาดที่เปล่าเปลี่ยว เพราะเขาใช้แขนเสื้อเช็ดน้ำตาของตัวเอง มันจึงกลายเป็นเหมือนกับมหาสมุทรนั่นเอง
เขาเลือกเชื่อมโยงสุนทรียะของ น้ำตก – ทะเล – น้ำตา เข้าด้วยกันออกมาเป็นตัวเขา โดยมี คลื่น (Waves) ที่นอกจากจะหมายถึงคลื่นลมในทะเล มันยังหมายถึงเสียงดนตรี เข้ามาผูกทุกอย่างไว้ด้วยกัน โดยเลือกใส่ภาพของคลื่นเสียงในเพลงของเขาเข้ามาในช่วงท้ายของมิวสิควีดีโอ เพื่อใส่อีสเตอร์เอ้กเล็ก ๆ เอาไว้ด้วย
Track 3 : Daydream (feat. LeeHi)
Daydream เป็นเพลงที่ได้นักร้องสาวอดีตเพื่อนร่วมค่ายอย่าง ลี ฮา-อี (Lee Hi) มาร่วมร้อง หลังจากเคยทำงานด้วยกันมาแล้วในเพลง NO ONE ของฮาอีเอง ซึ่งนับเป็นเพลงสุดท้ายของทั้งเขาและเธอในฐานะศิลปินของค่าย YG ENTERTAINMENT ในครั้งนี้ทั้งสองจึงกลับมาทำงานร่วมกันอีกครั้ง เพื่อสานต่อผลงานร่วมกันจากครั้งที่แล้ว
เนื้อหาของเพลง Daydream พูดถึงฝันกลางวันและความทะเยอทะยานตั้งใจใฝ่ฝันของวัยรุ่น โดยผู้เขียนตีความว่ามันหมายถึงช่วงเวลาที่เขาได้อยู่ร่วมกับวง iKON ในฐานะหัวหน้าวงนั่นเอง เพราะแม้การที่เขาเลือกถอนตัวจากวง จะทำให้รู้สึกว่าช่วงชีวิตที่ผ่านมาเหมือนเป็นเพียงแค่การหลับและฝันไป แต่เมื่อมาทบทวนดี ๆ อีกครั้งการได้เป็นศิลปินก็คือความใฝ่ฝันของเขามาโดยตลอดจริง ๆ โดยไม่ลืมเขียนทิ้งท้ายเป็นเชิงตั้งคำถามถึงแฟนคลับว่า ‘คุณที่กำลังเศร้าสร้อยอยู่ตรงนั้นจะเข้าใจไหมนะว่าทำไมผมถึงต้องจากมา’
เนื้อเพลงที่เรียบง่ายและใช้ถ้อยคำที่ใสซื่อ เมื่อผนวกกับเสียงร้องโทน Mezzo-Soprano (เสียงผู้หญิงที่มีช่วงไพเราะในช่วงกลาง) ที่มีลักษณะเด่นคือเนื้อเสียงนุ่มกังวาล และเต็มไปด้วยมิติทางอารมณ์ของฮา-อี ทำให้เพลง Daydream กลายเป็นอีกเพลงหนึ่งที่ช่วยบอกเล่าและสื่อสารเรื่องราวความรู้สึกของฮันบินเกี่ยวกับ iKON และความฝันในการเป็นนักร้องของเขาออกมาอย่างสมบูรณ์ ว่าความทรงจำในตอนนั้นแม้จะเหมือนกับฝันไป แต่ก็งดงามและเป็นความทรงจำที่เขาจะไม่ลืม
Track 4 : Numb
ถ้าหากเพลง Daydream ถ่ายทอดเรื่องราวและความรู้สึกนึกคิดที่มีต่อชีวิตการเป็นบอยแบนด์ ส่วน illa illa และ Waterfall พูดถึงการร่วงหล่นและเติบโตก้าวพ้นวัย ในแทร็คต่อมาอย่าง Numb ก็เป็นท่วงทำนองที่เล่าถึงความรู้สึกว่างเปล่า ตื้อตัน หลังจากต้องแบกรับความรู้สึกเศร้าโศกและปัญหาที่ถาโถมเข้ามา จนสุดท้ายกลายเป็นความเฉยชาเพราะไม่รู้จะต้องตอบสนองกับสิ่งที่เข้ามาอย่างไรและภาวะนี้ก็ค่อย ๆ กลืนกินความมั่นใจหรือตัวตนของเขาไปทีละนิด
