พาไปชมไฮไลต์รุ่นเด่นเรือนเอกซ์คลูซีฟของ Seiko ในงาน Central International Watch Fair 2021 ตั้งแต่วันนี้ถึง 31 ตุลาคม 2021
Seiko 140th Anniversary Limited Editions สำหรับนักสะสม โดยเฉพาะในปีสำคัญของ Seiko (ไซโก) ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นปีแห่งการฉลองครบรอบ 140 ปี บนเส้นทางการประดิษฐ์สร้างสรรค์นาฬิกา และยังเป็นปีของการฉลอง 30 ปีแห่งความสำเร็จของบริษัท ไซโก (ประเทศไทย) อีกด้วย ทำให้นับตั้งแต่ต้นปีค.ศ. 2021 จนถึงตอนนี้ Seiko ได้เปิดตัวนาฬิการุ่นพิเศษแห่งการฉลองและคอลเลกชั่นสร้างสรรค์เฉพาะสำหรับประเทศไทยขึ้นมาให้แฟนๆ ได้คอยติดตามกันอย่างไม่ขาดสาย เหมือนกับในงาน Central International Watch Fair 2021 ที่เพิ่งเปิดงานไปเมื่อวันที่ 28 กันยายน และจะมีไปตลอดหนึ่งเดือนเต็มจนถึงวันที่ 31 ตุลาคมนี้ ที่ Seiko ได้นำเสนอความเอกซ์คลูซีฟของนาฬิกาสามคอลเลกชั่นใหม่ล่าสุดมาเปิดตัวให้สาวกได้ติดตามกันอีกแล้ว
เริ่มจากการเผยโฉมอย่างที่หลายคนตั้งตารอชมกับผลงานสุดประณีตและมีความโดดเด่นเฉพาะตัวที่ไม่เหมือนใคร อย่าง Seiko 140th Anniversary Ginza Limited Editions ที่เปิดตัวด้วยนาฬิกาสองรุ่นพิเศษซึ่งล้วนได้แรงบันดาลใจมาจากย่านกินซ่าสุดหรูใจกลางกรุงโตเกียวอันเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวและประวัติศาสตร์ความสำเร็จของ Seiko และร่วมฉลองครบรอบ 140 ปี ของการก่อตั้ง แบรนด์ ซึ่งทั้งสองรุ่นผลิตจำนวนจำกัดทั่วโลกนี้จะมีนำเข้ามาจำหน่ายในเมืองไทยเพียงรุ่นละ 150 เรือนเท่านั้น
แน่นอนว่าหนึ่งในสัญลักษณ์ของกินซ่า ย่านสุดหรูใจกลางกรุงโตเกียวนั้นย่อมต้องนับรวมไปถึงนาฬิกาคล็อก Seiko ที่ติดตั้งอยู่บนอาคารในกินซ่าและทำหน้าที่รักษาเวลาให้กับผู้คนในกรุงโตเกียวมาอย่างช้านานจวบจนถึงทุกวันนี้ โดยนาฬิกาของ Seiko ที่ติดตั้งอยู่บนห้างสรรพสินค้า Wako ได้ทำหน้าที่เสมือนดวงตาที่มองลงมายังแยกที่มีชื่อเสียงที่สุดของกินซ่า และจากบนหลังคาของห้าง Wako แห่งนี้เองยังเป็นที่ตั้งของหนึ่งในร้านแฟล็กชิพสโตร์ที่ใหญ่ที่สุดของ Seiko อีกด้วย นอกจากนี้ในบริเวณใกล้เคียงกันยังมีสถานที่สำคัญอื่นๆ ของ Seiko ตั้งอยู่ ไม่ว่าจะเป็น พิพิธภัณฑ์ Seiko Museum บูติกที่สร้างขึ้นเพื่อเป็นพื้นที่จำหน่ายเฉพาะคอลเลกชั่น Prospex และ Dream Square ที่ซึ่งผู้มาเยี่ยมชมจะได้สัมผัสถึงมรดกอันล้ำค่าของแต่ละคอลเลกชั่นและประวัติศาสตร์การสร้างสรรค์นาฬิกาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยตำนานและเอกลักษณ์ของ Seiko
