Piaget เผยโฉมคอลเลกชันไฮจิวเวลรี ผ่านการตีความนอกกรอบและเป็นที่น่าจดจำ ที่สะท้อนความสง่างามแห่งศตวรรษที่ 21 อย่างแท้จริง
Watches and Wonders 2024 เป็นโอกาสพิเศษของเมซงเพียเจต์ ในการฉลองครบรอบ 150 ปี นำเสนอผลงานที่เป็นบทจารึกในหน้าประวัติศาสตร์ของอุตสาหกรรมนาฬิกา อย่าง Altiplano Ultimate Concept Tourbillon ในส่วนของคอลเลกชันไฮจิวเวลรี เป็นการต่อยอดจากชิ้นงานที่เผยโฉมในปีค.ศ. 2023 ทั้งนาฬิกาที่มาในดีไซน์สร้อยเส้นยาวแบบ sautoir ที่เผยโฉมครั้งแรกในปีค.ศ.1969 นาฬิกากำไลสไตล์ Cuff watch และนาฬิกาไฮจิวเวลรี Aura หนึ่งในผลงานที่เป็นไอคอนิกเมื่อครั้งเปิดตัวในปีค.ศ.1989 ผ่านการตีความนอกกรอบและเป็นที่น่าจดจำ ผสานหัตถศิลป์อันละเมียดละไม ที่สะท้อนความสง่างามแห่งศตวรรษที่ 21 อย่างแท้จริง
ช่างฝีมือของเพียเจต์ไม่ได้เป็นเพียงช่างทำนาฬิกาและอัญมณีเท่านั้น แต่พวกเขาคือช่างทำนาฬิกาที่ผ่านการบ่มเพาะความรู้ความเชี่ยวชาญทางด้านอัญมณีรวมทั้งหัตถศิลป์ต่าง ๆ เสมือนสัญชาตญาณที่โลดแล่นอยู่ในตัวช่างฝีมือของเมซงที่ส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น ทั้งทักษะการทำทองที่ค่อนข้างเฉพาะตัว การฝังอัญมณี ที่ใช้เทคนิคต่างกันเพื่อเสริมประกายงามของวัสดุแต่ละชิ้นให้เจิดจรัสมากที่สุด ความกล้าที่จะคัดสรรเอาโลหะมีค่า หรือ precious metal มาสร้างจุดเปลี่ยนให้กับวงการนาฬิกาและไฮจิวเวลรี
โดยในฤดูกาลนี้เมซงต้องการเน้นย้ำถึงแก่นแท้ในสิ่งที่เพียเจต์เคยเป็น เป็นอยู่และจะเป็น ตามที่ Yves Piaget (มร.อีฟ เพียเจต์) เคยกล่าวไว้ว่า “ผมอยากจะแสดงให้เห็นว่านาฬิกาและเครื่องประดับของเพียเจต์เปรียบดั่งผลงานทางศิลปะอันล้ำค่าอย่างแท้จริง และคนที่สร้างสรรค์นาฬิกาเหล่านั้นก็คือศิลปินตัวจริง”
Swinging Sautoir:
เผยวิวัฒนาการและพลังการสร้างสรรค์นาฬิกาไฮจิวเวลรีของเพียเจต์ ที่จะพาย้อนไปทำความรู้จักอีกครั้ง เพียเจต์ ก่อตั้งขึ้นในปีค.ศ.1874 ณ หมู่บ้าน La Côte-aux-Fées – ปีค.ศ.1957 เพียเจต์ยกระดับอุตสาหกรรมการผลิตเครื่องบอกเวลาชั้นสูง ด้วยการเปิดตัวกลไกจักรกลที่บางที่สุดในโลก ณ ขณะนั้นอย่าง Caliber 9P ปฐมบทที่สร้างชื่อให้เมซงเป็นที่รู้จักในฐานะของผู้ผลิตนวัตกรรมเรือนเวลาที่สร้างสรรค์ด้วยความเพรียวบาง นอกจากนี้แบรนด์คัดสรรการใช้วัสดุโลหะมีค่า หรือ precious metal ส่งให้เมซงก้าวสู่ด้าน Haute Horlogerie และ Haute Joaillerie ในเวลาเดียวกัน
