สาวก Zimbe ห้ามพลาด กับการเดินทางครั้งใหม่ของ Seiko Prospex Zimbe พร้อมด้วย อนันดา เอเวอร์ริ่งแฮม Seiko Prospex Brand Friend คนแรกในปีค.ศ. 2022
Seiko Prospex Zimbe Limited Editions No:16 &17 หลังเดินทางมากว่า 6 ปี นาฬิกาคอลเลกชัน Zimbe (จิมเบ) ของ Seiko Prospex ก็ได้หวนคืนกลับมาปลุกอดรีนาลีนแห่งการผจญภัยอีกครั้ง กับการเปิดตัวซีรีส์ใหม่ล่าสุดของ Seiko Prospex Zimbe Limited Edition สองรุ่นผลิตจำนวนจำกัดใน Zimbe 16 และ Zimbe 17 พร้อมทั้งการประกาศเปิดตัวและต้อนรับการกลับมาของ “อนันดา เอเวอร์ริ่งแฮม” ในฐานะ Seiko Prospex Brand Friend คนแรกประจำปีค.ศ. 2022 เพื่อร่วมปลุกจิตวิญญาณนักผจญภัยและการเดินทางแห่งท้องทะเล
คอลเลกชัน Zimbe นาฬิกาดำน้ำยอดฮิต มีจุดเริ่มต้นมาจากการเปิดตัวแคมเปญแรกในประเทศไทยของ Seiko เมื่อปีค.ศ. 2016 ด้วยคอนเซปต์ที่ว่า “Move your adventurous mind further” หรือการออกไปเดินทางผจญภัยเพื่อพบเจอกับประสบการณ์ใหม่ๆ เหมือนเช่นการเดินทางของเจ้าฉลามวาฬ หรือ Zimbe (จิมเบ) พร้อมทั้งได้เปิดตัวนาฬิกาดำน้ำที่มีเอกลักษณ์เฉพาะขึ้นมา กระทั่งชื่อของ Seiko Prospex Zimbe ได้กลายเป็นที่รู้จักและติดอันดับนาฬิกาควรค่าแก่การสะสมทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ ไม่แพ้ไปจากนาฬิการุ่นพี่ที่โด่งดังทั่วโลกมาแล้วอย่าง Monster จากการที่ Zimbe นั้นมักถูกหยิบยกขึ้นมารีวิวและกล่าวถึงกันอย่างมาก ด้วยเพราะทั้งการเป็นคอลเลกชันที่ผลิตขึ้นในแบบจำนวนจำกัด หรือการเป็น Thailand Limited Edition ซึ่งผลิตขึ้นเพื่อจำหน่ายสำหรับประเทศไทยเท่านั้น แต่ในเวลาเดียวกัน ก็มีแฟนๆ จากต่างประเทศจำนวนมากที่ติดตามและเก็บสะสมอย่างมากมาย
ขณะที่เรื่องราวของ Zimbe นั้น เรียกได้ว่ายังเกิดมาพร้อมๆ กับพรีเซนเตอร์คนแรกของ Seiko ในประเทศไทย อย่าง อนันดา เอเวอร์ริ่งแฮม ที่ใครๆ ก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า อนันดาคือ Zimbe และ Zimbe ก็คืออนันดา ด้วยเพราะไลฟ์สไตล์และคอนเซปต์ที่เข้ากันอย่างลงตัว ทำให้แฟนๆ ต่างพากันเรียกคอลเลกชันนี้กันอย่างติดปากว่า “Zimbe อนันดา” และจวบจนถึงปัจจุบัน เรื่องราวของ Zimbe ได้ถูกถ่ายทอดผ่านนาฬิกาสปอร์ตมาแล้วถึง 15 รุ่น ซึ่งแต่ละรุ่นก็มาพร้อมกับตัวเรือนหลากหลายดีไซน์ และแน่นอนว่าการกลับมาในปีค.ศ. 2022 นี้ Zimbe ย่อมไม่ทำให้สาวกฉลามวาฬต้องผิดหวัง โดยการเปิดตัวครั้งล่าสุดภายใต้แคมเปญ “Time to Awaken Your Zimbe Spirit” ถึงเวลาเดินทางให้สุด ไม่หยุดไปต่อ พร้อมทั้งต้อนรับสองนาฬิกาฉลามวาฬรุ่นใหม่ที่ยังคงผลิตขึ้นในจำนวนจำกัด รวมถึงการกลับมาของเพื่อนเดินทางคู่หูผู้ร่วมจิตวิญญาณเดียวกันตั้งแต่แรกเริ่มอย่าง “อนันดา เอเวอร์ริ่งแฮม” ในฐานะ Seiko Prospex Brand Friend ของ ไซโก (ประเทศไทย) กับเรื่องราวการเดินทางครั้งใหม่ที่จะพาไปพบการผจญภัยสุดเซอร์ไพรส์ ผ่านภาพยนตร์โฆษณาที่เตรียมจะเปิดตัวผ่านทางแพลตฟอร์มออนไลน์ของ Seiko ทุกช่องทางในวันที่ 9 กันยายน ค.ศ. 2022 นี้
