ได้แรงบันดาลใจมาจากเฉดสีสันสายรุ้งของซิลิเซียม นำมาสู่สองผลงานเวอร์ชัน Rainbow ใหม่ล่าสุดของ Ulysse Nardin
Ulysse Nardin Rainbow Collection 2022 เป็นที่รู้กันดีว่า Ulysse Nardin (ยูลิส นาร์แดง) นับเป็นแบรนด์นักบุกเบิกด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีอันล้ำสมัยของการประดิษฐ์สร้างสรรค์นาฬิกามาโดยตลอด โดยเฉพาะในปี ค.ศ. 2001 ที่แบรนด์นี้ได้กลายช่างนาฬิการายแรกที่เปิดตัวแนะนำเรือนเวลาซึ่งมาพร้อมการติดตั้งด้วยชิ้นส่วนกลไกสำคัญ อย่าง เอสเคปเมนท์ ที่ทำจากซิลิเซียม ทั้งยังเป็นต้นกำเนิดของนาฬิการุ่นตำนานอันโด่งดังอย่าง Freak ที่สืบทอดทั้งนวัตกรรมอันล้ำสมัยและผสมผสานด้วยการประดิษฐ์นาฬิกาอันร่วมสมัย โดยนับจากนั้นเป็นต้นมา Ulysse Nardin ก็ได้นำนวัตกรรมเมทัลลอยด์ (metalloid) นี้มาประยุกต์ใช้กับหลากหลายกลไกของแบรนด์ ซึ่งนั่นรวมไปถึงกลไกสำหรับนาฬิการุ่นเด่นๆ อย่าง Blast Tourbillon ที่ขับเคลื่อนด้วย Caliber UN-172 และกลไกของรุ่น Lady Diver ใน Caliber UN-816 ด้วย
วัสดุแห่งการปฏิวัติเชิงเทคโนโลยี อย่าง ซิลิเซียม นี้ยังมีความโดดเด่นของเฉดสีอันแวววาว ซึ่งนั่นยังได้กลายมาเป็นแรงบันดาลใจให้กับการสร้างสรรค์สองผลงานใหม่ล่าสุดที่เปิดตัวแนะนำในงาน Geneva Watch Days 2022 ที่ผ่านมา ทั้งใน Blast Tourbillon 45 mm Rainbow และ Lady Diver 39 mm Rainbow โดยถ่ายทอดด้วยเฉดสีสันแบบสายรุ้งบนขอบตัวเรือน จากการประดับตกแต่งด้วยอัญมณีเฉดสีม่วง สีเขียว สีฟ้า หรือสีชมพู ที่พร้อมเปล่งประกายความแวววาวระยิบระยับเล่นกับแสงอาทิตย์ เสมือนกับปรากฏการณ์สายรุ้งตามธรรมชาติ ทั้งยังมอบภาพแห่งสีสันที่สัมผัสได้ถึงความสนุกสนานและความสดใสที่เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในเทรนด์มัลติคัลเลอร์ของเรือนเวลายุคปัจจุบัน
โดยในรุ่นแรกของ Blast Tourbillon 45 mm Rainbow นั้นมาพร้อมเอกลักษณ์ที่ตรงตามชื่อ ด้วยโครงสร้างสัญลักษณ์ “X” แบบสเกเลตันที่ปรากฏบนหน้าปัดนาฬิกา พร้อมทั้งบรรจุไว้ด้วยไมโครโรเตอร์ (micro-rotor) ทำจากแพลทินัมจัดวางไว้ที่ตำแหน่ง 12 นาฬิกา ซึ่งช่วยเสริมความโดดเด่นให้กับงานดีไซน์ที่แตกต่างไปจากนาฬิกาทั่วไป และตรงตามคอนเซปต์แห่งสายรุ้ง โดยการผสมผสานขอบตัวเรือนตลอดจนแทนเครื่องหมายขีดบอกเวลาหรืออินเด็กซ์ (indexes) ในรุ่นนี้ที่ประดับตกแต่งไว้ด้วยทับทิมและแซฟไฟร์เจียระไนทรงบาแกตต์คัตรวม 50 เม็ด มอบทั้งลุคอันทันสมัยและเปี่ยมด้วยพลังให้กับทุกๆ ข้อมือ ขณะที่ยังคงประสิทธิภาพของการกันน้ำได้ลึกระดับ 50 เมตร และทรงพลังด้วยการทำงานของกลไก Caliber UN-172 พร้อมทั้งเทคโนโลยีซิลิเซียมที่นำมาใช้กับชุดชิ้นส่วน อย่าง เอสเคปเมนท์วีล (escapement wheel), แองเคอร์ (anchor) และบาลานซ์สปริง (balance spring) กลไกชุดนี้ยังมอบพลังงานสำรองได้ถึง 72 ชั่วโมง
บรรจุอยู่ภายในตัวเรือนไทเทเนียมเคลือบ DLC สีดำ ผนึกด้วยส่วนตัวเรือนด้านบนทำจากเซรามิกสีดำขัดเงาและขัดแต่งแบบแซนด์บลาสต์ (sandblasted) พร้อมทั้งจับคู่นาฬิกาสไตล์สายรุ้งสุดแฟนซีใหม่นี้มากับสายยางกันน้ำได้ หรือเลือกเป็นสายหนังจระเข้สีดำ รวมถึงหัวเข็มขัดแบบปรับระดับได้ทำจากไทเทเนียม เคลือบ DLC สีดำและเซรามิกสีดำ สำหรับรุ่นนี้ผลิตในจำนวนจำกัดเพียง 50 เรือน
