Van Cleef & Arpels เสนอนาฬิกานางฟ้าบอกเวลารุ่นทองคำสีกุหลาบ หรือ Lady Féerie Or Rose
Van Cleef & Arpels (แวนด์ คลีฟ แอนด์ อาร์เปลส์) ยกย่องความงดงามของเหล่าเทพธิดานางฟ้าตั้งแต่ปีค.ศ.1940 ผ่านการสร้างสรรค์ที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ชวนฝัน โดยในครั้งนี้เมซงเผยโฉมนาฬิกา “นางฟ้าบอกเวลา” หรือ Lady Féerie watch ด้วยสีชมพูสลับเฉด เติมเต็มความครบครันของคอลเลกชันนาฬิกานางฟ้าบอกเวลา จากโครงสร้างกลไกต้นแบบตามธรรมเนียมนาฬิกาข้อมือ Poetic Complications นาฬิกานางฟ้าเรือนนี้หลอมรวมความชำนาญแขนงต่างๆ ทางด้านการผลิตนาฬิกาเข้ากับงานหัตถศิลป์ผสานงานฝีมือหลากแขนงมาอยู่บนกรอบตัวเรือน ทักษะในการผลิตนาฬิกางานเครื่องประดับอัญมณีและหัตถศิลป์ล้ำค่าอันล้วนหาได้ยาก ก่อกำเนิดขึ้นเป็นชิ้นงานสร้างสรรค์ที่วิจิตรบรรจงดุจเนรมิต ความงดงามหรูหราของนาฬิกานางฟ้าบอกเวลารุ่นทองคำสีชมพู Lady Féerie Or Rose (เลดี เฟรี ออร์โรส) จากการจัดวางสัดส่วนอย่างอ่อนช้อย ละเมียดละไม ความวิจิตรตระการตาบนหน้าปัด ที่มีประติมากรรมนางฟ้าทำหน้าที่บอกเวลา ผ่านการเคลื่อนตัวของไม้คฑากายสิทธิ์ในมือของนางฟ้าท่ามกลางประกายแสงระเรื่อดุจผืนฟ้ายามอัสดง
ประติมากรรมนางฟ้าปรากฏกายในท่านั่งอยู่บนปุยเมฆทำจากแผ่นมุกขาวทอประกายเหลืองรุ้ง ประดับอาภรณ์ทองคำฝังเพชร ไพลินสีชมพูและงานลงสีจิตรกรรมย่อส่วน เผยความวิจิตรอันซับซ้อนจากงานลงยาลายฉลุหรือ plique-à-jour (ปลิกาฌูร) สีชมพูโปร่งแสงร่วมกับงานลงยาทึบแสงสีชมพู จากการใช้งานออกแบบเดียวกันกับชิ้นงานรุ่นต้นแบบของเมซง ผ่านเทคนิคต่างๆ เหล่านี้ ที่มีลูกเล่นระหว่างแสงกับความโปร่งใสทวีความคมชัดทางรายละเอียดจากงานฝังเพชรย้ำลายของงานลงยา ภายใต้สัดส่วนโค้งเว้าอ่อนช้อยของลำตัวอิสตรี ทำหน้าที่บอกเวลานาทีด้วยไม้คฑากายสิทธิ์ ในขณะที่พระอาทิตย์คล้อยดวงลับขอบฟ้า เผยให้เห็นเลขชั่วโมงผ่านช่องหน้าต่างบนแผ่นมุกท่ามกลางรัศมีเรืองรอง
