SEIKO Prospex Save The Ocean #7 นาฬิกาอนุรักษ์ท้องทะเลรุ่นที่ 7 ที่นักสะสมต้องไม่พลาด
น่าจะเป็นชื่อรุ่นและชื่อโครงการที่แฟนๆ นาฬิกา ไซโก (Seiko) รู้จักกันเป็นอย่างดี กับโปรเจ็กต์ที่ Seiko สร้างสรรค์ขึ้นเพื่อร่วมอนุรักษ์ท้องทะเล อันเป็นแหล่งทรัพยากรทางธรรมชาติที่สำคัญ พร้อมกับเผยโฉมนาฬิกามาแล้วหลากหลายรุ่น ด้วยงานออกแบบและดีไซน์เฉพาะตัวที่กลายเป็นตำนานเอกลักษณ์ของแต่ละรุ่น ซึ่งวันนี้ได้เดินทางมาจนถึงเจเนอเรชั่นที่ 7 แล้ว กับ Seiko Prospex Save The Ocean #7 Special Edition รุ่นใหม่ล่าสุด
หากจะกล่าวว่า “Save The Ocean” เป็นหนึ่งในโครงการที่ได้รับความสนใจอย่างมากจากผู้คน โดยเฉพาะแฟนๆ นาฬิกาที่รู้จักคุ้นเคยกับแบรนด์ Seiko เป็นอย่างดีแล้ว ก็คงไม่ผิดนัก ส่วนหนึ่งมาจากการทำงานที่ทุ่มเทของโครงการ ซึ่งเกิดจากการริเริ่มและผสานความร่วมมือกับนักสำรวจโลกใต้ท้องทะเล อย่าง Fabien Cousteau หลานชายของนักสำรวจใต้น้ำและผู้สร้างภาพยนตร์สารคดีใต้มหาสมุทรชาวฝรั่งเศสชื่อดังระดับโลก Jacques-Yves Cousteau ผู้ซึ่งยังคงเดินหน้าออกสำรวจโลกใต้ท้องทะเล โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อการสำรวจและเก็บรวบรวมข้อมูลมาใช้ในการศึกษา และหาแนวทางในการพิทักษ์และฟื้นฟูท้องทะเลต่อไป โดย “Save The Ocean” ไม่เพียงเป็นตัวแทนของการแสดงออกให้เห็นถึงบทบาทและความสำคัญของท้องทะเล จากการสร้างสรรค์ ออกแบบ และผลิตนาฬิกาแต่ละรุ่นสำหรับโครงการที่เกิดขึ้นเท่านั้น แต่ Seiko ยังได้นำรายได้ส่วนหนึ่งจากการจำหน่ายนาฬิกามอบให้กับศูนย์วิจัยและการเรียนรู้ทางทะเลของ Fabien Cousteau Ocean Learning Center (FCOLC) อีกด้วย
SEIKO PROSPEX
ด้วยเพราะเป็นโครงการที่อุทิศให้กับท้องทะเล นาฬิกาที่ Seiko เลือกนำมารังสรรค์ย่อมหนีไม่พ้นความแข็งแกร่งและเต็มไปด้วยสมรรถนะใต้น้ำอันเป็นเอกลักษณ์ของคอลเลกชั่นดำน้ำมืออาชีพยอดนิยมของแบรนด์ อย่าง Prospex ที่ในนาฬิการุ่นพิเศษสำหรับโครงการนี้จะมีชื่อห้อยท้ายมาด้วยว่า “Save The Ocean” Special Edition ซึ่งไม่ได้เป็นรุ่นผลิตจำนวนจำกัด แต่เป็นนาฬิการุ่นพิเศษสำหรับโครงการนี้โดยเฉพาะ ซึ่งผลงานรุ่นแรกๆ ที่เปิดตัวในปี 2018 พร้อมกับจุดเริ่มต้นของโครงการครั้งนั้น Seiko ได้ปล่อยตัวผลงานพร้อมรูปลักษณ์เด่นๆ ของนาฬิกาดำน้ำที่สาวกแบรนด์นี้รู้จักกันเป็นอย่างดีในฉายาต่างๆ อย่าง Turtle และ Samurai ด้วยรูปทรงและงานดีไซน์เฉพาะของแต่ละตัวเรือนและรุ่น
เรียกว่าเป็นการปลุกกระแสให้ผู้คนเริ่มตามเก็บนาฬิกาคอลเลกชั่นนี้ขึ้นตามมา และผลักดันให้ Seiko เองก็ไม่หยุดสร้างสรรค์นาฬิกาเจเนอเรชั่นอื่นๆ ของ “Save The Ocean” Special Edition อย่างต่อเนื่อง ควบคู่ไปกับการบุกเบิกทั้งกิจกรรมและโครงการอนุรักษ์ท้องทะเลอย่างทุ่มเทเสมอมา เช่นเดียวกับในวันนี้ ที่ Seiko ได้เปิดตัวผลงานเจเนอเรชั่นที่ 7 ของ Prospex Save The Ocean #7 Special Edition รุ่นล่าสุดที่มาพร้อมงานดีไซน์และคอนเซปต์การสร้างสรรค์อันโดดเด่นไม่แพ้รุ่นอื่นๆ ของคอลเลกชั่นเลยทีเดียว โดยเฉพาะการได้รับแรงบันดาลใจจากแอนตาร์กติกา นำมาสู่การรังสรรค์หน้าปัดขึ้นด้วยเฉดสีฟ้าและสีขาว และยังประทับไว้ด้วยรอยเท้าเพนกวิน สัตว์ประจำถิ่นและเป็นดั่งสัญลักษณ์สำคัญแห่งแอนตาร์กติกาไว้บนหน้าปัดอีกด้วย