ซึ่งฮันบินก็ถ่ายทอดความรู้สึกนั้นออกมาเป็นเพลงที่จังหวะค่อนข้างเร็วและมีกลิ่นอายความเป็นร็อคโดยเน้นเสียงกลองชุดในเพลงอย่างชัดเจน ทำให้เพลง Numb เป็นเพลงที่ไม่เศร้าหรือหดหู่จนเกินไป แต่ในขณะเดียวกันเนื้อร้องที่เต็มไปด้วยอารมณ์ ก็ปิดบังความเจ็บปวดที่เขาเคยมีในช่วงเวลาหนึ่งไว้ไม่มิด
Track 7 : Help Me
ถ้าหากจะมีเพลงใดในอัลบัม Waterfall ที่พูดถึงความอ่อนแอและช่วงเวลาที่ยากลำบากของฮันบินได้อย่างชัดเจนที่สุดมั่นใจว่าแฟนคลับหลาย ๆ คน คงตกลงใจเลือกเพลง Help Me อย่างพร้อมเพรียง เพราะเนื้อหาในเพลง เป็นเสมือนข้อความ S.O.S เพื่อขอความช่วยเหลือจากใครสักคนที่กำลังฟังอยู่ให้ช่วยฉุดเขาขึ้นมาจากความมืดมนที่กำลังเจอในช่วงเวลาหนึ่ง
Help Me เล่าถึงช่วงเวลาที่อ่อนแอของเขาผ่านประโยคง่าย ๆ ที่ไม่ซับซ้อน แต่ชัดเจนและตรงประเด็น ทั้งการ ’เปรียบตัวเองเป็นคนขี้โกหก ที่บอกครอบครัวว่าตัวเองสบายดี’ ทั้งที่ภายในใจข้างในเต็มไปด้วยความสับสน เจ็บปวดและว้าเหว่ และเนื้อเพลงท่อนฮุคที่บอกว่าในช่วงเวลาหนึ่ง ‘เขาเคยเจ็บปวด ไม่มีความสุข ต่อให้เขาพยายามฝืนยิ้ม แต่ก็ไม่ทำให้เขามีความสุขอยู่ดี’
เพลงเหล่านี้จึงเป็นเสมือนบันทึกการเดินทางบนเส้นทางที่ยาวไกลและยากลำบากของเขาในระหว่างที่หายหน้าจากวงการเพลงไป รวมทั้งประโยคที่ทุกคนจดจำและพูดถึงอย่าง ‘ผมไม่อยากจะมีชีวิตอยู่อีกแล้ว ไม่ได้อยากตาย แต่ก็ไม่ได้อยากจะมีชีวิตอยู่’ เป็นถ้อยวลีที่ตรงไปตรงมาและเต็มไปด้วยความกล้าหาญ ที่เขาเลือกจะเขียนมันลงไปในเพลงอย่างไม่เก้อเขิน เพื่อยอมรับว่า ณ ช่วงเวลาหนึ่ง ตัวเขาเคยเผชิญหน้ากับความรู้สึกเหล่านี้จริง ๆ
Track 8 : Remember Me
Remember Me นับเป็นหนึ่งในเพลงที่สดใสและมีกลิ่นอายที่คล้ายคลึงกับเพลงดังของ iKON ที่ฮันบินเป็นคนเขียนอย่าง Love Scenerio และ Rubber Band ไม่ว่าจะเป็นซาวด์ที่ใช้ ไปจนถึงจังหวะจะโคนในการร้องและแร็ป ก็ทำให้อดคิดถึงบรรยากาศเก่า ๆ ไม่ได้
โดยเพลงนี้ก็มีเนื้อหาตรงตามชื่อเพลง คือการตั้งคำถามปนตัดพ้อไปถึงคนที่กำลังฟังอยู่ (ซึ่งก็แน่นอนว่าหมายถึงแฟนคลับของเขา!) ให้ช่วยจดจำเขาไว้ได้หรือเปล่า เพราะหากทุกคนลบเลือนเขาออกไปจากความทรงจำ เมื่อนั้นเขาก็คงจะหายไปจากโลกใบนี้เป็นแน่แท้
