ข่าวดีสองชั้น เมื่อ Omega Speedmaster Moonwatch เปิดตัวรุ่นใหม่ล่าสุด พร้อมประกาศนียบัตรระดับสูงสุดของอุตสาหกรรมนาฬิกา อย่าง Master Chronometer อีกด้วย
เรียกว่าเป็นข่าวใหญ่และข่าวดีสำหรับคนรักนาฬิกา Omega Moonwatch (โอเมก้า มูนวอทช์) นาฬิกาเรือนแรกของโลกที่ได้ไปพิชิตดวงจันทร์พร้อมกับนักบินอวกาศ จึงกลายเป็นรุ่นนาฬิกาที่มีชื่อเสียงที่สุดในประวัติศาสตร์ สปีดมาสเตอร์ มีมากกว่า 260 รุ่น เป้าหมายของโอเมก้า คือการเพิ่มช่วงของ Chronograph สำหรับกลุ่มเป้าหมายหลายหลาก และสุภาพบุรุษที่ทรงอิทธิพลและโดดเด่นมากมายมีเลือกสวมใส่นาฬิกา โอเมก้า รุ่นนี้ (George Clooney และ Daniel Craig เป็นต้น) เริ่มต้นปีนี้ก็ทำเอาหัวใจกระชุ่มกระชวยไปตามๆ กัน ด้วยการประกาศเปิดตัวนาฬิกา Speedmaster Moonwatch (สปีดมาสเตอร์ มูนวอทช์) รุ่นล่าสุด ซึ่งพ่วงมาด้วยดีกรีใหม่ของการผ่าน Master Chronometer certified มาตรฐานการทดสอบชั้นสูงโดย The Federal Institute of Metrology การรับรองนี้แสดงถึงการทดสอบและตรวจสอบอย่างละเอียดถึงสองครั้ง ผ่าานการทดสอบ 8 ขั้นตอน ที่เกี่ยวกับคุณสมบัติ ความทนทานและความแม่นยำรับรองมาตรฐานของกลไกจักรกลที่สามารถต้านทานแม่เหล็กได้ระดับสูงสุดของอุตสาหกรรมนาฬิกาข้อมือ ณ ปัจจุบัน
โดย Speedmaster Moonwatch Master Chronometer Professional Chronograph รุ่นล่าสุดกับตัวเรือน 42 มม. นี้ติดตั้งไว้ด้วยกลไกอัปเดทใหม่ของ Co-Axial Master Chronometer Calibre 3861 ซึ่งช่วยให้มั่นใจได้ว่าการทำงานของกลไกจะไม่ได้รับผลกระทบ แม้อยู่ท่ามกลางสนามแม่เหล็กสูงสุดถึงระดับ 15,000 เกาส์ (gauss หน่วยวัดแรงเหนี่ยวนำของแม่เหล็ก) นอกจากนี้ยังมั่นใจได้ด้วยว่านาฬิกาทั้งเรือนนี้ได้ผ่านประกาศนียบัตร Master Chronometer ที่นับเป็นมาตรฐานระดับสูงสุดของความเที่ยงตรง ประสิทธิภาพ และการต้านทานสนามแม่เหล็กของอุตสาหกรรมนาฬิกาสวิส
ขณะที่โชคชั้นที่สองที่เจ้าของนาฬิการุ่นใหม่นี้ยังคงจะได้รับคือ มรดกที่สืบทอดมาจากบรรพบุรุษ Moonwatch อันโด่งดัง โดยในรุ่นใหม่ได้แรงบันดาลใจรูปทรงตัวเรือนมาจากสไตล์ของนาฬิกา Moonwatch เจเนอเรชั่นที่ 4 หรือที่รู้จักกันว่า reference ST 105.012 เป็นนาฬิกาที่เหมาะสมสำหรับนักบินอวกาศ องค์การนาซ่าได้จัดหา Chronograph จากนาฬิกาหลายๆ แบรนด์ รวมถึง โอเมก้า สปีดมาสเตอร์ และได้ทำการทดสอบอย่างเข้มงวดว่าจะมีความเหมาะสมกับภารกิจของยานอวกาศ อพอลโล ยานอวกาศของนาซ่าหรือไม่ ในที่สุด โอเมก้า สปีดมาสเตอร์ ได้รับการคัดเลือกให้เป็นนาฬิกาสำหรับนักบินอวกาศขององค์การนาซ่า ในปีค.ศ. 1965 Speedmaster บินไปพร้อมกับนักบินอวกาศที่ชื่อ Ed White เพื่อสำรวจจักรวาล ชื่อของ Speedmaster จึงถูกพ่วงกับ คำว่า “Professional”
