Van Cleef & Arpels ได้แรงบันดาลใจจากการเดินทางผ่านเมืองแห่งประวัติศาตร์ สัมผัสธรรมชาติอันงดงามของเทือกเขาแอลป์สู่การรังสรรค์เครื่องประดับอันเลอค่าอย่าง Le Grand Tour The Alps
Van Cleef & Arpels l Le Grand Tour The Alps Van Cleef & Arpels (แวน คลีฟ แอนด์ อาร์เปลส์) ได้แรงบันดาลใจจากการเดินทางผ่านเมืองแห่งประวัติศาตร์มาสร้างสรรค์เครื่องประดับอันเลอค่า ซึ่งถือว่าเป็นคอลเลกชันอันโดดเด่นในปี 2023 จากทิวทัศน์ธรรมชาติอันงดงามของทะเลสาบ ท้องฟ้าและเทือกเขาแห่งแอลป์ ทั้งสีฟ้าของทะเลสาบที่อยู่ระหว่างริมฝั่งสีเขียวหลากเฉดสี อันมีฉากหลังเป็นเทือกเขาตั้งตระหง่านเฉียดฟ้า แบรนด์ได้นำเอาแรงบันดาลใจจากธรรมชาติอันงดงามเกินจินตนการมาถ่ายทอดและรังสรรค์เครื่องประดับในคอลเลกชันนี้ได้อย่างสวยงาม
Regina montium
สร้อยคอ Regina Montium (เรชินา มอนติยุม) หรือ “ราชินีแห่งภูเขา” คู่รัตนชาติประกายแสงเจิดจรัส ความอลังการของยอด “ริจิ” แห่งเทือกเขาแอลป์ จากการประดับพลอยทุรมาลี หรือ ทัวร์มาลีนสีเขียวอมน้ำเงิน เจียระไนทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัสมุมมน น้ำหนัก 16.26 กะรัต ณ จุดศูนย์กลางด้านหน้าตัวเรือนแถบสร้อยคอ (โชคเกอร์) อยู่เหนือทุรมาลีเม็ดที่สองในเฉดเดียวกันด้วยงานเจียระไนทรงวงรี น้ำหนัก 27.70 กะรัต บนโมทิฟรูปทรงกรวยแหลมเสมือนยอดเขาเป็นจี้ประดับ ซึ่งสามารถปลดออกได้ ความกลมกลืนของเฉดสีรัตนชาติทั้งสองตำแหน่งทวีความโดดเด่น ท่ามกลางประกายระยิบระยับของเพชรน้ำสลับสีฟ้า น้ำเงิน และม่วงของไพลินต่างโทน พลอยทะเลอะความารีน และแก้วอัญชันแทนซาไนต์ รัตนชาติหลากสีที่ประดับบนตัวเรือนแถบสร้อยคอ โมทิฟชิ้นกลางและโมทิฟจี้สร้อยคอ ผ่านการคัดสรรจากนักอัญมณีวิทยาผู้เชี่ยวชาญของ Van Cleef & Arpels เพื่อมอบคุณภาพการสะท้อนแสงตกกระทบความสว่างและความงดงามของน้ำพลอย รวมทั้งเนื้อสีจากทุรมาลีทั้งสองตำแหน่งให้จรัสประกายกระจ่างสุกเหนือสิ่งอื่นใด ภาพรวมของการออกแบบเสมือนพรรณนาโวหารถึงทัศนียภาพ อันตระการตาของเทือกเขาหิมะ โดยเฉพาะทะเลสาบลูเซิร์นเมื่อมองลงมาจากยอดเขาริจิในสวิตเซอร์แลนด์ ตามถ้อยรจนาในเรื่องสั้น Lucerne ของลีโอ ตอลสตอย ประพันธกรเพชรน้ำเอกแห่งรัสเซียเมื่อปี 1857 ที่ว่า
“พอขึ้นไปถึงห้องพัก และเปิดหน้าต่างออกไปพบกับทะเลสาบ ความงดงามของผืนฟ้า, เทือกเขา และแผ่นฟ้า ทำให้ผมถึงกับปีติ และตื้นตันในทันที ณ แรกเห็น…ทะเลสาบแผ่ไพศาลอยู่ระหว่างริมฝั่งเขียวขจีหลากเฉด… เบื้องหลังไกลออกไปคือเทือกเขาลดหลั่นกันเป็นชั้นๆ ต้องแสงทอประกายเรืองรองสีม่วงไลแล็กอ่อนละมุน ในขณะที่ยอดบนสูงตระหง่านเสียดฟ้าเต็มไปด้วยหินผาสลับซับซ้อนอยู่ภายใต้หิมะขาวโพลน และทุกสรรพสิ่งต่างตกอยู่ภายใต้บรรยากาศสีฟ้าใส ให้ความรู้สึกสดชื่น และเบิกบานอย่างแท้จริง…”
Étoile des glaciers
Étoile des glaciers (เอตวล เดส์ กลาซิเอรส์) หรือเข็มกลัด “ดอกเอเดลไวส์” ได้แรงบันดาลใจจากดอกไม้ป่า “เอเดลไวส์” สัญลักษณ์แห่งเทือกเขาแอลป์และประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ที่กำลังผลิกลีบแย้มบานอยู่บนเทือกเขาสูง สู่การรังสรรค์ความงดงามของไม้ดอกสายพันธุ์อันแสนหายาก เจ้าของกลีบรูปทรงเรียวแหลมเรียงวงดอกเสมือนแฉกดาว จนได้รับการขนานนามให้เป็น “หมู่ดาวแห่งธารน้ำแข็ง” แต่ละชิ้นส่วนนำมาประกอบกันขึ้นเป็นผลงานชิ้นนี้ ล้วนผ่านการประดิษฐ์และตกแต่งอย่างพิถีพิถันในรายละเอียด รวมทั้งการจัดวางตำแหน่งบนโครงสร้างหลัก ความสว่างของเพชรเหลืองเจิดจรัสตัดกับสีน้ำเงินของไพลินอย่างงดงามประกายสว่างแสงสะท้อนจากหลากหน้าตัด และเหลี่ยมมุมเพชรเจียระไนหลายรูปแบบ ของทรงกลมจนถึงทรงหยดน้ำ สี่เหลี่ยมจัตุรัสและเม็ดข้าวสาร หรือ มาร์คีส์บนตัวเรือนโมทิฟทรงกลีบดอกอันบอบบาง คุณลักษณ์ทางการสะท้อนแสงตกกระทบ ทั้งในแง่ของโทนสีและวิถีแสง อันเป็นผลจากงานประกอบโครงสร้างตัวเรือน โดยใช้ทองคำขาวร่วมกับทองคำสีเหลือง ผสมผสานอัญมณีทั้งหลายทอรัศมีเจิดจรัส ด้วยแรงบันดาลใจจากความงดงามของมวลพฤกษานับแต่ก่อตั้ง เข็มกลัด “ดอกเอเดลไวส์” เจ้าของสมญา “หมู่ดาวแห่งธารน้ำแข็ง” นี้ จึงเป็นอีกหนึ่งบทสรุปธรรมเนียมศิลป์แห่ง Van Cleef & Arpels ในการถ่ายทอด และรังสรรค์ความงดงามตระการตาจากพลังชีวิตที่ขับเคลื่อนการกำเนิดตามวงจรธรรมชาติได้อย่างละเมียดละไม
CREDITS:
PHOTOS: COURTESY OF VAN CLEEF & ARPELS