นาฬิกาที่ผสมผสานระหว่างสองปรากฏการณ์ความแม่นยำระดับตำนานซึ่งนำมาสู่วิถีของการประดิษฐ์เรือนเวลาและสะท้อนคุณสมบัตินั้นๆ ผ่านชื่อรุ่น “Chronoscope” ซึ่งมีความหมายถึง “เวลา” และ “การสังเกตการณ์”
OMEGA: Speedmaster Chronoscope 2021 ด้วยชื่อ Speedmaster Chronoscope ที่ได้มาจากการผสมผสานระหว่างสองคุณสมบัติและสองการแสดงออก ทั้ง “Chronos” ที่หมายถึง เวลา และ “Scope” ซึ่งหมายถึงการสังเกตการณ์ โดยผลงานนาฬิการุ่นใหม่ของ OMEGA (โอเมก้า) นี้สามารถวัดค่าช่วงเวลาระหว่างสองจุดหรือสองเหตุการณ์ได้อย่างแม่นยำ เช่นเดียวกับคุณสมบัติของการจับวัดชีพจรและการคำนวณระยะทาง
โดยประวัติศาสตร์และตำนานการสร้างสรรค์ความแม่นยำของการประดิษฐ์นาฬิกาโครโนกราฟยุค 1940s นั้นได้หวนคืนกลับมาพร้อมความโดดเด่นครั้งใหม่ภายใต้ตัวเรือนขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 43.0 มิลลิเมตรของ Speedmaster Chronoscope ซึ่งได้แรงบันดาลใจมาจากนาฬิกาข้อมือโครโนกราฟของ OMEGA ท่ามกลางยุค 1940s จากการนำเอาการแสดงฟังก์ชั่นวัดค่าช่วงเวลาระหว่างสองเหตุการณ์ มาหลอมรวมเข้ากับมิติและการแสดงค่าเหล่านี้ได้อย่างชัดเจน ผ่านการจัดวางหน้าปัดที่แม้ดูซับซ้อน แต่ก็สมดุลลงตัวที้ได้มาจากการคำนวณสัดส่วนอย่างพิถีพิถัน รวมถึงในแง่ของงานออกแบบที่แม่นยำในทุกรายละเอียดสำหรับการแสดงข้อมูลเวลา
และสำหรับแฟนๆ ที่ติดตามเรื่องราวระดับตำนานของคอลเลกชั่นเรือนเวลาของ OMEGA มาตลอดแล้ว ยังมีอีกหลายรายละเอียดที่ล้วนเป็นเอกลักษณ์เฉพาะหนึ่งเดียวให้ได้ติดตามกันในนาฬิการุ่นใหม่นี้อีกด้วย นับจากต้นตำรับความวินเทจของการบรรจุด้วยเข็มชี้ทรงใบไม้ (leaf-shaped hands) และสเกลจับวัดค่าเวลาแบบก้นหอย (snail timing scales) ทั้งหมดสามสเกลที่จัดเรียงกันบนหน้าปัด ซึ่งมอบความเชื่อมโยงอย่างชัดเจนถึงประเพณีการประดิษฐ์นาฬิกายุค 1940s นอกจากนี้ยังเพิ่มเติมด้วยความสง่างามของลวดลายแทรค “ขดเกลียว” (spiral track pattern) ที่พาดผ่านอยู่ใต้บรรดาตัวเลขอารบิก ซึ่งล้วนนับเป็นการอุทิศอย่างสูงสุดให้กับประวัติศาสตร์งานดีไซน์นาฬิกาโครโนกราฟของ OMEGA แต่ดั้งเดิม
นอกเหนือไปจากเข็มชี้ทรงใบไม้แล้ว OMEGA ยังได้ใส่รายละเอียดพิเศษลงบนหน้าปัดของรุ่น ผ่านการจัดวางลวดลายแทรคขดเกลียวที่พาดผ่านใต้ตัวเลขอารบิก ซึ่งเป็นสไตล์ที่คล้ายกันอย่างมากกับหน้าปัดย่อยลายขดเกลียวต่างๆ ซึ่งพบได้ในนาฬิกา Speedmaster ส่วนใหญ่ด้วย ถือเป็นอีกหนึ่งสัมผัสของความพิเศษสำหรับรุ่นนี้ที่แฟนๆ นักสะสมย่อมสังเกตเห็นได้ ขณะที่งานดีไซน์สเกลพิมพ์แบบก้นหอยจากยุค 1940s นั้น ประกอบด้วยสเกลทาคีมิเตอร์ (Tachymeter scale) สำหรับใช้คำนวณวัดความเร็วหรือระยะทาง เคียงข้างด้วยสเกลพัลโซมิเตอร์ (Pulsometer scale) สำหรับจับวัดชีพจรของบุคคล และสเกลเทเลมิเตอร์ (Telemeter scale) สำหรับจับวัดระยะทางจากบางสิ่งที่สามารถได้ยินเสียงและสามารถมองเห็นได้ เช่น พายุ