โดยเรื่องราวของคอลเลกชัน Seiko Prospex Zimbe ได้ถ่ายทอดอย่างสมบูรณ์ผ่านนาฬิกาสองรุ่นพิเศษใหม่ใน Seiko Prospex Zimbe Limited Edition ทั้ง Zimbe 16 และ Zimbe 17 ซึ่งนับเป็นการเดินทางครั้งสำคัญในการช่วยอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและรณรงค์เพื่อลดขยะพลาสติกทางทะเล เพื่อเป็นการปกป้องรักษาพื้นที่อาศัยของฉลามวาฬ ซึ่งมักจะเดินทางและพบได้ในพื้นที่ที่มีความอุดมสมบูรณ์และเต็มไปด้วยแหล่งอาหาร ที่ท้องทะเลหลายแห่งในประเทศไทยนั้นก็เป็นเหมือนจุดนัดพบกับฉลามวาฬในทุกๆ ปี ทว่า ในปัจจุบัน “ขยะในท้องทะเล” ที่เกิดจากฝีมือมนุษย์ โดยเฉพาะขยะพลาสติก ทั้งอวน แห ขวด ฝาพลาสติก ถุงพลาสติก แก้ว ช้อน ชาม ได้เพิ่มจำนวนมากขึ้นจากอุตสาหกรรมและนักท่องเที่ยวนั้น ส่งผลทำให้พืชและสัตว์ทะเลล้มตายเป็นอันดับต้นๆ ตลอดจนส่งผลกระทบอย่างหนักต่อทะเล สัตว์น้ำ และระบบนิเวศในทะเล รวมถึงเจ้าฉลามวาฬนี้ด้วย
ต้นกำเนิดของโปรเจกต์พิเศษเพื่อการฟื้นฟูและอนุรักษ์ท้องทะเลไทย
Zimbe 16 และ Zimbe 17 จึงเปิดตัวในฐานะหนึ่งในตัวแทนเชิงสัญลักษณ์ของการรณรงค์ให้ผู้ที่รักทะเลได้ตระหนักและร่วมมือกันช่วยลดขยะพลาสติกในท้องทะเลไทย โดยคอลเลกชัน Zimbe นี้เองยังนับเป็นต้นกำเนิดของโปรเจกต์พิเศษเพื่อการฟื้นฟูและอนุรักษ์ท้องทะเลไทยที่ไซโก ประเทศไทย ได้เดินหน้าทำมากว่า 5 ปีแล้ว ภายใต้ชื่อโครงการ Seiko Save The Sea และเปลี่ยนมาเป็น Save The Ocean ในปัจจุบัน โดยนำรายได้ส่วนหนึ่งจากการจำหน่ายนาฬิกา Seiko Prospex Zimbe และ Seiko Prospex รุ่นอื่นๆ มาสนับสนุนโครงการอย่างต่อเนื่อง เช่นเดียวกับบทบาทของนาฬิกาสองรุ่นใหม่นี้
ทั้ง Seiko Prospex Zimbe Limited Edition No.16 : SRPJ55K ที่ครั้งนี้มาพร้อมความโดดเด่นของโครงสร้างตัวเรือนสเตนเลสสตีล ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 43.2 มิลลิเมตร ในรูปทรงตัวเรือนที่แฟนๆ เรียกกันว่า Mini Tuna (มินิ ทูน่า) กับคุณสมบัติเลื่องชื่อทั้งในแง่ของความทนทาน แข็งแกร่ง พร้อมประสิทธิภาพของการกันน้ำได้ลึกระดับ 200 เมตรอย่างยอดเยี่ยม รวมถึงการทำงานของกลไก Caliber 4R35 ความถี่ 21,600 ครั้งต่อชั่วโมงหรือ 3 เฮิรตซ์ ขณะที่จุดเด่นอีกอย่างคือเมื่อมองจากด้านบนจะมีรูปทรงคล้ายกระป๋องทูน่า และเมื่อมองจากด้านข้างจะเห็นว่าถูกประกบด้วยโครงสร้างของตัวเรือนอีกหนึ่งชั้น ซึ่งช่วยเสริมความปลอดภัยยิ่งขึ้นต่อการกระแทก แต่ไม่เทอะทะ สะท้อนถึงแรงบันดาลใจจากผิวของฉลามวาฬซึ่งมีความเหนียวกว่าสัตว์ชนิดอื่นๆ โดยผิวชั้นนอกถูกปกคลุมทับซ้อนกันระหว่างเกล็ดแข็งๆ ลักษณะคล้ายสารเคลือบฟัน มีหน้าที่เป็นเสมือนชุดเกราะ โดยเกล็ดแต่ละอันมีขนาดกว้าง 0.5 มิลลิเมตร ยาว 0.75 มิลลิเมตร ส่วนหนังชั้นในถัดลงไปจะเป็นเนื้อเยื่อเกี่ยวพันซึ่งมีความหนาถึง 14 เซนติเมตร คล้ายกันกับโครงสร้างของตัวเรือน Seiko Prospex Zimbe No.16 นั่นเอง