ในปีค.ศ.1969 เพียเจต์เผยโฉมนาฬิกาในดีไซน์สร้อยเส้นยาวแบบ sautoir คอลเลกชันแห่งศตวรรษที่ 21 เต็มไปด้วยความล้ำสมัย โดยนำผลงานการออกแบบที่มีรายละเอียดทางงานฝีมือในอดีตผสานศาสตร์แห่งนาฬิกา ขับเคลือนด้วยกลไก caliber 9P เสริมความตระการตาของหินสีไว้อย่างยอดเยี่ยม ผ่านดีไซน์บิดเกลียวอันสะดุดตาทั้งขนาด การเล่นสีและวัสดุที่นำมาใช้ ถ่ายทอดหลากดีไซน์ เสมือนเป็นสร้อยคอ หรือ เข็มขัดที่พลิ้วไหวตามท่วงท่าการเดิน เป็นที่รู้จักในชื่อ Swinging Sautoir
ปีค.ศ.2024 เพียเจต์เผยโฉม Swinging Sautoir 3 รูปแบบด้วยกัน โดย 2 ใน 3 รุ่น สามารถปรับแต่งให้สวมกับข้อมือได้ตามแบบฉบับเรือนเวลาทั่วไป เรือนแรกดีไซน์เรียบง่าย แต่ขั้นตอนการสร้าง
สรรค์ต้องใช้ความอุตสาหะอย่างมาก โดยเริ่มจากช่างฝีมือนำเส้นลวดทองคำมาพันให้ได้ลักษณะเป็นขด จากนั้นนำมาบิดต่อด้วยมือทีละเส้น ก่อนถักทอและประกอบเป็นชิ้นเดียวกับนาฬิกา
Swinging Sautoir แต่ละรุ่นมาในดีไซน์แปลกตากว่าที่เคย กับตัวเรือนทรงสี่เหลี่ยมคางหมูที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายของ sautoir watch ปีค.ศ.1969 ด้วยเฉดสีฟ้าและสีเขียวอันเป็นเอกลักษณ์ในยุค 1970s ปรากฎบนโมเดล โดยเมซงประดับด้วยหินสีเทอร์ควอยซ์และมาลาไคท์ ขณะที่สายสร้อยตกแต่งด้วยเพชรบริลเลียนต์คัต ส่องประกายระยิบระยับสลับกับแซฟไฟร์สีเหลือง หน้าปัดประดับเทอร์ควอยซ์ โดยห้อยลงมาจากอัญมณีล้ำค่าคู่หนึ่ง ประดับแซฟไฟร์สีเหลืองจากศรีลังกาขนาด 29.24 กะรัต และ อความารีน ขนาด 6.11 กะรัต ขณะที่ตัวเรือนนาฬิกาออกแบบให้ถอดเปลี่ยนสายสร้อยได้ และสามารถเลือกจับคู่กับสายรัดข้อมือซาตินสีเขียวได้อีกด้วย สะท้อนลูกเล่นบนความเรียบหรูอย่างแท้จริง
แบบสุดท้ายคงออกแบบให้ปรับแต่งได้ โดย Swinging Sautoir เส้นนี้เป็นสายสร้อยเส้นคู่ในสไตล์ tassel – สายเส้นสั้นประดับเพชรและจี้โอปอลคาโบชอง 11.68 กะรัต ในเฉดสีขาวที่แสดงประกายรุ้งอย่างเด่นชัด ก่อนร้อยเรียงเข้ากับตัวเรือนนาฬิกา เสริมความสง่างามขึ้นไปอีกขั้นด้วยพู่ระย้าประดับเพชรทองคำ คาลซิโดนีและแซฟไฟร์สีเหลืองหายากเจียระไนแบบเหลี่ยม emerald cut
Cuff Watch