จากบรรยากาศและความเชื่อมโยงผูกพันเหล่านี้เองที่กลายมาเป็นแรงบันดาลใจให้กับนาฬิกาสองรุ่นสุดพิเศษที่อุทิศให้กับย่านกินซ่าแห่งประวัติศาสตร์ของ Seiko ทั้งจากคอลเลกชั่น Prospex และ Presage ที่ถ่ายทอดออกมาเป็นนาฬิกาสองรุ่นผ่านการตกแต่งหน้าปัดสุดประณีต สะท้อนถึงลวดลายพื้นถนนที่ปูด้วยหินทรงลูกบาศก์แบบดั้งเดิมของย่านนี้ และนำมาเรียงร้อยเป็นเลเยอร์บนหน้าปัดนาฬิกาประหนึ่งงานศิลปะ โดยได้เลือกโทนหินสีคอมพารุ (Komparu) ซึ่งเป็นเฉดสีฟ้าแกมเขียวอ่อนในแบบดั้งเดิมของญี่ปุ่นมาใช้ในการตกแต่งร่วมด้วย เช่นเดียวกันกับบนเข็มวินาทีเฉดสีคอมพารุที่ให้อารมณ์ความรู้สึกได้ถึงความร่วมสมัยของอาคารอันสมัยใหม่ที่ผสมผสานเข้ากับสถาปัตยกรรมอันมีเอกลักษณ์ของย่านนี้ บ่งบอกถึงการผสมผสานระหว่างมรดกและความทันสมัย ประวัติศาสตร์และความก้าวหน้า รวมถึงถ่ายทอดบุคลิกความโดดเด่นที่ไม่เหมือนใครในแบบฉบับของ Seiko ได้อย่างดีนั่นเอง
สำหรับรุ่น Seiko Prospex 1959 Alpinist Modern Re-interpretation: SPB259 ของคอลเลกชั่นนี้จะมาพร้อมการทำงานของกลไกอัตโนมัติ 6R35 สำรองพลังงานได้ 70 ชั่วโมง และกันน้ำได้ลึก 200 เมตร โดยผลิตขึ้นในจำนวนจำกัดเพียง 3,500 เรือน สำหรับวางจำหน่ายเฉพาะในบูติกของ Seiko และร้านค้าปลีกทั่วโลกที่ได้รับเลือก ขณะที่ในเมืองไทยจะมีนำเข้ามาจำหน่ายเพียง 150 เรือนเท่านั้น ส่วนรุ่น Seiko Presage: SSA445 คงความคลาสสิกร่วมสมัย และบนหน้าปัดที่ตำแหน่ง 9 นาฬิกาเจาะช่องเพื่อเปิดโชว์การทำงานของชุดเอสเคปเมนท์ภายในของกลไก 4R39 ซ้อนด้านบนไว้ด้วยหน้าปัดย่อยแสดงเวลา 24 ชั่วโมง ทำให้ง่ายต่อการอ่านค่าระหว่างช่วงเวลากลางวันและเวลากลางคืน ซึ่งรุ่นนี้ผลิตขึ้นในจำนวนจำกัดเพียง 4,000 เรือนทั่วโลก และนำเข้ามาในเมืองไทยเพียง 150 เรือนเหมือนกัน นาฬิกาสองรุ่นพิเศษสุดนี้จะเริ่มจำหน่ายในวันที่ 1 ตุลาคม 2021
ตามมาด้วยการเปิดตัวนาฬิกาจากคอลเลกชั่นเฉพาะสำหรับประเทศไทยหรือ Thailand Limited Edition อย่าง Seiko “Real Thai Collection” ในโอกาสฉลอง 30 ปีแห่งความสำเร็จของบริษัท ไซโก (ประเทศไทย) ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากวัฒนธรรมอันเป็นเอกลักษณ์จากสี่ภูมิภาคของไทย นำมาถ่ายทอดไว้ในนาฬิกา Prospex : Seiko Thailand 30th Anniversary Limited Editions ซึ่งได้เริ่มเปิดตัวมาแล้วนับจากปลายเดือนสิงหาคมที่ผ่านมากับรุ่นนี้ ISAN: PHI