เมื่อไทเทเนียมไม่ได้ถูกจำกัดอยู่เพียงเฉพาะนาฬิกาสปอร์ตอย่างที่เป็นมา แต่วันนี้ยังถูกนำมาใช้เพื่อรังสรรค์ความหรูหราสไตล์ใหม่ไว้บนนาฬิกาข้อมือหลากหลายประเภทได้เช่นกันแต่วันนี้ยังถูกนำมาใช้เพื่อรังสรรค์ความหรูหราสไตล์ใหม่ไว้บนนาฬิกาข้อมือหลากหลายประเภทได้เช่นกัน
Titanium Luxury Watches: Breguet, Bvlgari, Girard-Perregaux ด้วยเพราะคุณสมบัติของไทเทเนียม ซึ่งอย่างที่ทราบกันดีว่ามีความโดดเด่นทั้งทางด้านรูปลักษณ์และความแข็งแกร่ง ทนทานสูงต่อการกัดกร่อนหรือต่อสารเคมีต่างๆ และยังทนทานต่ออุณหภูมิ ด้วยความแข็งแกร่งที่เทียบเท่าได้กับสตีล แต่มีน้ำหนักเบากว่าถึงราว 30-45% ทั้งยังไม่สร้างความระคายเคืองต่อผิว นั่นจึงทำให้ไทเทเนียมกลายเป็นอีกหนึ่งวัสดุยอดนิยมที่นำมาใช้สร้างสรรค์นาฬิกาข้อมือ และด้วยเพราะโทนสีเทาสไตล์เคร่งขรึมต่างไปจากสเตนเลสสตีล จึงทำให้ก่อนหน้านี้ส่วนใหญ่แล้วไทเทเนียมมักจะมาพร้อมกับนาฬิกากลุ่มสปอร์ตที่เน้นความสมบุกสมบันและความทนทานสูงเป็นหลัก ทว่าตลอดหลายปีที่ผ่านมา ไทเทเนียมได้กลายเป็นอีกหนึ่งวัสดุที่น่าจับตามอง โดยเฉพาะการถูกพลิกโฉมมาสู่เสน่ห์ใหม่ของนาฬิกาสปอร์ตหรู หรือแม้แต่นาฬิกาไลฟ์สไตล์อื่นๆ ไปจนถึงความนิยมที่มากขึ้นในการนำมารังสรรค์คู่เคียงกับกลไกจักรกลสลับซับซ้อนของนาฬิกาอีกด้วย
Girard-Perregaux: Laureato Absolute Ti 230
เช่นในผลงานล่าสุดของ Girard-Perregaux (จีราร์ด-แพร์โกซ์) รุ่น Laureato Absolute Ti 230 ที่เปิดตัวขึ้นเพื่อร่วมเฉลิมฉลองโอกาสครบรอบ 230 ปี ของแบรนด์ ซึ่งก่อตั้งมาอย่างยาวนานนับจากปีค.ศ.1791 ซึ่งเป็นปีเดียวกันกับที่ William Gregor นักบวชชาวอังกฤษได้ค้นพบทรายสีดำในคอร์นวอลล์ ที่ต่อมาถูกตั้งชื่อเรียกว่าไทเทเนียม (Ti) ตามไททันเทพปกรณัมของกรีก จากการค้นพบครั้งนั้นจวบจนวันนี้ ไทเทเนียมได้ถูกนำมาใช้อย่างแพร่หลาย ไม่เพียงเฉพาะในอุตสาหกรรมการบินและอวกาศ ทางการแพทย์ และมอเตอร์สปอร์ต แต่ยังรวมถึงการประดิษฐ์นาฬิกา ที่ในโอกาสเฉลิมฉลองครบรอบครั้งสำคัญของแบรนด์นี้ Girard-Perregaux ก็ได้นำไทเทเนียมมาสร้างสรรค์เป็นนาฬิการุ่นพิเศษด้วยเช่นกัน
โดย Laureato Absolute Ti 230 หลอมรวมไว้ด้วยเอกลักษณ์อันเป็นต้นตำรับงานออกแบบของคอลเลกชั่นไอคอนิกอย่าง Laureato เข้ากับสไตล์อันล้ำสมัย ที่ถ่ายทอดผ่านรูปทรงตัวเรือนและเฉดสีที่ได้เลือกนำมาใช้ผสมผสานเข้าด้วยกัน ภายใต้ตัวเรือนไทเทเนียม เกรด 5 ซึ่งมีความแข็งแกร่งสูง ทนทานต่อการกัดกร่อน น้ำหนักเบา และไม่ทำให้เกิดการระคายเคืองผิว ซึ่งจะมอบประสบการณ์การสวมใส่ชั้นเลิศให้กับผู้เป็นเจ้าของนาฬิกา นอกจากนี้ การเลือกใช้ ไทเทเนียม เกรด 