Piaget (เพียเจต์) เผยคอลเลกชันไฮจิวเวลรีเปี่ยมด้วยชีวิตชีวา สะท้อนความวิจิตรทางศิลปะและชั้นเชิงในทุกมิติ
Piaget (เพียเจต์) เผยคอลเลกชันไฮจิวเวลรีเปี่ยมด้วยชีวิตชีวา สะท้อนความวิจิตรทางศิลปะและชั้นเชิงด้านการออกแบบ เชื่อมโยงกับขนบเมซงในทุกมิติ Shapes of Extraleganza คอลเลกชันเครื่องประดับจิวเวลรีชั้นสูง เผยความหาญกล้า ความสามารถในการปรับเปลี่ยนรูปร่าง ความหรูหราที่เต็มไปด้วยความสนุกสนาน อันเป็นแก่นแท้ของสไตล์ที่เป็นเอกลักษณ์ของเมซง หลังจากเปิดตัวคอลเลกชัน Essence of Extraleganza ไปเมื่อปีที่แล้ว
คอลเลกชัน Shapes of Extraleganza นี้ จัดเป็นผลงานการสร้างสรรค์ครั้งที่สองในคอลเลกชันไตรภาค เป็นเสมือนการสำรวจรากฐานแห่งความสร้างสรรค์ของเมซง ในช่วงปี 1960s และ 1970s โดยเป็นการขยายขอบเขตแนวคิดและเสริมความทันสมัย ก้าวข้ามขีดจำกัดการออกแบบและงานหัตถศิลป์ ท้าทายแนวคิดดั้งเดิม


Shapes of Extraleganza บอกเล่าความสัมพันธ์อันทรงพลังของเมซง ที่มีต่อศิลปะและศิลปินต่างๆ เป็นการเชิดชูความร่วมมือระหว่างเมซงและศิลปินที่มีชื่อเสียงอย่าง Salvador Dali (ซัลบาดอร์ ดาลี) Arman (อาร์มัน) หรือนักสะสม Andy Warhol (แอนดี วอร์ฮอล) ซึ่งความร่วมมือทั้งหลายนั้นเกิดจากมิตรภาพของ Yves Piaget (อีฟส์ เพียเจต์) ได้มารวมตัวกันเป็นกลุ่มที่รู้จักกันเป็นอย่างดีว่า “Piaget Society” ผลักดันวิสัยทัศน์ของ Yves Piaget ผสานความคิดสร้างสรรค์ของทีมนักออกแบบจากสตูดิโอเมซง นำโดย Jean-Claude Gueit นักออกแบบนาฬิกาชื่อดัง รวมถึงงานหัตถศิลป์จากบรรดาช่างฝีมือของเมซง
Shapes of Extraleganza คอลเลกชันเครื่องประดับอัญมณีชั้นสูงประจำปี 2025 เปี่ยมด้วยความร่วมสมัยและมีความหมายทางวัฒนธรรม ก้าวเข้าสู่โลกศิลปะอย่างสง่างาม ภายใต้ซีรีส์ Extraleganza ดำดิ่งสู่มรดกทางศิลปะของเมซง สะท้อนความเป็น Shapes of Extraleganza ในทุกองค์ประกอบ ทั้งการศึกษาถึงรูปทรง สีสัน ผิวสัมผัส ความเข้มของแสง รวมไปถึงวิวัฒนาการอันซับซ้อนแห่งการเล่นกับรูปทรงอย่างทรงพลังของเมซง นำความหลากหลายทางด้านรูปทรงและเส้นสาย มาเชื่อมโยงซ้อนทับกันอย่างมีสไตล์ มอบความรู้สึกสนุกสนาน
โดยผลงานทั้ง 51 ชิ้น เผยการเล่นกับลายเส้นกราฟิก รูปทรงเรขาคณิตและสามเหลี่ยมที่เฉียบคม ไปจนถึงรูปทรงอิสระตามธรรมชาติ รวมถึงการอ้างอิงถึงศิลปะแนว Pop Art และ Op Art ลวดลายก้นหอยที่มักพบในแฟชั่นยุค 70 หรือเส้นโค้งมนอันเป็นดีไซน์เฉพาะตัวยุค 60 ผสานระหว่างโลกแห่งไฮจิวเวลรีและวัฒนธรรมป็อปที่ลงตัว ถ่ายทอดแนวคิดทางศิลปะที่แตกต่างกัน หลอมรวมประวัติศาสตร์และความทันสมัย ผสานจิตวิญญาณแห่งความสนุกในการฉีกกฎเกณฑ์ดั้งเดิม




