เปิดอาณาจักร “สารพัดไทย” ศูนย์รวมสินค้าไลฟ์สไตล์ดีไซน์ไทยสุดโมเดิร์น พบความเป็นไทยที่บอกเล่าในธีม ‘ทุกสารพัดสิ่งที่ค้นหา’ ณ One Bangkok
เปิดอาณาจักร “สารพัดไทย” ศูนย์รวมสินค้าไลฟ์สไตล์ดีไซน์ไทยสุดโมเดิร์น พบความเป็นไทยที่บอกเล่าในธีม ‘ทุกสารพัดสิ่งที่ค้นหา’ แหล่งรวมความคิดสร้างสรรค์ที่สอดแทรกความเป็นไทยสไตล์โมเดิร์น ผ่านไอเทมหลากดีไซน์ เสมือนประตูสู่โลกแห่งการค้นหาที่ “สารพัดไทย” ศูนย์รวมสินค้าสำหรับผู้หลงใหลในไลฟ์สไตล์ที่เฟ้นหาผลิตภัณฑ์คุณภาพ ผสานการออกแบบร่วมสมัยสุดยิ่งใหญ่ เป็นแห่งแรกในประเทศไทย บนพื้นที่กว่า 2,400 ตารางเมตร ณ วัน แบงค็อก ชั้น 3 โซนพาเหรด
ต้อนรับนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติที่ชื่นชอบวิถีสไตล์ไทยในยุคปัจจุบัน และสะท้อนความเป็นไทยผ่านการออกแบบและตีความออกมาให้เป็นของที่มีอัตลักษณ์ไทยในมุมมองและสามารถใช้ได้จริงในชีวิตประจำวัน
โดยจัดงานฉลองเปิดร้านอย่างเป็นทางการเมื่อต้นเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ซึ่งวรรณชื่น ทองเย็น ผู้จัดการทั่วไป ร้านสารพัดไทย เผยว่า เครื่องหมายการค้าของ สารพัดไทย คือ “ฯลฯ” ซึ่งในความหมายในภาษาอังกฤษ หมายถึง etc. Thainess หรือคำไทยคือ สารพัดสิ่งและเรื่องราวเล่าขานไม่มีที่สิ้นสุดที่รอคอยคุณให้มาค้นหาที่สารพัดไทย อีกหนึ่งหัวใจหลัก คือ สินค้าทุกชิ้นต้องเป็นแบรนด์ที่คิดและออกแบบโดย ‘คนไทย’ ถ่ายทอดด้วยความคิดสร้างสรรค์ ทั้งความสวยงามและลึกซึ้งในวัฒนธรรม แสดงถึงอัตลักษณ์ความเป็นไทยผ่านมุมมองที่เข้ากับยุคสมัยปัจจุบัน เรียกได้ว่า สารพัดไทย คือ แพลตฟอร์มที่นำสินค้าฝีมือคนไทยมาแสดง เป็นหนึ่งในโชว์เคสที่มาในรูปแบบของร้าน lifestyle shop สำหรับ “สารพัดไทย” รวบรวมสิ่งของธรรมดาที่คนไทยคุ้นเคยในรูปแบบแปลกใหม่กว่า 20,000 รายการ สินค้าทุกชิ้นคือสื่อกลางสะท้อนถึงความเคารพ ความรักและความผูกพันทางสังคมและวัฒนธรรม ล้วนได้รับการคัดเลือกอย่างพิถีพิถันและจัดเสวนาในหัวข้อ ความท้าทายของผลิตภัณฑ์ไทยที่ต้องเผชิญในการแข่งขันกับสินค้านานาชาติ โดย ดร.ภัครภัสสร์ ลิ้มประนะ ทายาทรุ่น 4 ง่วนสูน พริกไทย ตรามือที่ 1 และผู้บริหารแบรนด์ สไปซ์ สตอรี่ ธีรชัย ศุภเมธีกูลวัฒน์ เจ้าของแบรนด์ Qualy อณิตา ตันตสิรินทร์ กรรมการผู้จัดการและผู้ร่วมก่อตั้ง วอร์บี้ ยามะ และวิณ โชคคติวัฒน์ ผู้ร่วมก่อนตั้งแบรนด์ Vinn Patararin ร่วมพูดคุยถึงความท้าทายของสินค้าไทยในเวทีโลก รวมทั้งมีเหล่าเซเลบริตี้มาร่วมกิจกรรมสนุกสนานมากมาย