SRPG57K และ SRPG59K
มาเริ่มกันที่ความพิเศษของหน้าปัดนาฬิกา Prospex Save The Ocean #7 Special Edition ใหม่ล่าสุดซึ่งมีให้เลือกในสองรุ่นคือ SRPG57K และ SRPG59K ที่ต่างได้แรงบันดาลใจมาจากแอนตาร์กติกา เขตอนุรักษ์ทางทะเลที่ใหญ่ที่สุดในโลก และมีภูมิประเทศซึ่งเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวไม่เหมือนกับที่ใดๆ ทั้งการบรรจบกันของท้องฟ้า หิน และน้ำแข็ง ที่สะท้อนผ่านสีสันอันเป็นเอกลักษณ์เดียวกันบนหน้าปัดนาฬิกาเจเนอเรชั่นนี้ นั่นคือ สีฟ้าและขาว ทั้งยังเลือกใช้เทคนิคการไล่เฉดสีบนหน้าปัด ซึ่งถอดต้นแบบมาจากสีขาวของปุยหิมะ และสีของท้องฟ้าที่สะท้อนกับธารน้ำแข็ง อันเป็นเสน่ห์แห่งสีสันของทวีปแอนตาร์กติก
ส่วนอีกหนึ่งจุดเด่นของหน้าปัดและถือว่าเป็นไฮไลต์พิเศษของการออกแบบในรุ่นใหม่นี้ ก็คือพื้นผิวซึ่งเป็นการเล่นลวดลายของหิมะที่โดนลมพัดจนเป็นริ้ว ทั้งเพิ่มมิติและลูกเล่นให้เจ้าของนาฬิกาได้ร่วมจินตนาการไปถึงภูมิทัศน์ของแอนตาร์กติกา รวมถึงประทับไว้ด้วยรอยเท้าของเพนกวิน ที่เดินผ่านบนพื้นหิมะไว้บนหน้าปัด เพื่อเป็นการย้ำเตือนและชวนให้ระลึกถึงความสวยงามแห่งธรรมชาติ เช่นเดียวกับสัตว์ประจำถิ่นที่อยู่อาศัยและกลายเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของสถานที่นั้นๆ ที่หากเราเองไม่ช่วยกันดูแลและปกป้องสิ่งแวดล้อมเหล่านี้เอาไว้ให้สมดุล ในอนาคตเราก็อาจไม่ได้เห็นรอยเท้าของบรรดาสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ในแอนตาร์กติกานี้อีกก็เป็นได้
จะว่าไปแล้ว คอนเซปต์สีฟ้าและขาวของ Prospex Save The Ocean #7 Special Edition ก็ยังไปบรรจบกับคอลเลกชั่นใหญ่ที่เป็นไฮไลต์เด่นของปีนี้สำหรับ Seiko เช่นกัน กับการเฉลิมฉลองครบรอบ 140 ปีของการก่อตั้งแบรนด์ ซึ่งล่าสุด Seiko ได้ปล่อยตัวซีรีส์พิเศษใหม่ของ Seiko 140th Anniversary Limited Edition ออกมาด้วย โดยเป็นนาฬิกาสี่รุ่นจากสี่คอลเลกชั่นหลักอันเป็นหัวใจของ Seiko ทั้ง Prospex, Astron, Presageและ 5 Sports และอุทิศให้กับวิสัยทัศน์เพียงหนึ่งเดียวที่ยึดมั่นโดย Kintaro Hattori ผู้ก่อตั้งแบรนด์ขึ้นในปี 1881 นั่นคือ “One step ahead of the rest” หมายถึง ‘ต้องนำหน้าคู่แข่งอยู่ 1 ก้าวเสมอ’ ซึ่งยังคงเป็นแรงบันดาลใจในการทำงานของ Seiko มาจนถึงปัจจุบันนี้ โดยนาฬิกาทั้งสี่รุ่นพิเศษผลิตในจำนวนจำกัดนี้ มาพร้อมกับการผสมผสานคอนเซปต์ที่ถ่ายทอดฉากของท้องฟ้าสีฟ้าและแสงอาทิตย์สีขาวเงินที่แทรกตัวผ่านผืนเมฆ กลายเป็นความสวยงามของการตกแต่งบนหน้าปัดด้วยโทนสีเงิน-ขาว พร้อมทั้งผสานด้วยสีฟ้าและน้ำเงินบนรายละเอียดของหน้าปัด และบนขอบตัวเรือน สะท้อนถึงความสำเร็จบนเส้นทาง 140 ปีของการสร้างสรรค์นาฬิกาด้วยมาตรฐานแห่งความเที่ยงตรงแม่นยำ และการเดินหน้าสู่อนาคตอันสดใสและสว่างไสวของ Seiko