ชุดเครื่องประดับ Kaleidoscope Lights ประกอบด้วย สร้อยคอลายเส้นขนาดใหญ่ ต่างหูระย้ายาว แหวน ไปจนถึงนาฬิกาตกแต่งหน้าปัดด้วยลายรัศมีดวงอาทิตย์ ความพิเศษ คือ การเลือกใช้หินแร่อันล้ำค่าต่างชนิด รวมถึงหินหายากอย่าง Rhodochrosite (โรโดโครไซต์) sugilite (ซูจิไลต์) และ Verdite (เวอร์ไดต์) ผ่านการเจียระไนอย่างพิถีพิถันให้เป็นแผ่นโค้ง ร้อยเรียงลวดลายที่สวยงาม



เครื่องประดับชุด Flowing Curves “หวนคืนสู่ธรรมชาติ” จากยุค 1970 ถ่ายทอดผ่านการออกแบบรูปทรงอิสระ ประกอบด้วย Black Opals (โอปอลสีดำ) ประดับฝังลงบนตัวเรือนไวท์โกลด์ที่ตีขึ้นรูปด้วยมืออย่างประณีต เป็นเทคนิคเฉพาะจาก House of Gold เกิดเป็นลวดลาย Decor Palace และแสดงความเคารพต่อความหลงใหลในโอปอลของ Yves Piaget ที่เคยกล่าวไว้และสามารถมองเห็นว่า “โลกทั้งใบที่สร้างขึ้นด้วยรสนิยมและความรู้สึกที่หลากหลาย”



เครื่องประดับชุด Wave Illusion ได้แรงบันดาลใจจากสีสันสดใส เส้นเรขาคณิตอันบริสุทธิ์ และความเบิกบานอย่างไร้เดียงสาแบบเด็กน้อย จากกระแส Memphis ในปีค.ศ.1980 คัดสรรสปิเนลสีแดงและสีชมพูอมส้มอันหายาก จัดองค์ประกอบที่โดดเด่นด้วยสีสัน แสงและรูปทรงที่สวยงามได้อย่างลงตัว


เครื่องประดับชุด Curved Artistry เต็มไปด้วยโทนสีลูกกวาด โดดเด่นด้วย Secret Ring Watch (แหวนซ่อนนาฬิกา) อันเป็นผลงานเอกลักษณ์จากการสร้างสรรค์ของเมซงในยุค 1940s โดยหน้าปัดนาฬิกาฝังเพชรซ่อนไว้ ภายใต้ Aquamarine (อความารีน) ทรงหลังเบี้ยใส


Art in Motion ปิดท้ายด้วยผลงานชิ้นเอกของคอลเลกชันนี้ คือ Endless Motion นาฬิกาตั้งโต๊ะที่ออกแบบและประดิษฐ์ขึ้นให้เสมือนเป็นงานประติมากรรมที่เคลื่อนไหวได้ (Mobile Sculpture) เป็นตัวแทนของเมซงที่มีต่อโลกศิลปะและศิลปินทั้งหลาย รังสรรค์เพื่อยกย่องอัจฉริยภาพของ Alexander Calder (อเล็กซานเดอร์ คาลเดอร์) และผลงานศิลปะแนวจลศาสตร์จากยุค 1970 เป็นการฉลองให้กับการสร้างสรรค์บนแนวทาง “Play of Shape” หรือการเล่นกับรูปทรงที่เมซงยึดมั่นมาอย่างยาวนาน ร่ายรำระบำแห่งแสงอย่างงดงาม
CREDITS:
PHOTOS: COURTESY OF PIAGET