TA KHON (SPB247J) ที่ร่วมสะท้อนสีสันแห่งวัฒนธรรม “ผีตาโขน” ของภาคอีสานสู่ลวดลายเส้นสายการตกแต่งหน้าปัดเสมือนงานหัตถกรรมเครื่องจักรสานที่มีชื่อเสียง และฝาหลังประทับสัญลักษณ์ลวดลายหน้ากากผีตาโขน พร้อมระบุหมายเลขประจำตัวเรือนที่รุ่นนี้จะมีจำนวนจำกัดเพียง 1,991 เรือน ตามปีที่เริ่มจดทะเบียนอย่างเป็นทางการในประเทศไทย บรรจุภายในตัวเรือนแบบ “ซูโม่” ซึ่งเป็นรุ่นบุกเบิกของโมเดลที่ผลิตในญี่ปุ่นและนำเข้ามาจำหน่ายในเมืองไทยเป็นรุ่นแรกๆ โดยตกแต่งขอบตัวเรือนด้วยสีดำแดง ตัดกับสเกลและมาร์กเกอร์ชั่วโมงสีทองที่ได้แรงบันดาลใจตามสีสันของหน้ากากและเครื่องแต่งกายของผีตาโขน รวมถึงกล่องนาฬิกากำมะหยี่สีแดง ประทับด้วยโลโก้ Seiko Thailand 30th Anniversary และสัญลักษณ์ “หน้ากากผีตาโขน” พร้อมสายยางที่ส่งมอบมาด้วย
Seiko 5 Sports Industrial Design “Cement”
และอย่าลืมที่จะพลาดชมเรือนจริงสุดเท่ของ Seiko 5 Sports Industrial Design “Cement” ใหม่ล่าสุดจากตระกูล Seiko 5 Sports ที่ผ่านการออกแบบขึ้นสำหรับเจเนอเรชันใหม่โดยเฉพาะ กับพื้นฐานของนาฬิกา Seiko ทรงสปอร์ตที่ได้รับความนิยมตลอดกาล และต่อยอดพัฒนามาจากตัวเรือนรุ่นดั้งเดิม โดยเข็มนาทีทรงปลายลูกศร กับมาร์กเกอร์ชั่วโมงที่คงความชัดเจนในการอ่านค่าได้ง่าย ซึ่งในผลงานใหม่ล่าสุดนี้มาพร้อมรหัส SRPG61K และ SRPG63K ที่ได้แรงบันดาลใจการออกแบบและสร้างสรรค์มาจากงานดีไซน์อินดัสเทรียล กับการนำพื้นผิวแบบดิบเท่สไตล์ซีเมนต์มาใช้ในการตกแต่งทั้งบนตัวเรือนสีขาวซีเมนต์ และหน้าปัดลวดลายพิเศษ แต่ละรุ่นแตกต่างกันด้วยขอบตัวเรือนแบบหยักปรับหมุนได้ขนาด 42.5 มิลลิเมตร และขอบตัวเรือนแบบเรียบขนาด 40.0 มิลลิเมตร ทั้งคู่ขับเคลื่อนด้วยกลไกอัตโนมัติ 4R36 สำรองพลังงานได้ 41 ชั่วโมงที่ออกแบบมาเพื่อให้เหมาะกับการใช้งานและการสวมใส่ในชีวิตประจำวัน รวมถึงเป็นสื่อกลางในการนำเสนอความสวยงามตามแบบฉบับ Show Your Style ของ Seiko ได้เหมือนกับทุกๆ ผลงานสร้างสรรค์ของแบรนด์ สามารถชมไฮไลต์นาฬิการุ่นใหม่ล่าสุดเหล่านี้ได้แล้วที่งาน Central International Watch Fair 2021 ตั้งแต่วันที่ 28 กันยายน – 31 ตุลาคม 2021 นี้ ณ บริเวณชั้น 3 เซ็นทรัลชิดลม
CREDITS:
PHOTOS: COURTESY OF SEIKO
STOCK FOOTAGE: VJ Loop from www.beeple-crap.com, www.videvo.net
VIDEO: Perayut Limpanastitphon
GRAPHIC DESIGNER: Vanicha Limpanastitphon
สามารถติดตามคอนเทนต์ นาฬิกา อื่นๆ ที่น่าสนใจได้ ที่นี่