5 ก็เพราะยังสามารถขัดเงาผิวได้อย่างสวยงาม ซึ่งรุ่นนี้ประกอบไว้ในตัวเรือนขนาด 44.0 มิลลิเมตร ตกแต่งผิวแบบแซนด์บลาสต์และขัดเงา มอบเป็นมิติของแสงสะท้อนที่ตัดกันได้อย่างโดดเด่น ทั้งยังกลมกลืนไปกับส่วนโค้งและเส้นสายที่มาบรรจบเข้ากับขอบตัวเรือนทรงแปดเหลี่ยม รวมถึงหน้าปัดโครงสร้างแบบแซนด์วิช ที่เลือกได้ระหว่างหน้าปัดสีน้ำเงินหรือหน้าปัดสีเทา
และนับเป็นครั้งแรกเช่นกันที่แบรนด์ได้ติดตั้งรอบเม็ดมะยมด้วยวงแหวนยาง เพื่อให้จับคู่สีเข้ากับสาย Rubber Alloy ที่เพิ่งเปิดตัวเป็นครั้งแรกของโลกโดย Girard-Perregaux ซึ่งนำมาใช้ในนาฬิการุ่นพิเศษนี้ด้วย โดยการผสมผสานไทเทเนียมพร้อมทั้งโทนสีที่รับไปกับหน้าปัด ส่วนภายในขับเคลื่อนด้วยกลไกจักรกลไขลานอัตโนมัติ Calibre GP03300-1060 และนำเสนอในจำนวนจำกัดรุ่นสีละ 230 เรือน โดยในรุ่นหน้าปัดสีน้ำเงินจะเริ่มต้นวางจำหน่ายเฉพาะโดย Wempe เป็นระยะเวลาหนึ่งเดือน และหลังจากนั้นจึงมีจำหน่ายผ่านตัวแทนที่ได้รับการแต่งตั้งของ Girard-Perregaux เช่นเดียวกับรุ่นหน้าปัดสีเทาต่อไป
Breguet: Type XXI 3815 Chronograph
นาฬิกานักบินโครโนกราฟ Type XX ของ Breguet (เบรเกต์) ที่สร้างชื่อเสียงระดับตำนานมาอย่างยาวนานนั้น ในปีนี้ก็ได้ร่วมพลิกโฉมสู่ตัวเรือนใหม่ของรุ่น Type XXI 3815 Chronograph ที่มอบกลิ่นอายความสปอร์ตและความทันสมัยไว้ในตัวเรือนขนาด 42.0 มิลลิเมตร ทำจากไทเทเนียม แข็งแกร่งทนทานและน้ำหนักเบา สวมใส่สบาย ซึ่งต่างไปจากรุ่นก่อนหน้านี้อย่าง Type XXI 3817 ของปีค.ศ. 2016 ที่มีตัวเรือนทำจากสเตนเลสสตีลและหน้าปัดสีเทาสไตล์วินเทจเรโทร โดยยังคงความร่วมสมัยไว้ด้วยขอบข้างตัวเรือนตกแต่งด้วยเทคนิคเซาะร่องถี่แนวตั้ง ช่วยให้สามารถจับใช้งานได้กระชับ พร้อมทั้งประสิทธิภาพของการกันน้ำได้ลึกถึง 100 เมตร จากการติดตั้งเม็ดมะยมแบบขันเกลียวล็อก รวมถึงการตกแต่งด้วยงานขัดที่สลับระหว่างงานขัดเงาและขัดซาติน ส่วนขอบตัวเรือนปรับหมุนได้สองทิศทางทำจากไทเทเนียมเช่นกัน พร้อมทั้งบรรจุไว้ด้วยสเกล 60 นาที บนแล็กเกอร์สีดำ มอบภาพของสไตล์สปอร์ตร่วมสมัยให้กับผลงานรุ่นใหม่นี้ได้อย่างดี
โดยจับคู่มากับหน้าปัดสีดำคมเข้ม ตัดกับตัวเลข เครื่องหมายบอกชั่วโมง และเข็มชี้ในโทนสีเขียวหรือสีส้มสดใสให้เลือก และทั้งหมดบรรจุด้วยสารเรืองแสง ช่วยเติมเต็มคุณสมบัติของการแสดงเวลาได้อย่างชัดเจน รวมถึงการแสดงเวลา 24 ชั่วโมง และแสดงวินาทีเล็กบนหน้าปัดย่อยสองวง ณ ตำแหน่ง 3 และ 9 นาฬิกาตามลำดับ ส่วนเข็มจับเวลานาทีและวินาทีติดตั้งบนหน้าปัดกลาง รวมถึงสเกลนาทีสุดแม่นยำออกแบบใหม่ และหน้าต่างแสดงวันที่ที่จัดวางไว้ ณ ตำแหน่ง 6 นาฬิกา