เมทัลคือกุญแจสู่ทุกอย่าง! ปลุกเลือดชาวร็อคในตัวไปพร้อมกับ Metal Lords ภาพยนตร์ Coming of Age สุดเดือดจากการเขียนบทของ ดี.บี. ไวสส์ ผู้สร้าง Game of Thrones
นับเป็นหนึ่งในคอนเท้นต์เข้าใหม่ที่น่าสนใจประจำเทศกาลสงกรานต์ที่ผ่านมา สำหรับภาพยนตร์ออริจินัลเรื่องใหม่จาก Netflix อย่าง Metal Lords – เมทัลลอร์ด ที่จะพาทุกคนเดินทางไปพร้อมเหล่าวัยรุ่นที่กำลังเริ่มต้นก้าวเข้าสู่โลกดนตรีแนวเมทัล ที่บอกเลยว่าแม้จะไม่ฟังเมทัล ก็สามารถอินกับเรื่องราวในภาพยนตร์เรื่องนี้ได้แบบไม่ยาก
เมทัลลอร์ดเล่าเรื่องราวของฮันเตอร์ (Hunter) รับบทโดยเอเดรียน กรีนสมิธ (Adrian Greensmith) เด็กหนุ่มไฮสคุลผู้คลั่งใคล้และลุ่มหลงในความเป็นดนตรีร็อคเมทัลแบบสุดหัวใจ เขามีความฝันอันยิ่งใหญ่ในการชนะการประกวดดนตรีในโรงเรียน เพื่อทำให้ทุกคนในโรงเรียนได้ทำความรู้จัก และลิ้มรสความเป็นเมทัลที่แท้จริง เพื่อประกาศให้ทุกคนรู้ว่าดนตรีเมทัลมันเจ๋งสุดๆ!
เหตุนี้เอง ฮันเตอร์จึงชวนเพื่อนสนิทสุดเนิร์ดอย่างเควิน (Kevin Schlieb) รับบทโดยเจเดน มาร์เทล (Jaden Martell) และสาวน้อยนักดนตรีอารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ อย่างเอมิลี่ (Emily) รับบทโดยไอซิส เฮนสเวิร์ธ (Isis Hainsworth) ให้มาร่วมวงดนตรีเมทัลด้วยกันในนาม Skullfucker และมีความฝันว่าจะพาวงเมทัลวงนี้ไปเป็นตำนาน
แม้เรื่องราวจะถูกเล่าไปตามสูตรหนังวัยรุ่นไฮสคูล-ก้าวพ้นวัย (Coming of Age) โดยมีหัวใจสำคัญของเรื่องอยู่ที่ดนตรี ซึ่งเป็นเสมือนประตูบานแรกของเหล่าวัยรุ่น ที่พาให้พวกเขาและเธอได้พบกับตัวตนของตนเองเป็นครั้งแรกผ่านรสนิยมการฟังเพลง แต่เมทัลลอร์ดก็เล่าเรื่องราวสุดคลิเช่นี้ออกมาได้อย่างลื่นไหล ไม่น่าเบื่อ สอบผ่านตามมาตรฐานหนังวัยรุ่นไฮสคูลตามขนบที่ควรจะเป็น
และยังสอดแทรกเรื่องราวความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อน การเติบโต และยอมรับในตัวตนของตนเอง ผ่านคาแรคเตอร์หลักอย่างฮันเตอร์ ที่ได้เอเดรียน สกรีนสมิธ มาถ่ายทอดได้อย่างน่าประทับใจ จนไม่น่าเชื่อว่านี่เป็นผลงานเรื่องแรกของเขา ด้วยการแสดงที่ทำให้เรามองเห็นมิติของตัวละครฮันเตอร์อย่างชัดเจนในฐานะวัยรุ่นคนหนึ่ง ที่มีความว้าวุ่นใจ สับสนในตนเอง และหมกมุ่นอยู่กับการสร้างตัวตนและอัตลักษณ์ ในขณะเดียวกันก็ทุ่มเทกับการมุ่งหน้าตามหาความฝันราวกับว่านั่นคือสิ่งเดียวในชีวิต