ขยับมาที่ความโดดเด่นของการสร้างสรรค์ตัวเรือน สมรรถนะและฟังก์ชั่นภายในนาฬิกา Prospex Save The Ocean #7 Special Edition กันบ้าง ซึ่งในเจเนอเรชั่นล่าสุดนี้มีให้เลือกในสองรุ่นกับรูปลักษณ์ที่ต่างกัน คือรุ่นตัวเรือนแบบ Monster ภายใต้รหัส SRPG57K และรุ่นตัวเรือนทรง Mini Tuna Can ในรหัส SRPG59K ทั้งคู่คงคอนเซปต์ของสีเงินของตัวเรือน เพื่อสะท้อนถึงดินแดนอัน
เป็นจุดเยือกแข็งและแวดล้อมไปด้วยนำ้แข็งของแอนตาร์กติกา โดยในรุ่นรหัส SRPG57K มาพร้อมตัวเรือนขนาดเส้นผ่าศูย์กลาง 42.43 มิลลิเมตร และหนา 13.40 มิลลิเมตร ประกอบเข้ากับสายซึ่งทำจากสเตนเลสสตีลแข็งแกร่งทนทาน ติดตั้งเม็ดมะยมและฝาหลังแบบขันเกลียว และปกป้องหน้าปัดด้วยกระจก Hardlexพร้อมการขับเคลื่อนของกลไกจักรกลไขลานอัตโนมัติหรือเลือกขึ้นลานด้วยมือผ่านเม็ดมะยม Cal. 4R36 แสดงวันและวันที่บนช่องหน้าต่างที่ตำแหน่ง 3 นาฬิกา พร้อมเลนส์นูนขยายวันที่ บรรจุสารเรืองแสง Lumibrite บนหน้าปัดเพื่อการแสดงค่าเวลาได้อย่างชัดเจน และมีประสิทธิภาพการกันน้ำได้ลึกระดับ 200 เมตร
ขณะที่รุ่นรหัส SRPG59K เปิดตัวด้วยรูปโฉมทันสมัยของตัวเรือน Mini Tuna Can ทรงกระป๋องที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะ ด้วยขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 43.22 มิลลิเมตร และมีตัวเรือนหนา 12.63 มิลลิเมตร ทำจากวัสดุสเตนเลสสตีลแข็งแรงทนทาน และเกราะตัวเรือนตกแต่งด้วยสีเงิน จับคู่มากับสายยาง Polyurethane สีเทาให้สัมผัสของความนุ่มและยืดหยุ่นสูง ติดตั้งเม็ดมะยมและฝาหลังแบบขันเกลียว ซึ่งรับประกันได้ถึงการกันน้ำได้ลึกระดับ 200 เมตร และปกป้องหน้าปัดด้วยกระจก Hardlex โดยรุ่นนี้ทำงานด้วยกลไกจักรกลไขลานอัตโนมัติหรือเลือกขึ้นลานด้วยมือผ่านเม็ดมะยม Cal.4R35 ที่มอบศักยภาพของการสำรองพลังงานได้สูงสุดถึง 41 ชั่วโมง และแสดงวันที่อย่างชัดเจนผ่านช่องหน้าต่าง ณ ตำแหน่งระหว่าง 4 และ 5 นาฬิกา ควบคู่มากับการแสดงค่าเวลาใต้น้ำหรือที่มีแสงน้อยได้อย่างชัดเจนด้วยสารเรืองแสง Lumibrite
สำหรับ Special Edition นี้ พร้อมวางจำหน่ายแล้วตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายนที่ผ่านมา โดยรุ่นรหัส SRPG57K นำเสนอในราคา 20,900 บาท และรุ่นรหัส SRPG59K ราคาเพียง 21,700 บาท
CREDITS:
PHOTOS: COURTESY OF SEIKO
VIDEO: Perayut Limpanastitphon
Video footage: Mikhail Nilov from Pexels, Winter from https://pixabay.com
Music: https://pixabay.com
GRAPHIC DESIGNER: Vanicha Limpanastitphon
สามารถติดตามคอนเทนต์ นาฬิกา อื่นๆ ที่น่าสนใจได้ ที่นี่