ได้อย่างสมดุลลงตัว นาฬิกาโครโนกราฟในตัวเรือนไทเทเนียมใหม่นี้ขับเคลื่อนโดยกลไกจักรกลไขลานอัตโนมัติ พร้อมฟังก์ชั่นฟลายแบ็ก ประกอบด้วยนวัตกรรมล่าสุดของซิลิคอนเอสเคปเมนต์และบาลานซ์สปริง รวมถึงฝาหลังกระจกแซฟไฟร์ที่เปิดโชว์ให้เห็นรายละเอียดงานตกแต่งและการทำงานของกลไก ประกอบคู่มากับสายหนังวัว เย็บตะเข็บด้วยสีสันเดียวกันกับเครื่องหมายบอกเวลาและเข็มชี้บนหน้าปัด กับหัวเข็มขัดแบบสามบานพับใหม่ที่มอบทั้งความสะดวกสบายและความปลอดภัยเมื่อสวมใส่บนข้อมือ สำหรับรุ่นนี้ผลิตขึ้นในจำนวนจำกัดเพียงรุ่นสีละ 250 เรือน
ของแบรนด์ ในตัวเรือนไทเทเนียม หนาเพียง 5.80 มิลลิเมตร
BVLGARI: Octo Finissimo Perpetual Calendar
กับอีกหนึ่งผลงานนาฬิกาสลับซับซ้อนสูงที่บรรจุไว้ภายใต้ความโดดเด่นของตัวเรือนไทเทเนียมบางพิเศษซึ่งกลายเป็นซิกเนเจอร์ของบรรดาผลงานรุ่นสถิติโลกของ BVLGARI (บุลการี) รวมทั้งยังครองสถิติความบางที่สุดในโลกได้เป็นครั้งที่เจ็ดจากผลงานรุ่นใหม่ของปีนี้ อย่าง Octo Finissimo Perpetual Calendar จากการติดตั้งด้วยกลไกจักรกลไขลานอัตโนมัติ Calibre BVL 305 บางพิเศษเพียง 2.75 มิลลิเมตร ส่งผลให้นาฬิการุ่นนี้สามารถครองสถิติความบางที่สุดด้วยความหนาของตัวเรือนเพียง 5.80 มิลลิเมตร พร้อมทั้งสำรองพลังงานได้ 60 ชั่วโมง และผสานไว้ด้วยจักรกลซับซ้อนของฟังก์ชั่นแสดงปฏิทิน perpetual calendar ที่ประกอบด้วยการแสดงวันที่แบบเรโทรเกรด แสดงวัน เดือน และปี leap years แบบเรโทรเกรด โดยทั้งหมดยังสามารถปรับตั้งได้โดยตัวปรับตั้งสามตำแหน่ง คือ ณ ตำแหน่ง 2 นาฬิกา สำหรับปรับตั้งวันที่, ที่ 4 นาฬิกา สำหรับปรับตั้งเดือน และระหว่าง 8 และ 9 นาฬิกา สำหรับปรับตั้งวัน
และสายสร้อยข้อมือทำจากไทเทเนียม ขัดแต่งแบบแซนด์บลาสต์
แม้ว่าจะเป็นนาฬิกาสลับซับซ้อนตามประเพณีของการประดิษฐ์นาฬิกาจักรกลชั้นสูง แต่รุ่นนี้ก็สามารถนำเสนอความสลับซับซ้อนไว้ภายใต้รูปลักษณ์อันล้ำสมัยอย่างแท้จริงของตัวเรือนขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 40.0 มิลลิเมตร ซึ่งทำจากไทเทเนียม รวมไปถึงหน้าปัด เม็ดมะยมแทรกด้วยเซรามิก และสายแบบสร้อยข้อมือที่ทั้งหมดทำจากไทเทเนียม พร้อมด้วยงานตกแต่งแบบแซนด์บลาสต์ทั้งเรือน ขณะที่ฝาหลังเป็นกระจกแซฟไฟร์ใสเปิดโชว์กลไกอันซับซ้อนและไมโครโรเตอร์ที่ช่วยเสริมซึ่งความบางพิเศษให้กับกลไกได้อย่างดีเยี่ยม สำหรับผลงานรุ่นนี้ยังคงประสิทธิภาพของการกันน้ำได้ 30 เมตร
CREDITS:
PHOTOS: COURTESY OF THE BRANDS
VIDEO: Perayut Limpanastitphon
GRAPHIC DESIGNER: Vanicha Limpanastitphon
สามารถติดตามคอนเทนต์ นาฬิกา อื่นๆ ที่น่าสนใจได้ ที่นี่
