Rolex ร่วมฉลองเนื่องในโอกาสครบรอบ 100 ปี 24 Hours of Le Mans ด้วยการสร้างสรรค์เรือนเวลารุ่นพิเศษ Oyster Perpetual Cosmograph Daytona 100th Year 24 Hours of Le Mans Edition
Cosmograph Daytona (คอนโมกราฟ เดย์โทนา) เรือนเวลาที่เป็นเสมือนสัญลักษณ์แห่งสไตล์สปอร์ตอันเป็นเอกลักษณ์ไร้กาลเวลา รวมถึงประสิทธิภาพทางเทคนิคจากการสร้างสรรค์ของ Rolex ในวันนี้คุณลักษณะสำคัญเหล่านี้ได้หลอมรวมเข้ากับความตื่นเต้นเร้าใจจากการแข่งขัน 24 Hours of Le Mans (ทเวนตี้โฟร์ ฮาร์วส์ ออฟ เลอ มังส์)
ในฐานะผู้สนับสนุนหลักอย่างเป็นทางการของการแข่งขันยานยนตร์สุดทรหดรายการนี้ที่นับตั้งแต่ปี 2001 Rolex ร่วมฉลองเนื่องในโอกาสครบรอบ 100 ปี 24 Hours of Le Mans ด้วยการสร้างสรรค์เรือนเวลารุ่นพิเศษ Oyster Perpetual Cosmograph Daytona 100th Year 24 Hours of Le Mans Edition (ออสเตอร์ เพอเพชชวล คอสโมกราฟ เดย์โทนา วันฮันเดร็ดธ์ เยียร์ ทเวนตี้โฟร์ ฮาร์วส์ ออฟ เลอ มังส์)
Cosmograph Daytona เปิดตัวขึ้นในปี 1963 โดยได้รับการออกแบบมาเพื่อตอบสนองความต้องการของนักแข่งรถระดับมืออาชีพ มาพร้อมขอบตัวเรือนสลักสเกลวัดระยะทาง Tachymeter และกลไกจักรกลประสิทธิภาพสูงที่พัฒนาและผลิตโดย Rolex นาฬิกาโครโนกราฟระดับตำนานเรือนนี้จึงเป็นเสมือนอุปกรณ์จับเวลาอันแม่นยำที่ได้รับความไว้วางใจในปัจจุบัน ด้วยเหตุนี้จึงทำให้นาฬิการุ่นนี้มีชื่อ Cosmograph Daytona อันมีความเชื่อมโยงกับกีฬามอเตอร์สปอร์ต และมีความยอดเยี่ยมอย่างที่ไม่มีใครเทียบได้ในกลุ่มนาฬิกาสปอร์ตโครโนกราฟมายาวนานนับตั้งแต่การเปิดตัวเมื่อ 60 ปีที่แล้ว
สำหรับเรือนเวลานี้ได้รับการเพิ่มประสิทธิภาพด้านการจับเวลาที่มากขึ้นกว่าที่เคย โดยฟังก์ชันการจับเวลาเป็นชั่วโมงของนาฬิกาเรือนนี้จะสามารถทำได้มากขึ้นกว่า 24 ชั่วโมง ซึ่งมากกว่ารุ่นปกติที่สามารถจับเวลาเป็นชั่วโมงได้ 12 ชั่วโมง
อันเป็นผลมากจากการการติดตั้งกลไกเพิ่มเติมอันสร้างขึ้นจากชิ้นส่วนทั้งหมด 7 ชิ้น อันเป็นอุปกรณ์ดิฟเฟอเรนเชียลที่ Rolex ได้ออกแบบขึ้นใหม่ ระบบเกียร์ลดรอบนี้เป็นระบบ epicyclic (อิปิไซคลิก) ช่วยลดความเร็วในการหมุนของเฟืองเกียร์ที่เคลื่อนเข็ม 24 ชั่วโมงลงครึ่งหนึ่ง การทำงานอันยอดเยี่ยมของระบบนี้มิได้ส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพการทำงานโดยรวมของกลไก Calibre 4132
ส่วนคุณสมบัติของกลไก Calibre 4132 ที่สร้างสรรค์ขึ้นภายใต้หลังคาโรงงาน Rolex ในทุกขั้นตอนนี้ เป็นกลไกจักรกลโครโนกราฟอัตโนมัติ ควบคุมระบบโครโนกราฟด้วย column wheel (คอลัมน์วีล) และ vertical clutch (เวอร์ทิคอล คลัทช์) ขึ้นลานผ่านโรเตอร์เยลโลว์โกลด์ 18 กะรัต ประกอบด้วยสปริงสายใยผลิตจาก Paramagnetic Parachrom (พาราแมกเนติกพาราโครม) สีน้ำเงิน รวมถึงระบบซับแรงสั่นสะเทือน Paraflex (พาราเฟล็กซ์) หมุนได้สองทิศทาง ระบบเอสเคปเมนท์แบบ Chronergy (โครเนอร์จี้) ทำงานด้วยความถี่ 28,800 ครั้งต่อชั่วโมง สะสมพลังงานได้นาน 72 ชั่วโมง ระบประกันความเที่ยงตรงของกลไกในระดับ Superlative Chronometer (ซุปเปอร์เลทีฟ โครโนมิเตอร์) ที่มีค่าความเที่ยงตรงอยู่ที่ -2/+2 วินาทีต่อวัน
ปรากฏในตัวเรือนไวท์โกลด์ 18 กะรัต ขนาด 40.0 มิลลิเมตร หนา 12.20 มิลลิเมตร เม็ดมะยมไวท์โกลด์ 18 กะรัตระบบ Triplock ขอบตัวเรือนผลิตจากวัสดุ Cerachrom (เซอราโครม) สีดำ โดดเด่นด้วยตัวเลข 100 สีแดงบนสเกล Tachymeter ที่สื่อถึงวาระครบรอบ 100 ปี ของ 24 Hours of Le Mans พื้นหน้าปัดจัดวางเลย์เอาท์แบบ tri-compax (ไตร คอมแพกซ์) ตกแต่งในแบบ Reverse Panda (รีเวิร์ส แพนด้า) คือแต่งพื้นหน้าปัดหลักด้วยสีดำเงางาม
พร้อมด้วยวงหน้าปัดย่อย 3 วงสีขาว แสดงเวลาด้วยเข็มนาฬิกาไวท์โกลด์ 18 กะรัต สวมใส่คู่สาย Oyster (ออยสเตอร์) ผลิตจากไวท์โกลด์ 18 กะรัต พร้อมที่พับล็อกนิรภัย Oysterlock (ออยสเตอร์ล็อก) ที่สามารถขยายความยาวสายได้มากขึ้นอีก 5.0 มิลลิเมตร
CREDITS:
PHOTOS: COURTESY OF ROLEX
GRAPHIC DESIGNER: Vanicha Limpanastitphon