สารพัดไทย” ศูนย์รวมสินค้าไลฟ์สไตล์ดีไซน์ไทยสุดโมเดิร์น โดยแบ่งออกเป็น 4 ประเภท ได้แก่ โซน“แต่งเนื้อ แต่งตัว” บอกเล่าเรื่องราวความเป็นไทยผ่านเสื้อผ้า เครื่องหนังและเครื่องประดับ ผสานความเป็นไทยร่วมสมัยกับเทรนด์แฟชั่นโลกให้เข้ากันได้อย่างกลมกลืน สนุกสนานตามสไตล์คนเมือง อย่างแบรนด์ Daroon นำเสนอความเป็นไทยผสานความโมเดิร์น รังสรรค์ออกมาเป็นเสื้อผ้าและของใช้ไลฟ์สไตล์สุดเก๋ หรือแบรนด์ Palit แบรนด์เสื้อผ้าจากเชียงใหม่ที่เปิดช็อปแรกในกรุงเทพฯ นำเสนอในคอนเซ็ปต์ less is more ใช้วัสดุจากผ้าฝ้าย ผสานดีไซน์เรียบง่ายเข้าได้กับทุกยุคสมัย ที่ใส่ได้ทุกวันตอบโจทย์คนเมืองได้อย่างลงตัว รวมถึงแบรนด์ Tisi Tisai เสื้อผ้าที่ออกแบบจากการใช้ผ้าทอท้องถิ่นมาตีความให้ดูทันสมัย หรือแบรนด์แฟชั่นและของที่ระลึกสุดเก๋จากแบรนด์ “The Only Market” นำแรงบันดาลใจมาจากร้านจำหน่ายของที่ระลึกที่อยู่ทุกมุมของกรุงเทพฯ มาตีความผ่านเสื้อผ้า กระเป๋า ไปจนถึงของตกแต่งบ้าน และอีกหลากหลายแบรนด์จากฝีมือคนไทยทั้ง Windwear, Kear Store, Kaya, Muunsan, Feel Free และ A La Maison by VINN Pattararin
โซน “สุดแสน สร้างสรรค์” จุดบรรจบของความคิดสร้างสรรค์กับความเท่ มอบความทรงจำอันสนุกสนานสไตล์ไทย ได้แก่ แบรนด์ “Moreover” นำสีสันและความสนุกของเมืองหลวงมาถ่ายทอดเป็นสินค้าแม็กเน็ตในธีม “กรุงเทพฯ” ทั้งสถานที่เด่น ร้านอาหารดังและกิจกรรมที่นักท่องเที่ยวหลงใหล และแบรนด์ ‘Ek Ka Nek’ บาล์มสมุนไพรอโรมารูปแบบพกพาสะดวกเหมาะสำหรับเป็นของฝากด้วยภาพวาดแนว Doodle Art แลนด์มาร์กแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของไทย หรือ “Kanita Leather” แบรนด์เครื่องหนังดีไซน์คุ้นตาที่หยิบยกของไทยใกล้ตัวอย่าง “ขนมไทย” ทั้งขนมเบื้อง ขนมใส่ไส้ ขนมเทียนและข้าวต้มมัด มาดัดแปลงเป็นคอลเลกชันกระเป๋าเครื่องหนัง (Small Leather Goods) รวมถึงแบรนด์ ‘นานาจิตตัง’ ศิลปินไทยยกสินค้าไลฟ์สไตล์สุดเก๋หลากหลายไอเทม พร้อมออกแบบลายเอ็กซ์คลูซีฟเฉพาะร้านสารพัดไทยอีกด้วย
นอกจากนี้ยังเป็นศูนย์รวม Art Toys สัญชาติไทยไว้อย่างล้นหลาม มีดีไซน์ limited edition มากมาย จากตัวละครดัง ไม่ว่าจะเป็น Hayak ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากรามเกียรติ์ Mupa Toy คาแรกเตอร์ขี้โมโหแหกปาก และ Ngaew Ngaew คาแรกเตอร์ที่โดดเด่นด้านเทคนิคทำให้สัตว์ดุร้ายกลายเป็นน่ารักที่นักสะสมทั้งหลายไม่ควรพลาด
โซน “อยู่ดี กินดี” สัมผัสเสน่ห์ของอาหารไทย ผ่านเครื่องเทศ สมุนไพร ชา กาแฟ ตลอดจนขนมขบเคี้ยวอย่าง เจลลีมะม่วงจาก “สวนปทุมทิพย์” ทำจากมะม่วงมหาชนกรสชาติหวาน หรือช็อกโกแลตนมรสทุเรียนและรสข้าวซอยจากแบรนด์ “Siamaya’s Milk Chocolate” ผู้ผลิตช็อกโกแลตนมจากเมล็ดโกโก้ไทย และนมสดจากวัวที่เลี้ยงด้วยหญ้าให้รสชาติที่เป็นเอกลักษณ์
รวมถึงไอเทมเด็ด “บ๊วยคืนชีพ” บ๊วยสัญชาติไทยที่เคี้ยวจนหยุดไม่ได้ และหนึ่งในไฮไลท์ของโซนนี้คือ “สไปซ์ สตอรี่” แบรนด์สินค้าระดับพรีเมียม ภายใต้ “ง่วนสูน ตรามือที่1” ผู้นำด้านพริกไทยและเครื่องเทศ ที่ผ่านการคัดสรรอย่างพิถีพิถัน พร้อมส่งมอบประสบการณ์ทุกสัมผัสของการปรุงอาหารชั้นเลิศ
