ทวิสต์ละอองความหอมให้โดดเด่นไม่ซ้ำใคร กับเทคนิคเลเยอร์ความหอมแบบง่ายๆ เพียงเปิดใจให้กว้างเข้าไว้ ทดลองจับคู่กลิ่นหอมหลากสไตล์ แล้วสนุกกับโลกแห่งความหอมไปพร้อมกัน!
สำหรับสาวๆ ที่หลงใหลในโลกแห่งความหอม การฉีด “น้ำหอม” มากกว่าหนึ่งกลิ่นพร้อมๆ กัน หรือที่เรียกกันว่า “การเลเยอร์น้ำหอม” นั้น อาจไม่ใช่เรื่องใหม่เท่าไรนัก เพราะไม่ว่าใครก็คงอยากมีกลิ่นหอมที่เป็นเอกลักษณ์แตกต่างจากคนอื่น บางคนอาจจะเลือกมิกซ์แอนด์แมตช์กับน้ำหอมที่มีอยู่แล้ว หรืออาจจะนำมาจับคู่กับน้ำหอมขวดใหม่ เรียกว่าเป็นความสนุกในการได้ต่อยอดกลิ่นหอมในแบบเฉพาะตัว แถมยังฝึกทักษะการรังสรรค์ความหอมใหม่ๆ ไปในขณะเดียวกัน
แต่ความท้าทายในการรังสรรค์กลิ่นหอมให้ออกมาถูกใจ อาจไม่ง่ายอย่างใจคิด Padthai.co รวบรวมเทคนิคการเลเยอร์น้ำหอมมาฝาก คราวนี้จะเลเยอร์แนวกลิ่นไหนก็ไม่พลาด
ทำไมต้องเลเยอร์น้ำหอม
เพราะการฉีดน้ำหอมมากกว่าหนึ่งกลิ่น ช่วยสะท้อนความเป็นตัวตนได้อย่างไม่มีขีดจำกัด และเราเชื่อว่าสาวๆ ร้อยทั้งร้อยย่อมมีน้ำหอมมากกว่า 2 ขวดอย่างแน่นอน ยิ่งมีน้ำหอมมาก ก็ยิ่งสร้างสรรค์กลิ่นใหม่ได้มากเท่านั้น ลองใช้อิสระและเล่นสนุกกับการเลเยอร์น้ำหอมเพื่อสร้างกลิ่นเฉพาะตัวที่ไม่เหมือนใคร หรือจะลองเลเยอร์กลิ่นตามอารมณ์ในแต่ละวันก็สนุกไปอีกแบบ
วิธีเลเยอร์น้ำหอม
เมื่อพูดถึงการเลเยอร์น้ำหอม คนส่วนใหญ่มักนึกถึงการฉีดน้ำหอมหลายๆ กลิ่นทับกันในตำแหน่งเดิม แต่ในความเป็นจริงไม่ได้จำกัดเพียงแค่นั้น เราสามารถเริ่มเลเยอร์กลิ่นหอมได้ตั้งแต่การอาบน้ำ และการทาโลชั่น แนะนำให้ลองเลเยอร์น้ำหอมหลายๆ รูปแบบเพื่อค้นหาวิธีและกลิ่นที่ใช่ที่สุด ส่วนข้อควรระวัง เพียงคำนึงถึงหลักการง่ายๆ ที่ว่าเราควรฉีดน้ำหอมที่มีกลิ่นแรงกว่าลงบนผิวก่อน เพื่อไม่ให้กลิ่นที่เข้มข้นนั้นไปกลบกลิ่นของน้ำหอมอีกกลิ่นที่อ่อนกว่า หรือจะใช้ 3 เทคนิคเลเยอร์น้ำหอมง่ายๆ ดังต่อไปนี้
- ฉีดทับกัน เป็นวิธีที่ง่ายที่สุด นั่นคือการฉีดน้ำหอมทับกันไปเลยในปริมาณที่เท่าๆ กัน เช่น ฉีดขวด A ที่บริเวณหน้าอก 1 สเปรย์ จากนั้นก็ฉีดขวด B ที่บริเวณหน้าอก 1 สเปรย์เช่นเดียวกัน
- ฉีดกระจายคนละตำแหน่ง แต่อยู่บริเวณใกล้ๆ กัน วิธีเลเยอร์น้ำหอมแบบนี้ ดูจะซับซ้อนขึ้นมาอีกนิด แต่ก็ไม่ยากจนเกินไป ตัวอย่างการเลเยอร์น้ำหอมด้วยวิธีนี้คือ ฉีดขวด A ที่บริเวณซอกคอ 1 สเปรย์ จากนั้นฉีดขวด B ที่บริเวณหลังใบหู 1 สเปรย์ เทคนิคเช่นนี้คือการฉีดกระจายคนละตำแหน่ง แต่อยู่ในบริเวณใกล้ๆ กัน ช่วยให้กลิ่นหอมซับซ้อนและดูมีมิติน่าค้นหามากขึ้นไปอีก