ขณะที่ภาพที่เรามองเห็นฉลามวาฬว่ายอยู่ใกล้ผิวน้ำพร้อมกับฝูงปลา ก็เป็นภาพที่เหล่านักดำน้ำมักจะพบเห็นและถูกนำมาเป็นสัญลักษณ์ของคอลเลกชัน Zimbe บนฝาหลังนาฬิกามานานกว่า 6 ปี เพื่อแสดงออกถึงความพิเศษและจิตวิญญาณแห่งนักเดินทางบนข้อมือนี้ เช่นกันกับบนฝาหลังของ Prospex Zimbe Limited Edition รหัส SRPJ55K (No.16) ซึ่งจะมีจำหน่ายเฉพาะในประเทศไทย และมีจำนวนจำกัดเพียง 1,000 เรือน พร้อมวางจำหน่ายในวันที่ 15 กันยายน ค.ศ. 2022 นี้
เปิดตัวพร้อมกันกับอีกหนึ่งรุ่นของ Seiko Prospex Zimbe Limited Edition No.17 : SRPJ29K ที่แตกต่างด้วยรูปทรงตัวเรือนยอดฮิต อย่าง King Samurai (คิง ซามูไร) กับเอกลักษณ์ของเหลี่ยมมุมการขัดแต่งของตัวเรือนสเตนเลสสตีล ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 48.7 มิลลิเมตร ตลอดจนขอบตัวเรือนเด่นด้วยเครื่องหมายขีดบอกเวลา คล้ายกันกับลวดลายของดาบคาตานะอันเฉียบคม คู่ด้วยหน้าปัดสีเทาแบบเดียวกับฉลามวาฬ และเล่นลวดลายพื้นผิวแบบเกลียวคลื่น รับกับขอบเซรามิกและสายสีน้ำเงิน ทำงานด้วยกลไก Caliber 4R35 ความถี่ 21,600 ครั้งต่อชั่วโมง หรือ 3 เฮิรตซ์ พร้อมคงประสิทธิภาพการกันน้ำได้ลึกระดับ 200 เมตร เช่นเดียวกัน ที่ฝาหลังของรุ่นซึ่งผลิตขึ้นในจำนวนจำกัดเพียง 1,000 เรือน และมีจำหน่ายเฉพาะในประเทศไทยนี้ยังคงประทับไว้ด้วยสัญลักษณ์รูปฉลามวาฬของคอลเลกชัน Zimbe เพิ่มความโดดเด่นด้วยชุดเข็ม เม็ดมะยม และตัวคล้องสายสีโรสโกลด์ รวมถึงส่งมอบมากับสายซิลิโคนอีกหนึ่งเส้น รุ่นนี้พร้อมวางจำหน่ายในวันที่ 28 กันยายน ค.ศ. 2022 นี้
นอกเหนือจากความพิเศษของนาฬิกาแล้ว ดีไซน์กล่องของทั้งสองรุ่นนี้ยังนำเสนอด้วยกระบวนการผลิตจากการนำขยะพลาสติกกลับมารีไซเคิลเป็นเม็ดพลาสติก และฉีดขึ้นรูปเป็นกล่อง Zimbe พร้อมทั้งใช้เทคนิคทำให้เกิดลวดลายแบบคลื่นทะเลที่มีความสวยงามแตกต่างไม่ซ้ำกัน ด้วยความตั้งใจของแบรนด์ในการช่วยลดขยะพลาสติกทางทะเล และนำขยะกลับมาใช้ให้เกิดประโยชน์ โดยรายได้ส่วนหนึ่งจากการจำหน่ายนาฬิกาเหล่านี้จะนำไปต่อยอดโครงการ Seiko Save The Ocean เพื่อฟื้นฟูและอนุรักษ์ท้องทะเลไทยอย่างต่อเนื่องต่อไป
CREDITS:
PHOTOS: COURTESY OF SEIKO
VIDEO: Perayut Limpanastitphon
STOCK FOOTAGE: mixkit.co
MUSIC: www.bensound.com
GRAPHIC DESIGNER: Vanicha Limpanastitphon
สามารถติดตามคอนเทนต์ นาฬิกา อื่นๆ ที่น่าสนใจได้ ที่นี่