ไอเดียในท่อนฮุคนี้ทำให้เราบังเอิญนึกถึงเรื่องราวในการ์ตูนแอนิเมชั่นเรื่อง Coco (2017) ของดิสนีย์ พิกซ่าร์ ที่เล่าถึงเทศกาลวันรำลึกถึงผู้ล่วงลับ (เดีย เด โลส มูเอรโตส Día de los Muertos/ Day of the Dead) ของชาวแม็กซิกัน ซึ่งลูกหลานจะทำการไหว้ภาพถ่ายของบรรพบุรุษและโปรยดอกไม้ไว้ตามทางเดินสู่บ้าน เพื่อให้บรรพบุรุษที่ล่วงลับไปแล้วกลับมาเยี่ยมบ้านได้ แต่ถ้าหากไม่มีใครบนโลกนี้จดจำหรือรำลึกถึงอีกต่อไปแล้ว ผู้ล่วงลับก็จะไปสู่การตายครั้งสุดท้าย คือการล้มหายตายไปจากความทรงจำของผู้คน
นอกจากเนื้อหาจะคล้ายคลึงกับคอนเซ็ปต์และสิ่งที่ท่อนฮุคของเพลง Remember Me พยายามจะพูดกับเราแบบอ้อม ๆ แล้ว ในเรื่อง Coco เองก็มีเพลงประกอบสุดซึ้งที่ชื่อเพลง Remember Me เช่นกัน! แต่ไม่ว่าฮันบินจะได้แรงบันดาลใจมาจากภาพยนตร์การ์ตูนเรื่องนี้หรือเปล่า พวกเราก็ล้วนปฏิเสธไม่ได้ว่าเพลง Remember Me นั้นน่ารักเสียจนแฟน ๆ ไม่อาจจะใจร้ายลืมเขาได้ลงจริง ๆ
Track 11 : Then
คนที่ติดตามฮันบินอย่างใกล้ชิดมาตลอดน่าจะคุ้นเคยกับเพลง Then เพราะเพลงนี้เป็นเพลงที่เขาปล่อยออกมาผ่าน Soundcloud ส่วนตัวในชื่อ Demo1 หลังจากประกาศถอนตัวจากวงและเงียบหายไปนานกว่าครึ่งปี มันจึงเป็นเพลงที่แฟน ๆ หลายคนฟังซ้ำแล้วซ้ำเล่ามาเป็นร้อย ๆ รอบ ก่อนที่เขาจะปล่อยอัลบัม Waterfall ออกมา และเรียบเรียงเพลงนี้ใหม่ในชื่อ Then
เพราะเนื้อเพลงถูกเขียนขึ้นในช่วงเวลาที่เขากำลังสับสนและว้าเหว่ มันจึงสะท้อนถึงความรู้สึกเดียวดายในตัวเขาออกมาได้อย่างไม่ปิดบัง และฮันบินก็ได้กล่าวเสริมถึงเพลงนี้ว่าที่ผ่านมา ช่วงเวลาที่หายหน้าหายตาไปและไม่ได้พบปะพูดคุยกับแฟน ๆ ทำให้เขาตั้งคำถามว่าตัวเองคู่ควรแล้วหรือยังกับความรัก ความห่วงใย และแรงสนับสนุนจากทุก ๆ คนจนกลั่นกรองออกมาเป็นเพลง Then นั่นเอง
จากวันนั้นจนถึงวันนี้ ดูเหมือนว่าตัวเขาเองก็ได้รับคำตอบแล้วว่า ‘ความรักและห่วงใยที่แฟน ๆ มีให้เขาอย่างไม่มีเงื่อนไขคือสิ่งที่ทำให้เขาสามารถเริ่มต้นก้าวต่อไปข้างหน้าได้อีกครั้ง และตัวเขาก็อยากจะมอบความรักเหล่านี้ตอบกลับคืนไปให้กับแฟน ๆ ของเขาให้ได้มากเท่า ๆ กันกับที่รับมา’ อย่างที่เขาเขียนไว้ในจดหมาย Secret Letter ซึ่งถูกใส่มาในแผ่นซีดีของอัลบัม Waterfall