- ฉีดซ้ายและขวา การเลเยอร์น้ำหอมด้วยวิธีนี้คือการฉีดขวด A ที่ด้านซ้าย และฉีดขวด B ที่ด้านขวา หรือจะฉีดแบบหน้า-หลังก็ได้ วิธีนี้ก็เป็นอีกวิธีที่ทำให้กลิ่นน้ำหอมที่อยู่บนตัวเรานั้นนุ่มนวลขึ้น และมีกลิ่นที่แปลกใหม่ขึ้นได้เช่นกัน
กลิ่นแบบไหนที่เข้ากันได้ดี
การจะเลเยอร์น้ำหอมให้ได้เป๊ะปังนั้นควรเริ่มที่การทำความเข้าใจก่อนว่า ธรรมชาติของน้ำหอมแต่ละกลิ่นก็มีเลเยอร์ซ่อนอยู่ในตัวของมันเองอยู่แล้ว ซึ่งสามารถแบ่งได้เป็น 3 เลเยอร์ ได้แก่
- Top Note: เราจะได้กลิ่นของเลเยอร์นี้ทันทีหลังจากฉีดน้ำหอม ซึ่งส่วนใหญ่มักจะเป็นกลิ่นที่ให้ความสดชื่นและมีชีวิตชีวา
- Heart Note: เลเยอร์นี้เปรียบเสมือนหัวใจของน้ำหอม มักเป็นกลิ่นที่ให้ความรู้สึกอบอุ่นและบางเบากว่า Top Note
- Base Note: เป็นเลเยอร์สุดท้ายที่เราจะได้กลิ่น เป็นกลิ่นที่อยู่ติดทนนาน และติดตัวเรามากที่สุด
เมื่อเข้าใจพื้นฐานข้างต้นแล้ว เวลาจะเลเยอร์น้ำหอมก็สามารถทำได้ง่ายขึ้น หากไม่เคยเลเยอร์น้ำหอมเลย แนะนำให้ลองใช้น้ำหอมที่มีกลิ่นใกล้เคียงกันดูก่อน เช่น กลิ่นของดอกกุหลาบ ดอกส้ม หรือมะลิ และเมื่อเริ่มมีความมั่นใจมากขึ้น ลองท้าทายตัวเองด้วยการเลเยอร์น้ำหอม 2 กลิ่น (หรือมากกว่านั้น) ที่มีกลิ่นแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง เช่น ฉีดน้ำหอมแนวกลิ่นเครื่องเทศเผ็ดร้อน คู่กับกลิ่นวานิลลา เป็นต้น
ทั้งนี้ การเลเยอร์น้ำหอมนั้นไม่มีผิดไม่มีถูก เพราะเปรียบเสมือนการรังสรรค์ชิ้นงานศิลปะที่สะท้อนอารมณ์ความรู้สึกของตัวศิลปิน ลองปลดปล่อยจินตนาการและดื่มด่ำไปกับกลิ่นหอมใหม่ๆ ที่กำลังรอให้คุณได้ค้นหา เมื่อนั้นคุณอาจจะได้สัมผัสกับกลิ่นหอมที่สะท้อนตัวตนในแบบที่คาดไม่ถึงก็เป็นได้
แนวกลิ่นแบบไหนที่ไม่ควรจับคู่กัน
การเลือกน้ำหอมมาเลเยอร์กัน ขึ้นอยู่กับความชอบและเทคนิคของแต่ละคนว่าอยากจะสื่อสารอะไรผ่านกลิ่นของน้ำหอมที่ใช้ ดังนั้นการจะบอกว่าอะไรไม่ควรเลเยอร์คู่กับอะไรจึงค่อนข้างยาก แต่หากว่าใครเป็นกังวลว่ากลิ่นที่เลเยอร์ออกมาจะทำให้คนรอบข้างตกใจ เทคนิคง่ายๆ คือหลีกเลี่ยงการเลเยอร์น้ำหอมที่มีกลิ่นฉุนหรือชวนเวียนหัวสองกลิ่นเข้าด้วยกัน เพียงเท่านี้ก็จะได้ระดับความหอมที่กรุ่นกลิ่นกำจายแบบพอเหมาะพอดีแล้ว
Try This !