เพียเจต์เปิดตัวนาฬิกาทรงกำไลครั้งแรกในปีค.ศ.1969 ซึ่งนอกจากดีไซน์ รูปทรงที่สวยงามแล้ว ที่หลอมรวมศาสตร์แห่งทองคำและความเชี่ยวชาญทางด้านวัสดุ ด้วยโครงสร้างของตัวเรือนเป็นงานฉลุแบบเปลือย เผยให้เห็นรายละเอียดและสีสันของหน้าปัด จนได้รับการขนานนามจากสื่อว่า watches of the international elite
โดยปีที่ผ่านมานาฬิกาทรงกำไลในชื่อ ‘Hidden Treasures’ คว้ารางวัล GPHG (Grand Prix d’Horlogerie de Genève) สาขา Ladies’ Category และในปีนี้เมซงเตรียมเผยเรือนเวลาอันเปี่ยมด้วยสไตล์และหน้าปัดประดับแบล็ค โอปอลโอบล้อมไปด้วยสายโซ่ทองคำที่ถักทออย่างพิถีพิถัน โดยช่างฝีมือนำมาบิดทีละเส้นด้วยมือที่ประณีต ก่อนร้อยเรียงต่อกันอย่างเป็นธรรมชาติ พลิ้วไหวอย่างอิสระในสไตล์อสมมาตรรอบพื้นหน้าปัด สะท้อนความเป็นเลิศด้านการใช้สีสันและศาสตร์การทำทองที่บ่มเพาะมาอย่างยาวนาน
Aura
อีกหนึ่งผลงานอันเป็นไอคอนิก เมื่อครั้งเปิดตัวในปีค.ศ.1989 นาฬิกาไฮจิวเวลรี Aura ที่เปล่งประกายความสวยงาม สะท้อนความท้าทายในเชิงเทคนิคของตัวเรือนและสายนาฬิกาผสานเข้าด้วยกันอย่างสมบูรณ์แบบ จากการฝังเพชรแต่ละเม็ดให้เรียงร้อยอย่างประณีตและเชื่อมต่อกันอย่างไร้รอยต่อแนบสนิท ถือเป็นผลงานที่แบรนด์พัฒนาดีไซน์และก้าวผ่านขีดจำกัดดั้งเดิม ขับเคลื่อนด้วยกลไกไขลานด้วยมือชนิดบางพิเศษ Caliber 40P ขณะที่ยุคสมัยนั้นส่วนใหญ่คงใช้กลไกแบบควอตซ์เป็นกลไกหลัก
เนื่องในโอกาสครบรอบ 35 ปี นับตั้งแต่เผยโฉมนาฬิกาไฮจิวเวลรี Aura เรือนแรก ปีนี้เมซงฉลองไอคอนอันล้ำค่านี้อีกครั้งด้วยการเปิดตัว 2 เรือนเวลาพิเศษที่เปี่ยมด้วยเอกลักษณ์เฉพาะตัว มีให้เลือก 2 ขนาด ซึ่งทั้งคู่ประดับด้วยอัญมณีหลักอย่าง ทับทิม แซฟไฟร์สีชมพูและเพชร โดยแต่ละเม็ดผ่านการเจียระไนและฝังด้วยเทคนิคพิเศษ ช่วยให้แสงส่องผ่านทับทิมบนพื้นหน้าปัดมากขึ้น เปล่งประกายระยิบระยับ มีมิติ เผยความงามของเพชรทรงบาแก็ตต์ได้อย่างไร้ที่ติ
ส่วนอีกเวอร์ชัน เสนอการไล่เฉดสีที่สวยงาม โดยร้อยเรียงจากสีแดงเข้มของทับทิมจนถึงแซฟไฟร์สีชมพู และเพชรตามลำดับ ทั้งหมดนี้ต้องใช้ทักษะของช่างฝีมือและเวลาในการแสวงหาแซฟไฟร์ เพื่อให้ได้โทนสีที่ไล่เฉดสีตามต้องการ – การเติมเต็มเรือนเวลาทั้ง 2 ชิ้นเข้ามาในคอลเลกชัน Aura นี้ ถือเป็นความท้าทายอีกระดับในแวดวงเครื่องประดับชั้นสูงและการผลิตนาฬิกา
CREDITS:
PHOTOS: COURTESY OF PIAGET
