เปิดตัวนาฬิการุ่นพิเศษจำนวนจำกัดใน Patek Philippe Grand Exhibition ครั้งที่ 6 “Watch Art” Tokyo 2023 นิทรรศการที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยจัดของ Patek Philippe ภายใต้แนวคิดใหม่รวบรวมนาฬิกา วัตถุศิลปะ
ในฐานะผู้สืบทอดวิถีการผลิตเรือนเวลาแห่งเมืองเจนีวาอันยิ่งใหญ่ Patek Philippe (ปาเต็ก ฟิลิปป์) ให้ความสำคัญอย่างยิ่งต่อการแบ่งปันความรักของตนที่มีต่อการประดิษฐ์นาฬิกาชั้นเลิศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผ่านการจัดนิทรรศการ เมื่อ 10 ปีที่แล้ว Patek Philippe ก้าวไปอีกขั้นด้วยการเปิดตัวนิทรรศการภายใต้แนวคิดใหม่ในชื่อ Patek Philippe Grand Exhibitions (ปาเต็ก ฟิลิปป์ แกรนด์ เอ็กซ์ซิบิชัน) ที่เปิดให้บุคคลทั่วไปเข้าชมฟรี เพื่อส่งเสริมให้ผู้คนได้สัมผัสกับการสร้างสรรค์ มรดก ปรัชญา และความเชี่ยวชาญที่หลากหลายที่แบรนด์ได้สั่งสมมาอย่างยาวนาน ในปีนี้ Patek Philippe ได้เลือกกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เป็นที่สถานที่จัดงาน Patek Philippe Grand Exhibition ครั้งที่ 6 “Watch Art” Tokyo 2023 (วอทช์ อาร์ท โตเกียว 2023) ในระหว่างวันที่ 10 – 25 มิถุนายน 2023 อันเป็นนิทรรศการที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยจัดของ Patek Philippe งานนี้ได้รวบรวมนาฬิกา วัตถุศิลปะ รวมถึงการเปิดตัวนาฬิการุ่นพิเศษจำนวนจำกัด World Time Reference 5330G-010 Limited Edition Tokyo 2023 (เวิล์ด ไทม์ เรฟเฟอร์เรนซ์ 5330จี-010 ลิมิเต็ด เอดิชัน โตเกียว 2023) อีกด้วย
เนื่องในโอกาสแห่งงานนิทรรศการ Grand Exhibitions “Watch Art” Tokyo 2023 อันยิ่งใหญ่ Patek Philippe ได้รังสรรค์เรือนเวลารุ่นพิเศษจำนวนจำกัดเพื่อวาระสำคัญนี้ในหลากรุ่นด้วยกัน โดยมีเรือนเวลารุ่น World Time Reference 5330G-010 Limited Edition Tokyo 2023 เป็นหนึ่งในผลงานที่โดดเด่นและน่าสนใจอย่างยิ่ง นาฬิการุ่นพิเศษเรือนนี้ผลิตขึ้นในจำนวนจำกัดเพียง 300 เรือนเท่านั้น อันมีไฮไลต์อยู่ที่ระบบกลไกซึ่งเป็นสิทธิบัตรครั้งแรกของโลก นั่นคือ การแสดงวันที่ที่สามารถปรับตั้งได้อย่างสอดคล้องกับเวลาท้องถิ่น โดยสามารถปรับเวลาไปข้างหน้าหรือย้อนกลับได้อย่างอัตโนมัติ เมื่อมีการเลือกเวลาไทม์โซนที่แตกต่าง ด้วยกลไกอันชาญฉลาดที่จดสิทธิบัตรในปี 1999 ผู้ใช้สามารถปรับการแสดงเวลาโลกทั้งหมดพร้อมกัน ซึ่งรวมถึงวันที่ด้วย โดยการกดปุ่มที่ตำแหน่ง 10 นาฬิกาที่ละครั้ง เวลาก็จะเดินไปข้างหน้าครั้งละหนึ่งชั่วโมง ทั้งนี้เป็นผลลัพธ์ของกลไกอัตโนมัติเครื่องใหม่ Cal. 240 HU C ครบครันด้วยระบบดิฟเฟอเรนเชียลอันเป็นนวัตกรรมใหม่ สามารถแสดงวันที่ตามเวลาท้องถิ่นผ่านเข็มชี้กับตัวเลขที่แสดงรอบขอบหน้าปัด
พื้นหน้าปัดสีลูกพลัมตกแต่งด้วยลวดลายกิโยเช่ที่รังสรรค์ด้วยฝีมือบริเวณกลางหน้าปัด ล้อมรอบด้วยวงแหวนแสดงค่าเวลาต่างๆ โดยเริ่มจากวงแหวนชั้นในสุดที่แสดงเวลาแบบ 24 ชั่วโมง พร้อมแยกเป็นเวลากลางวันกลางคืนด้วยสีของวงแหวนเงิน-ม่วง ทั้งนี้บนวงแหวนจะมีมาร์กเกอร์เป็นจุดกลมสีแดงสำหรับบอกวันที่ของเวลาไทม์โซนที่ 2 ร่วมกับตัวเลขวันที่ขอบหน้าปัด วงแหวน 2 แถวถัดมาแสดงชื่อเมืองทั้ง 24 เมืองที่แบ่งตามไทม์โซน
โดยมีความพิเศษที่ชื่อเมือง Tokyo จะแสดงเป็นสีแดง และวงแหวนริมขอบหน้าปัดแสดงวันที่ที่ชี้ผ่านเข็มที่ประดิษฐ์ขึ้นจากแก้วใสปลายเข็มทรงหัวค้อนสีแดง ซึ่งจัดวางร่วมกับเข็มชั่วโมงและนาที ณ ศูนย์กลางหน้าปัด กลไกทำงานด้วยความถี่ 21,600 ครั้งต่อชั่วโมง สะสมพลังงานได้นานสูงสุด 48 ชั่วโมง
ปรากฏในตัวเรือนไวท์โกลด์ขัดแต่งอย่างเงางาม ขนาด 40.0 มิลลิเมตร หนา 11.57 มิลลิเมตร หูสายออกแบบให้มีความโค้งเพื่อให้เข้ากับข้อมือเมื่อยามสวมใส่ ฝาหลังไวท์โกลด์ 18 กะรัต กรุกระจกคริสตัลแซฟไฟร์ใส พร้อมประทับข้อความ “Patek Philippe — Tokyo” กันน้ำได้ลึก 30 เมตร สวมใส่คู่สายหนังจระเข้เย็บด้วยมือสีดำที่มีความเงางาม พร้อมด้วยที่พับล็อกไวท์โกลด์
CREDITS:
PHOTOS: COURTESY OF PATEK PHILIPPE
GRAPHIC DESIGNER: Vanicha Limpanastitphon
สามารถติดตามคอนเทนต์ นาฬิกา อื่นๆ ที่น่าสนใจได้ ที่นี่
