**บทความนี้มีการเปิดเผยเนื้อหาส่วนสำคัญ**
เรียกได้ว่าเป็นการคืนจอที่สมการรอคอยของทุกคน สำหรับ Stranger Things ซีรีส์ไซไฟสร้างชื่อจากเน็ตฟลิกซ์ที่ดำเนินมาถึงซีซันที่ 3 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยเริ่มปล่อยให้ได้ชมเป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 4 กรกฎาคมที่ผ่านมา (ด้วยเนื้อหาที่รีเลทกับวันปล่อยฉาย โดยเมืองฮอวกินส์เกิดเรื่องแปลกประหลาดขึ้นในคืนวันที่ 4 กรกฎาคม อันเป็นวันงานเฉลิมฉลองวันชาติสหรัฐอเมริกาเช่นกัน)
และแน่นอนว่าซีรีส์ในซีซันล่าสุดนี้ได้รับผลตอบรับอย่างยอดเยี่ยมจากผู้ชมจนแทบจะประกาศสร้างซีซัน 4 ซึ่งเป็นภาคสุดท้ายในทันทีหลังซีรีส์เข้าฉายได้ไม่นาน และถูกนำไปเป็นแรงบันดาลใจร่วมกับแบรนด์ดังมากมาย ไม่ว่าจะเป็นแบรนด์เสื้อผ้า ร้านอาหารที่ขายเมนูจากในซีรีส์ ไปจนถึง Coca-Cola ที่ออกกระป๋องโค้กรุ่นพิเศษ ซึ่งปรากฏในซีรีส์ภาคนี้ รวมทั้งการที่คาแรคเตอร์หลักอย่างแนนซี่และสตีฟ ไปปรากฏตัวในเกมส์ชื่อดังอย่าง Dead by Day Light ด้วย
ในภาคนี้เป็นเรื่องราวที่ห่างจากภาคที่แล้ว 1 ปี ตัวละครทุกตัวกลับมาด้วยภาพลักษณ์ที่โตขึ้นตามอายุ เด็กๆเริ่มก้าวเข้าสู่ช่วงวัยรุ่นและมีแฟนกันหมด เว้นก็แต่วิลที่ดูเหมือนจะเป็นคนที่ยังตกค้างจากการก้าวพ้นวัยและเดินช้ากว่าเพื่อนๆคนอื่น จนนำมาสู่ ‘การแตกกลุ่ม’ และมีปากเสียงระหว่างวิลและไมค์ตามที่ได้เห็นในตัวอย่างแรกที่ถูกปล่อยออกมาก่อนหน้านี้
บทที่เข้มข้นและจังหวะการตัดต่อที่มีชั้นเชิงน่าชื่นชม ช่วยให้การดำเนินเรื่องในซีรีส์ภาคนี้น่าติดตาม รวมทั้งมีการสอดแทรกประเด็นเล็กๆน้อยๆเอาไว้ให้คิดต่อมากมาย ทั้งการเข้ามาของ The Starcourt Mall (ห้างสรรพสินค้าสตาร์คอร์ท) อันเป็นภาพแทนของทุนนิยมที่กำลังพัฒนาในอเมริกาและทำให้ผู้ค้ารายย่อยต่างก็ได้รับผลกระทบจากการเติบโตของกลุ่มทุนใหญ่
หรือการตั้งชื่อสตาร์คอร์ทล้อกันกับชื่อของโจเซฟ สตาร์ลิน ผู้นำพรรคคอมมิวนิสต์แห่งสหภาพโซเวียตในยุคกลาง (ซึ่งเป็นยุคก่อนหน้าเนื้อเรื่องในซีซันที่ 3 ราวสามสิบปี) คล้ายจะบอกใบ้ว่าห้างสตาร์คอร์ทเป็นฐานที่มั่นลับในการพัฒนาอาวุธชีวภาพของเหล่าคอมมิวนิสต์โดยสหภาพโซเวียตจริงๆในท้ายที่สุด
นอกจากเกร็ดเล็กๆน้อยๆถึงเรื่องการเมืองและการชิงอำนาจระหว่างอเมริกาและรัสเซีย ในภาคนี้ตัวละครหลักอย่าง ไมค์และแอล เองก็พัฒนาความสัมพันธ์จนความรักสุกงอม ไม่ต้องให้แฟนๆคอยลุ้นกันเหมือนในซีซันอื่นๆที่ผ่านมา
แต่กระนั้นด้วยเงื่อนไขหลายๆอย่างแอลถูกตีกรอบอย่างเข้มงวดโดย พ่อ – จิม ฮอปเปอร์ส ที่พยายามกำหนดกฏเกณฑ์เรื่องการปรากฏตัวตามที่สาธารณะ การคบเพื่อนชาย รวมทั้งคำขอร้อง(แกมบังคับ)ให้เปิดประตูทิ้งไว้สามนิ้วเพื่อเปิดโอกาสให้ฮอปเปอร์สสามารถตรวจสอบสิ่งที่แอลทำอยู่ได้ตลอดเวลา รวมถึงแฟน อย่าง ไมค์ ที่หวงและไม่อยากให้แอลไปสนิทกับ แม็กซ์ มากเกินไป เนื้อเรื่องเหล่านี้ค่อยๆเผยให้เราได้เห็นการต่อสู้ของเหล่าหญิงแกร่งในเรื่องผ่านสายตาของผู้สังเกตการณ์