โซน “อยู่เย็น เป็นสุข” เปลี่ยนบ้านของคุณเป็นมุมพักผ่อนอันเงียบสงบด้วยของตกแต่งบ้านสไตล์ไทยที่รุ่มรวยทางวัฒนธรรม และกลิ่นหอมจากสมุนไพรช่วยผ่อนคลายอย่างแบรนด์ “Lively Light Ware” โคมไฟที่ตัวโคมเขียนลายจากคราม ออกแบบลวดลายเฉพาะสารพัดไทย
คอนเซ็ปต์ “อยู่เย็น เป็นสุข” หรือแบรนด์ “Pinto Mada” ความทรงจำในวัยเด็กกับปิ่นโตโบราณที่ใส่อาหารฝีมือแม่ จนเกิดไอเดียนำปิ่นโตมาเพ้นท์ลวดลายต่างๆ อย่างลายต้มยำกุ้ง ลายน้ำพริกปลาทู จัดทำขึ้นมาเป็นพิเศษสำหรับสารพัดไทยโดยเฉพาะ หรือ Vassa เครื่องหอมที่ปรุงจากกลิ่นดอกไม้ไทย และผลิตภัณฑ์เครื่องหอมจาก Thaniya เครื่องหอมและของตกแต่งบ้านจากเซรามิก เขียนลายด้วยมือจากช่างฝีมือมากประสบการณ์ ตัวเทียนทำมาจากข้าวหอมมะลิ ผสานกลิ่นหอมจากดอกไม้และสมุนไพรไทย มีกลิ่นให้เลือกมากกว่า 20 กลิ่น
อีกหนึ่งความโดดเด่นที่ต้องมาและแชร์ภาพสุดว้าวกับ “ตรอกโชคดี” ซอยทางลัดจากโซนสุดแสนสร้างสรรค์ ไปโซนแต่งเนื้อแต่งตัวและโซนอยู่เย็นเป็นสุข เนรมิตในธีม “โชคดี มีสุข” (Lucky Prosperity) เล่าเรื่องราวความเชื่อของคนไทยในเรื่องการแสวงหาความ “โชคดี” มีเทพมาอวยพร หยิบยกเรื่องราวมาเพื่อฉลองความสุข ต้อนรับผู้คนที่มาเยี่ยมเยียน ผ่านการออกแบบให้เสมือนประตูทะลุมิติที่สนุกสนาน เป็นจุดถ่ายรูปที่แสดงถึงบรรยากาศของความเป็นไทยที่เต็มไปด้วยสีสัน และนำเรื่องความเชื่อต่างๆ ของคนไทยมาตีความให้สนุกสนานสอดคล้องกับคอนเซ็ปต์ของร้านสารพัดไทย
รวมถึงโซน “ตลาดนัด สารพัดไทย” พื้นที่ 140 ตารางเมตร ซึ่งอยู่ด้านหน้าติดกับโซนสุดแสนสร้างสรรค์ เป็นพื้นที่รวมร้านเก๋ฝีมือดีไซเนอร์คนไทยที่อยากนำเสนอผลงานผลิตภัณฑ์ดีๆ เวียนมาออกร้าน ตามธีมต่างๆ ที่จะเปลี่ยนไปทุกไตรมาส เพื่อเพิ่มความสนุกสนานให้กับร้านสารพัดไทย
สำหรับ “สินค้าเอ็กซ์คลูซีฟ” ที่ศิลปินผลิตให้เฉพาะสารพัดไทยเพียงเท่านั้น เช่น อาร์ตทอย เรื่องราวของ “Polygon Ganesha” โดยแบรนด์ MUU แนวคิดสร้างสรรค์ของนักออกแบบชาวไทยที่ต้องการนำเสนอความเชื่อในพระพิฆเนศ ในรูปแบบที่ทันสมัยและเรียบง่าย แต่คงความงดงามและมีความหมายลึกซึ้ง ออกแบบด้วยรูปทรงเรขาคณิต ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ที่ต้องการผสานความศักดิ์สิทธิ์เข้ากับการตกแต่งบ้านสไตล์เรียบง่าย สติกเกอร์รูปขนมใส่ไส้ หรือ ยาดมที่มาในแพ็กเกจโขน หรือถุงผ้านางกวัก
รวมถึงมี “มุมDIY” ที่ลูกค้าสามารถรังสรรค์ผลงานได้ หรือเลือกกระดาษห่อของขวัญเองได้อีกด้วย รวมทั้งร้านชา สัญชาติไทย แบรนด์ “Tea ET Tea” และร้านคาเฟ่ กาแฟสัญชาติไทย “มหานคร คาเฟ่” ที่เตรียมเมนูพิเศษไว้ให้บริการมากมาย
ค้นพบความเป็นไทยในแบบของคุณเอง ทุกสารพัดสิ่งที่คุณค้นหา ได้ที่ Sarapad Thai (สารพัดไทย) ณ ชั้น 3 ฝั่ง Parade ตึก One Bangkok
CREDITS:
PHOTOS: COURTESY OF SARAPAD THAI
สามารถติดตามคอนเทนต์อื่นๆ ที่น่าสนใจได้ ที่นี่