เหล่านักบินอวกาศของ Apollo 11 ได้สวมใส่ โอเมก้า สปีดมาสเตอร์ลงปฏิบัติการบนดวงจันทร์ในปีค.ศ. 1969 ได้แก่ Neil A. Armstrong (นีล เอ. อาร์มสตรอง) Michael Collins (ไมเคิล คอลลินส์) Edwin E. Aldrin, Jr. (เอดวิน อี. อัลดริน จูเนียร์) อาร์มสตรองเป็นมนุษย์อวกาศคนแรกที่ประทับรอยเท้าบนดวงจันทร์ ตามด้วยอัลดริน ทั้งสองได้ติดตั้งเครื่องวัดแผ่นดินไหว กระจกเลเซอร์เครื่องวัด “ลมสุริยะ” และเก็บตัวอย่างหินและดินกลับมายังโลกอย่างปลอดภัย รวมเวลาอยู่บนดวงจันทร์ 21 ชั่วโมง 36 นาที นับเป็นภารกิจทางเทคโนโลยีอันยิ่งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ของศตวรรษที่ 20
ความร่วมมือระหว่าง นาซ่าและโอเมก้ายังคงเหนียวแน่นจนถึงปัจจุบัน Omega Speedmaster Professional กลายเป็นนาฬิกามาตรฐานสำหรับนักบินอวกาศอย่างต่อเนื่อง และยังได้รับการยกย่องว่าเป็นรุ่นที่ยอดเยี่ยมของคอลเลกชันมานานหลายทศวรรษ ทำให้เป็นนาฬิกาที่ใฝ่ฝันของทุกคน เพราะเป็น “The First Watch Worn on the Moon”
นาฬิกาโอเมก้า มูนวอทช์ รุ่นใหม่ล่าสุดนี้ประกอบด้วยความโดดเด่นของตัวเรือนอสมมาตร คู่ด้วยหน้าปัดต่างระดับ และฝาหลังแบบลาดสองระดับ รวมไปถึงเครื่องหมายจุดเหนือหลักเลข 90 (Dot Over 90 หรือ DON) และเยื้องหลักเลข 70 ที่ปรากฏบนขอบตัวเรือนอโนไดซ์อลูมิเนียม ก็นับเป็นรายละเอียดสำคัญที่สืบทอดและบอกเล่าถึงตำนานของ Speedmaster Moonwatch ได้อย่างสมบูรณ์
นอกจากความครบเครื่องเรื่องงานออกแบบแล้ว Omega ยังได้พัฒนาสายโลหะแบบผสานอย่างกลมกลืนขึ้นมาใหม่ โดยนำเสนอในแบบสายห้าแถว และแต่ละข้อสายมีความโค้ง ซึ่งถอดต้นแบบมาจากสไตล์ของ Moonwatch ในอดีต รวมทั้งบานพับสายใหม่ที่ตกแต่งด้วยโลโก้ Omega บนฝาปิดบานพับขัดแต่งแบบซาติน
แม้กระทั่งหน้าปัดเองก็ใส่รหัสความเป็น Moonwatch ไว้อย่างเต็มเปี่ยม และยังคงใส่ใจในทุกรายละเอียด ไม่ว่าจะเป็น สเกลนาทีที่แบ่งออกเป็น 3 ส่วน ต่างไปจาก 5 ส่วนของนาฬิการุ่นก่อนๆ เพื่อให้สอดคล้องกับความถี่การทำงานของกลไก Calibre 3861 ซึ่งสะท้อนถึงความเข้มงวดด้านมาตรฐานความเที่ยงตรงของแบรนด์
ที่เหลือนั้นยังมีรายละเอียดอีกมากมายที่รอให้นักสะสมได้ค้นหา และข่าวดีปิดท้ายสำหรับ Moonwatch รุ่นใหม่นี้ ก็คือตัวเลือกที่หลากหลายยิ่งขึ้น ทั้งเวอร์ชั่นสเตนเลสสตีล กับกระจกเฮซาไลต์ หรือแซฟไฟร์ หรือเวอร์ชั่น 18K Sedna™ gold และ 18K Canopus gold™ ที่เป็นไวท์โกลด์อัลลอย โดยทุกเรือนทั้งหมดมาพร้อมการรับประกันตลอด 5 ปีเต็ม จาก Omega
CREDITS:
PHOTOS: COURTESY OF OMEGA
ART DIRECTOR: Perayut Limpanastitphon
สามารถติดตามคอนเทนต์ นาฬิกา อื่นๆ ที่น่าสนใจได้ ที่นี่