โดยสเกลทาคีมิเตอร์ในนาฬิกา Speedmaster Chronoscope นั้นมีไว้สำหรับวัดความเร็วโดยการคำนวณจากระยะทาง ซึ่งจะสามารถบอกได้ถึงระดับความเร็วโดยวัดและคำนวณจากระยะทางที่คุณเดินทางไป ผ่านการวัดเวลาการเดินทางเฉลี่ยระหว่างจุดเฉพาะสองจุด ซึ่งจะไม่มีความแตกต่างไม่ว่าคุณจะใช้หน่วยไมล์หรือกิโลเมตรก็ตาม ขณะที่สเกลเทเลมิเตอร์นั้นเป็นการวัดระยะทางโดยคำนวณจากความเร็วของเสียง ด้วยสองขั้นตอนง่ายๆ ที่อุปกรณ์อันเที่ยงตรงของ OMEGA นี้สามารถบอกคุณได้ว่าคุณอยู่ห่างไปจากสิ่งที่คุณสามารถมองเห็นและได้ยินเสียง เช่น ฟ้าแลบจากพายุ ส่วนสเกลพัลโซมิเตอร์ใช้ในการจับวัดการเต้นของหัวใจ ไม่ว่าจะช้าหรือเร็วเกินไปคุณก็สามารถจับวัดได้อย่างแม่นยำด้วยสเกลจับชีพจร 30 ครั้งต่อนาทีนี้เอง ซึ่งช่วยให้สามารถวัดชีพจรของคุณเองหรือของคนอื่นๆ ได้อย่างทันที
นอกจากนี้ Speedmaster Chronoscope ยังมาพร้อมอีกหนึ่งรุ่นพิเศษที่รังสรรค์ขึ้นจากวัสดุเอกซ์คลูซีฟของ OMEGA อย่าง Bronze Gold ด้วยคุณสมบัติและคุณลักษณะเฉพาะตัวอันโดดเด่นและสง่างามของเฉดสีชมพูเฉพาะ แต่มีความทนทานสูงต่อการสึกกร่อน และมอบภาพและสัมผัสของความคลาสสิกร่วมสมัยให้กับนาฬิการุ่นนี้ไ้ด้อย่างดี โดยมาพร้อมขอบตัวเรือนเซรามิกสีน้ำตาลขัดเงาและสเกลทาคีมิเตอร์ลงยาแบบวินเทจ คู่ด้วยหน้าปัดบรอนซ์และ patina พิเศษ รวมถึงงานตกแต่งอย่างประณีต พร้อมทั้งความโดดเด่นของหน้าปัดย่อยบอกวินาทีเล็กและเข็มชี้เงินที่เคลือบ PVD ด้วย Bronze Gold 18 กะรัต
ขณะที่นาฬิกาแต่ละเวอร์ชั่นซึ่งมีให้เลือกอย่างหลากหลายทั้งตัวเรือนสเตนเลสสตีล หรือการผสมผสานการตกแต่งระหว่างสองโทนสี รวมถึงหน้าปัดย่อยสองวงจัดวาง ณ ตำแหน่ง 9 และ 3 นาฬิกา ซึ่งเป็นที่รู้จักกันอย่างดีว่าหน้าปัด “Panda” กับหลากสไตล์ของนาฬิการุ่นนี้ที่ยังมาพร้อมการประกอบคู่สายหนังและหัวเข็มขัดสเตนเลสสตีล ประทับด้วยโลโก้แบบนูน หรือสายสเตนเลสสตีลขัดเงาและขัดด้าน พร้อมทั้งระบบปรับระดับสายเพื่อเพิ่มความสะดวกสบายในการสวมใส่บนข้อมือได้ซึ่งผ่านการจดสิทธิบัตรโดย OMEGA เช่นกัน
ส่วนภายในแต่ละเวอร์ชั่นของ Speedmaster Chronoscope นี้ขับเคลื่อนด้วยกลไกจักรกลไขลานด้วยมือ OMEGA Co-Axial Master Chronometer Calibre 9908 ที่ผ่านประกาศนียบัตรรับรองอย่างสมบูรณ์โดย METAS (Swiss Federal Institute of Metrology) ด้วยมาตรฐานระดับสูงสุดของอุตสาหกรรมในด้านความเที่ยงตรง สมรรถนะ และการต้านทานแม่เหล็ก โดยเปิดโชว์ให้เห็นการทำงานของกลไกซึ่งสำรองพลังงานได้ 60 ชั่วโมงนี้ผ่านฝาหลังกระจกคริสตัลแซฟไฟร์ของนาฬิกา รวมถึงชมฝีมืองานการตกแต่งอย่างประณีตสวยงาม ทั้งลวดลาย Geneva waves แบบอะราเบสก์ (abrabesque) ที่มีจุดเริ่มต้นของลายมาจากบาลานซ์วีลแทนที่จะเป็นศูนย์กลางของกลไก ซึ่งนับเป็นครั้งแรกสำหรับ OMEGA อีกด้วย
CREDITS:
PHOTOS: COURTESY OF OMEGA
VIDEO: Perayut Limpanastitphon
GRAPHIC DESIGNER: Vanicha Limpanastitphon
สามารถติดตามคอนเทนต์ นาฬิกา อื่นๆ ที่น่าสนใจได้ ที่นี่