ต่างจากความอ่อนหวานซ่อนสไตล์อันลึกลับและมีเสน่ห์ตามแบบฉบับของ Lady Diver ซึ่งถอดรหัสมาสู่เวอร์ชัน Rainbow ใหม่ได้อย่างสวยงาม โดยมีให้เลือกในสองธีมสี ระหว่างสีดำหรือสีขาว ทั้งยังคงสืบทอดคุณลักษณะเด่นๆ มาจาก Lady Diver ซึ่งเปิดตัวในปี ค.ศ. 2019 ไว้อย่างครบถ้วน โดยทั้งสองธีมสีของ Lady Diver Rainbow นี้มาพร้อมการประดับอัญมณีบนขอบตัวเรือนแบบไล่เฉดสีเสมือนสายรุ้ง ประกอบด้วยทับทิม อควอมารีน โทปาซ ซาโวไรต์ และแซฟไฟร์ รวมทั้งหมด 40 เม็ด ซึ่งนำมาบรรจงประดับไว้บนขอบตัวเรือนแบบเว้าลงและปรับหมุนได้ทิศทางเดียวตามแบบฉบับของนาฬิกาดำน้ำ ขณะที่บนหน้าปัดตกแต่งด้วยเพชรอีก 11 เม็ด ณ ตำแหน่งเครื่องหมายขีดบอกเวลา เพื่อเสริมมิติแห่งความเจิดจรัสและสัมผัสแห่งความหรูหราให้กับนาฬิกาได้อย่างดี
ด้วยดีไซน์แบบสปอร์ตและทันสมัยของ Lady Diver 39 mm Rainbow ซึ่งมาพร้อมกับตัวเรือนขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 39.0 มิลลิเมตร และประสิทธิภาพของการกันน้ำได้ลึกถึงระดับ 300 เมตรนี้ ได้สืบทอดไว้ด้วยสไตล์ของนาฬิกาไลฟ์สไตล์แอคทีฟสำหรับการใช้งานได้ทุกๆ วัน โดยผสมผสานด้วยความสวยงาม ความสะดวกสบายและความสามารถด้านฟังก์ชัน ซึ่งนั่นรวมไปถึงหัวใจของกลไกจักรกลไขลานอัตโนมัติ Caliber UN-816 พร้อมทั้งเทคโนโลยีซิลิเซียม โดยรุ่นนี้ถ่ายทอดความเที่ยงตรงผ่านการแสดงเวลาชั่วโมง นาที วินาที และวันที่ได้อย่างแม่นยำ ซ่อนอยู่ใต้คาแรกเตอร์แสนหวานแต่เปี่ยมเสน่ห์ ที่รุ่นนี้ผลิตในจำนวนจำกัดเพียงเวอร์ชันสีละ 300 เรือน ทั้งยังมาพร้อมกับสายยางสีขาวหรือสีดำรับกับแต่ละเวอร์ชันอย่างลงตัว
มีน้ำหนักเบาและยืดหยุ่นโดยไม่มีการเสียรูป
คุณสมบัติอันโดดเด่นของซิลิเซียมนั้นได้ถูกเปิดเผยและสร้างสรรค์ขึ้นภายในโลกแห่งการประดิษฐ์นาฬิกา นับตั้งแต่ต้นยุค 2000s และนับจากนั้นมา ก็ได้กลายเป็นวัสดุสำคัญในโลกของเรือนเวลา ด้วยคุณลักษะภายนอกของซิลิเซียมที่มีเฉดสีเทาแอนทราไซต์กับเหลือบแสงสะท้อนสีน้ำเงินในขั้นของวัสดุตั้งต้น ขณะที่ด้านคุณสมบัติภายในนั้น ซิลิเซียมมีทั้งความพิเศษของการไม่เป็นและไม่ได้ผลกระทบจากแม่เหล็กอย่างสมบูรณ์ รวมถึงมีน้ำหนักเบาและยืดหยุ่นโดยไม่มีการเสียรูป ทนทานสูงต่อการสึกกร่อน และความคงทนของซิลิเซียมนี้ยังไม่เปลี่ยนแปลงแม้จะผ่านกาลเวลาไปยาวนาน นอกจากนี้ ยังไม่จำเป็นต้องหยอดหรือใช้น้ำมันหล่อลื่น ด้วยเพราะชั้นไดออกไซด์ของซิลิเซียมมีคุณสมบัติช่วยเสริมความแข็งแกร่งและความเสถียรคงทนของชิ้นส่วน ทำให้ไม่ได้รับผลกระทบหรือมีปฏิกิริยากับความผันแปรด้านความร้อน ดังนั้น Ulysse Nardin จึงใช้ซิลิเซียมในการผลิตชิ้นส่วนที่เกี่ยวข้องกับอุปกรณ์ควบคุม (regulating organs) ต่างๆ ภายในนาฬิกาทั้งหมด รวมไปถึงบาลานซ์สปริงเช่นกัน โดยมี Sigatec บริษัทในเครือของ Ulysse Nardin เป็นผู้เชี่ยวชาญในการผลิตชิ้นส่วนจักรกลขนาดจิ๋ว (micromechanical) ที่ทำจากซิลิเซียม และสร้างสรรค์ชิ้นส่วนที่ออกแบบและผลิตขึ้นเฉพาะพิเศษด้วยความแม่นยำระดับไมครอนให้กับแบรนด์จนถึงปัจจุบัน
CREDITS:
PHOTOS: COURTESY OF ULYSSE NARDIN
VIDEO: Perayut Limpanastitphon
GRAPHIC DESIGNER: Vanicha Limpanastitphon
สามารถติดตามคอนเทนต์ นาฬิกา อื่นๆ ที่น่าสนใจได้ ที่นี่