ตัวเรือนนาฬิกาขนาด 33 มิลลิเมตร ที่มีลูกเล่นอย่างมีชั้นเชิงจากการใช้แผ่นแก้วไพลินทรงกลมเป็นฝาประกบหลัง ยังอำนวยต่อการลำเลียงวิถีแสงสะท้อนกลับให้เพิ่มระดับความสว่างเผยให้เห็นรายละเอียดการทำงานสามมิติของระบบกลไกทั้งหลายในโครงสร้างทรงกลมของนาฬิการุ่นนี้ได้อย่างชัดเจน หน้าปัดแสดงให้เห็นถึงเทคนิคชั้นสูงด้วยประติมากรรมนางฟ้า ทำหน้าที่บอกเวลานาทีผ่านการเคลื่อนตัวของไม้คฑากายสิทธิ์ในมือและแสดงชั่วโมงเวลาผ่านช่องหน้าต่างบนแผ่นมุกที่เสมือนพระอาทิตย์กำลังจะเคลื่อนลับขอบฟ้า สำหรับงานลงยาลายฉลุ หรือ plique-à-jour บนส่วนของปีกนางฟ้านั้น ก็ต้องอาศัยงานผสมสีพิเศษโดยช่างฝีมือลงยาของ Van Cleef & Arpels โดยเฉพาะ เพื่อให้ได้เฉดชมพูที่เป็นเอกลักษณ์อันกลมกลืนกับสรรพสีบนหน้าปัดได้อย่างงดงาม
หน้าปัดนาฬิกาแสดงให้เห็นสารพันเทคนิคชั้นสูง จากการกระบวนการพัฒนาขึ้นของแผนกห้องปฏิบัติการผลิตนาฬิกาข้อมือของ Van Cleef & Arpels กรุงเจนีวา บนพื้นฉากหลังทำจากแผ่นแม่มุกสลักลาย คืองานลงรายละเอียดโดยใช้สีสันไม่น้อยกว่าสี่เฉดจากขาวเหลือบมุกไปจนถึงม่วงลูกพลัมเข้มล้ำลึกตัดกับสีแชมเปญอ่อนโยน และชมพูฟูเชียเจิดจ้า เป็นจิตรกรรมภาพผืนฟ้ายามสนธยาทอประกายแสงระเรื่อเรืองรอง ช่างหัตถศิลป์ของเมซงต้องทำการลงสีปรับเฉดไม่น้อยกว่าสิบขั้นตอนเพื่อให้ได้การไล่ระดับเฉดโทนสีอย่างอ่อนโยน ในขณะเดียวกัน สำหรับงานลงยาลายฉลุ (plique-à-jour) บนส่วนของปีกนางฟ้านั้น อาศัยงานผสมสีพิเศษเป็นการเฉพาะ โดยช่างฝีมือลงยาของ Van Cleef & Arpels เพื่อให้ได้เฉดชมพูเอกลักษณ์ที่กลมกลืนกับสรรพสีหน้าปัดอย่างงดงามมอบความแม่นยำและเที่ยงตรงในการทำหน้าที่ด้วยระบบขึ้นลานในตัวโดยอัตโนมัติร่วมกับกลไกตัวเลขบอกชั่วโมง (jumping hours) และเข็มนาทีตีกลับ (retrograde minutes) ผ่านความประณีต พิถีพิถันระดับสูงทางงานออกแบบ ประกอบชิ้นส่วนเพื่อให้ระบบขับเคลื่อนของฟันเฟืองและกลไกอันซับซ้อนทั้งหลายที่ติดตั้งอยู่ภายในตัวเรือน เมื่อพลิกไปด้านหลังสรรค์สร้างเผยการทำงานของระบบกลไกอย่างชัดเจน ในส่วนของจานเหวี่ยง คืองานแกะสลักจำลองทัศนียภาพผืนฟ้ายามราตรีประดับจันทร์เต็มดวงท่ามกลางละอองดาวระยับแสง ภายใต้ฝาครอบหลังทำจากแก้วไพลิน (sapphire glass) ประดับงานลงยาเป็นทิวเมฆทอประกายวิบวับละมุนตาความงดงามหรูหราของนาฬิกานางฟ้าบอกเวลารุ่นทองคำสีชมพู
CREDITS:
PHOTOS: COURTESY OF VAN CLEEF & ARPELS