Then จึงเป็นเสมือนกับหมุดหมายหนึ่งที่บอกเล่าถึงความผูกพันและความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นระหว่างเขาและแฟนคลับมีต่อกัน ซึ่งถูกบันทึกเอาไว้เป็นส่วนหนึ่งของอัลบัมเดี่ยวชุดนี้อย่างงดงาม
Track 12 : Re-Birth
เพลงสุดท้ายของอัลบัมเป็นการสรุปเรื่องราวในทุก ๆ อย่าง เพราะ Re-Birth ถูกเขียนขึ้นเพื่อกลุ่มแฟนคลับของเขาเองโดยเลือกใช้บีทและทำนองที่เรียบง่ายและเน้นไปที่เนื้อเสียงของฮันบินเป็นหลัก เพื่อสื่อสารเรื่องราวและอารมณ์ความรู้สึกที่เขาต้องการจะเล่า
โดยเนื้อหาในเพลง Re-Birth พูดทำนองว่า ‘ต่อให้เกิดชาติหน้า ไม่ว่าจะอย่างไร ก็จะตามหา ‘คุณ’ ให้เจออีกครั้ง และไปอยู่เคียงข้างคุณเสมอ‘ และเปรียบเปรยเหมือนบทกวีว่า ‘หากชาติหน้าแฟนคลับเกิดเป็นดอกไม้ เขาก็จะขอเป็นสายลมที่พัดไปหา เพื่อจะได้อยู่เคียงข้างทุก ๆ คนตลอดไป’
โดยฮันบินเลือกปล่อยเพลงนี้โดยมีชื่อจดทะเบียนเจ้าของเพลงว่า บี ไอเดนติตี้ (Be Identity) ซึ่งก็หมายถึงเหล่า ไอดี(ID) ที่เป็นชื่อของกลุ่มแฟนคลับ เพื่อบอกกับทุกคนว่าบทเพลงนี้คือบทเพลงของทุก ๆ คนอย่างแท้จริง และเป็นบทส่งท้ายของอัลบัม Waterfall ที่มาปลอบประโลมผู้ฟังของเขาไม่ให้ต้องกังวลหรือกลัวว่าเขาจะหนีหายไปไหนอีก เหมือนเป็นคำสัญญา ตามเนื้อเพลงในท่อนฮุคที่บอกว่า ‘แล้วเราจะได้กลับมาพบกันอีกครั้ง (또 만나 우리)’ นั่นเอง
ติดตามฟังเพลงในอัลบัมชุด Waterfall ได้แล้ววันนี้ทุกช่องทางสตรีมมิ่ง และติดตามคอนเท้นต์ใหม่ ๆ ที่น่าสนใจจากฮันบิน เช่น เบื้องหลังการถ่ายทำมิวสิควีดีโอ, VLOG ชีวิตประจำวันของฮันบินในชื่อ BI-LOG รวมทั้งคลิป VISUALIZER ประกอบเพลงทั้งหมดในอัลบัมได้ที่ช่องยูทูบของ 131 Label Official
CREDITS:
PHOTOS: COURTESY OF 131LABEL OFFICIAL
สามารถอ่านคอนเทนต์อื่น ๆ ที่น่าสนใจได้ที่
- ENTERTAINMENT UPDATE: อัปเดตข่าววงการเพลง ประจำเดือนเมษายน
- ENTERTAINMENT UPDATE: อัปเดตข่าววงการเพลง ประจำเดือนพฤษภาคม
- ALBUM OF THE MONTH : POPSTAR – MAIYARAP
- Rosé FIRST SINGLE ALBUM -R- เดบิวต์โซโล่สุดปัง
- ทิ้งทวนชีวิตวัย 20! IU ปล่อยอัลบัมชุดที่ 5 LILAC บันทึกเรื่องราวในชีวิต ก่อนการเติบโตครั้งใหม่จะเริ่มต้น
- NCT DREAM — HOT SAUCE : บันทึกบทใหม่ของ 7 หนุ่มจากยูนิตแห่งความฝัน