ACQUA DI PARMA Forte Mirto di Panarea Eau de Toilette
สัมผัสบรรยากาศฉ่ำชื่นของผืนน้ำทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ด้วยกลิ่น
แนว Aquatic ผสานความสดชื่นของมะกรูดอิตาเลียน เติมเต็มความนุ่มนวลด้วยกุหลาบดามัสก์และมะลิ
BOUCHERON Feve de Tonka
Eau de Parfum
หลอมรวมส่วนผสมที่เป็นเอกลักษณ์ในการรังสรรค์กลิ่นหอมจากโลกตะวันออก ถั่วตองก้า มอบสัมผัสอบอุ่นน่าพิศวง เคียงคู่ไปกับอัลมอนด์ วานิลลา และใบยาสูบหอมกรุ่น สร้างสรรค์สัมผัสที่รุ่มรวย เย้ายวน น่าหลงใหล
BVLGARI Rose Goldea Eau de Parfum
ทริบิวต์พลังแห่งอิสตรีที่อ่อนหวานทว่าแข็งแกร่งด้วยกลิ่นหอมที่ผสมผสานระหว่างกุหลาบ โบตั๋น และมัสก์ มากไปกว่านั้น ความหอมจากใบไวโอเล็ตยังมอบการบิดผสานความหอมสุดโมเดิร์นให้แก่กลิ่น เกิดความหอมสดชื่นมีชีวิตชีวา เต็มไปด้วยไดนามิก และความสดใสดุจอากาศบริสุทธิ์
DIPTYQUE Ilio Eau de Toilette
บรรณาการแด่ธรรมชาติด้วยกลิ่นหอมที่สดใสดั่งดวงอาทิตย์ โดดเด่นด้วย
กลิ่นผลไม้และความชุ่มฉ่ำของผลพริกลี่แพร์ (Prickly Pear) ผสมผสานกับความมีชีวิตชีวาของมะกรูด และความอ่อนช้อยของมะลิ
GOLDFIELD & BANKS
Sunset Hour Pure Perfume
กลิ่นหอมอบอุ่นชวนให้นึกถึงโมงยามแห่งอาทิตย์อัสดง ช่วงเวลาที่แสงแดดอ่อนๆ พาดผ่านเหล่ามวลดอกไม้ กลิ่นหอมจากพืชพรรณที่ปราศจากการ
ปรุงแต่ง ไร้กาลเวลา มอบความรู้สึกยิ่งใหญ่และตราตรึงใจ
PENHALIGON’S Sports Car Club
Eau de Parfum
มอบความแข็งแกร่งเสริมด้วยพลังสดใสจากมินต์ สนไซเปรส และยูคาลิปตัส พร้อมความเย้ายวนจากวานิลลา มัสก์ และพริกไทยสีชมพู
The 7 VIRTUES Lotus Pear
Eau de Parfum
สะท้อนความสดใสและพลังในตัวคุณด้วยน้ำหอมแนวกลิ่นฟรุตตี้ฟลอรัล
ที่ให้ความรู้สึกเหมือนเดินผ่านสวนดอกไม้ในบรรยากาศแสนสดชื่น ด้วยกลิ่นลูกแพร์ พีช ดอกบัว การ์ดีเนีย และเจอราเนียม
VIKTOR & ROLF Good Fortune
Eau de Parfum
ความหอมอันพรั่งพรูจากดอกไม้และกลิ่นสดชื่นของอากาศบริสุทธิ์
ที่ซ่อนไว้อย่างแนบเนียน สะท้อนถึงการกลับมาของวันสบายๆ ในฤดูใบไม้ผลิ พร้อมมอบโชคชะตาที่ไม่เหมือนใครในขวดอันงดงามที่จะประทุความหอม
อันเกินจะบรรยายได้ทุกเมื่อ
CREDITS:
PHOTOS: COURTESY OF ACQUA DI PARMA, BOUCHERON, BVLGARI, DIPTYQUE, GOLDFIELD & BANKS, PENHALIGON’S, THE 7 VIRTUES, VIKTOR & ROLF
VIDEO: Perayut Limpanastitphon
GRAPHIC DESIGNER: Vanicha Limpanastitphon
สามารถติดตามคอนเทนต์อื่นๆ ที่น่าสนใจได้ ที่นี่