แอล เป็นตัวแทนของหญิงสมัยเก่าที่อ่อนโลกและยอมอยู่ในกรอบ การพยายามเข้าแทรกแซงของเพศชายโดยอ้างการดูแลและปฎิเสธไม่ให้เด็กสาวได้มีสังคมอื่นนั้น นับเป็นการผูกขาดอำนาจที่มีต่อเพศหญิงไว้ที่ตนแต่เพียงคนเดียว หญิงสาวมากมายในสังคมจริงๆติดอยู่ในเงื่อนไขและสถานการณ์เหล่านี้ แต่ไม่โชคดีเหมือนแอล อาจต้องพบเจอกับผลพวงของ Toxic masculinity และ Domestic Violence เหมือนที่ แม่ของบิลลี่ เผชิญ โดยไร้โอกาส ทางเลือก หรือความสามารถที่จะหนีไปจากความสัมพันธ์อันเป็นพิษ เพราะถูกผูกขาดอำนาจและสังคมไว้กับผู้เป็นสามีเพียงคนเดียว
ดังนั้นการเข้ามาของ แม็กซ์ ที่อาจเรียกได้ว่าเป็นภาพแทนของผู้หญิงหัวก้าวหน้า จึงช่วยเปิดโลกทัศน์และวิธีคิดของเธอให้เติบโตอย่างเสรีขึ้น ทั้งการสอนแอลว่าเธอไม่จำเป็นต้องทำตามผู้ชายเสมอไป เพราะเธอสามารถเลือกมีชีวิตที่เป็นของตนเองและเลือกเขียนกฏของเธอได้เอง รวมทั้งการค่อนขอดว่าแอลจมอยู่กับไมค์มากจนเกินไป เลยทำให้ไม่รู้จัก ‘วอนเดอร์วูแมน’ ฮีโร่หญิงในหนังสือการ์ตูนที่ปกครองอาณาจักรของเธอเองอันเต็มไปด้วยทหารหญิง
แนนซี่ พาเราไปสำรวจสังคมที่โตขึ้นมาหน่อย ผ่านสถานที่ทำงานที่แม้จะรับเธอเข้ามาในฐานะเด็กฝึกงานแต่ก็ไม่ได้ให้สิทธิ์คิดอ่านหรือแสดงความคิดเห็น หน้าที่รับผิดชอบของเธอในกองบรรณาธิการฮอวกินส์โพสท์มีเพียงการซื้ออาหารกลางวัน ชงกาแฟ และคอยรับโทรศัพท์เท่านั้น
เรื่องราวที่แนนซี่เจอเล่าตลกร้ายว่าแม้ผู้หญิงจะมีแนวความคิดที่ทันสมัย เป็นคนฉลาดหลักแหลม หรือไม่จำนนต่อเพศชายขนาดไหน ท้ายที่สุดระบบซึ่งออกแบบโดยผู้ชายเพื่อเอื้อประโยชน์ให้ผู้ชาย ก็จะกดทับและปิดกั้นไม่ให้เพศหญิงได้มีโอกาสคิดอ่านอยู่ดี หนำซ้ำ แม้เรื่องในเมืองฮอวกิ้นส์จะเกิดในปี 1986 แต่จวบจนปัจจุบัน เพศหญิงยังคงต่อสู้กับการโดนสังคมปฏิเสธโอกาสในด้านต่างๆ และซ้ำร้ายในบางครั้งก็เป็นเพื่อนหญิงด้วยกันที่ช่วยสนับสนุนแนวคิดปิตาธิปไตยที่กดทับเพศหญิงไว้ซะเอง
นอกเมืองฮอวกินส์เองก็มีผู้หญิงอีกมากมายที่ยังคงต้องต่อสู้และยืนยันในสิทธิ์เสียงของพวกเธอต่อไปด้วยหวังว่าวันที่ความเท่าเทียมและเท่ากันอย่างจริงแท้จะมาถึงในอีกไม่ไกล ความตั้งใจของคนเขียนบทที่สอดแทรกตัวละครหญิงหัวสมัยใหม่อย่าง แม็กซ์ที่มีความคิดเป็นของตัวเองมากกว่าการรอฟังคำสั่งจากผู้ชายไปวันๆ โรบินที่นอกจากฉลาดและมั่นใจ ยังยืนยันรสนิยมหญิงรักหญิงของตนเองแม้จะถูกตั้งคำถามหรือกังขา
แนนซี่ ที่พิสูจน์ตัวเองด้วยความสามารถเพื่องานที่เธอใฝ่ฝัน เอลิก้า เด็กหญิงปากจัดวัยสิบขวบที่ฉลาดเป็นกรดที่กล้าต่อล้อต่อเถียงกับทุกคนไม่ว่าคู่ชกของเธอจะเป็นใคร หรือแม้แต่การตัดสินใจก้าวออกจากคอมฟอร์ตโซนเพื่อหลีกหนีความทรงจำและความเจ็บปวดจากการสูญเสียฮอปเปอร์ไปในตอนจบของ จอยซ์ คุณแม่เลี้ยงเดี่ยวที่ต้องเผชิญหน้ากับการสูญเสียสามีและคนรักไปถึงสามครั้ง ก็นับเป็นความกล้าที่สร้างสรรค์อีกก้าวของบทภาพยนตร์ที่น่าชื่นชม
ชม Stranger Things ทั้ง 3 ซีซันได้แล้ววันนี้บน Netflix ทั้งในรูปแบบเสียงพากย์ภาษาไทยและคำบรรยายภาษาไทย และเตรียมชมซีรีส์ในไฟนอลซีซัน ภายในปี 2021 นี้