และยังได้หนุ่มน้อยสุดฮอต เจเดน มาเทลจากภาพยนตร์ It – มันมาจากนรก (2017) Knives Out ฆาตกรรมหรรษา ใครฆ่าคุณปู่ (2019) และภาพยนตร์รีบู๊ทอย่าง The Lost Boys มารับบทเพื่อนสนิทสุดเนิร์ดเพียงคนเดียวของฮันเตอร์อย่างเควิน ที่จับพลัดจับพลูต้องมารับหน้าที่มือกลองในวงร็อคเมทัล โดยมีเป้าหมายคือการพาเพื่อนรักไปชนะงานประกวดให้ได้
ซึ่งก็แน่นอนว่าการแสดงของเจเดนยังคงเต็มไปด้วยเสน่ห์และความมีชีวิตชีวาและพาให้หนังดำเนินไปอย่างน่าติดตาม รวมทั้งการเลือกใช้ดนตรีประกอบภาพยนตร์ที่ชาวเมทัลทั้งรุ่นเล็กรุ่นใหญ่ดูแล้วน่าจะชื่นชอบ ทั้งการหยิบเอาผลงานของวงเมทัลสุดจี๊ดทั้ง Judas Priest, Metallica, Black Sabbath, Mastodon และอีกหลากหลายวงมาใช้ในเรื่อง
รวมทั้งการได้เห็นนักแสดงรับเชิญที่เป็นศิลปินชาวเมทัลจริงๆ มาปรากฏตัวอย่างกับหนังรวมดาว ก็ทำเอาแฟนเมทัลกรี๊ดสลบเหมือนตอนได้เห็นวงบอดี้สแลม ปู Black Head ป๊อด Modern Dog ต้า Paradox แด็กซ์ Big Ass และเหล่าพี่ๆ นักดนตรีร็อคระดับตำนานในภาพยนตร์ ‘ซักซี้ด ห่วยขั้นเทพ’ (2011) อย่างไรอย่างนั้น
ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นผลงานการกำกับของปีเตอร์ ซอลเล็ตต์ (Peter Sollet) จาก Raising Victor Vargas (2002) และ Minecraft ที่ได้ ทอม โมเรลโล (Thomas Morello) มือกีตาร์สุดฮาร์ดคอร์จากวง Rage Against The Machine มารับหน้าที่ Executive Music Director ที่ดูแลเรื่องดนตรีทั้งหมดในเรื่อง จึงไม่น่าแปลกใจนักที่ความเดือดของเพลงประกอบภาพยนตร์ทั้งหมดจะออกมาถูกต้องและเข้มข้น จนทำให้แฟนเพลงเมทัลอินได้ไม่อยาก แถมยังรู้สึกเหมือนได้ย้อนกลับไปมองตนเองในวัยกระเตาะที่เพิ่งเริ่มฟังเพลงเมทัลอย่างไรอย่างนั้น
นอกจากทอมและปีเตอร์ที่มาช่วยกันเนรมิตจักรวาลดนตรีเมทัล ภาพยนตร์เรื่องนี้ยังได้ ดี.บี ไวส์ (D.B.Weiss) มือเขียนบทผู้โด่งดังจากการเป็นโปรดิวเซอร์ของซีรีส์พีเรียดเรื่องยาวระดับตำนานอย่าง Game of Thrones มหาศึกชิงบัลลังก์ (2011-2019) มารับหน้าที่เขียนเรื่องราวของฮันเตอร์และชาวแก๊ง ทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้มีจังหวะการเล่าเรื่องที่น่าสนใจและน่าติดตามตั้งแต่ต้นจนจบ แบบไม่ว่าใครก็สามารถสนุกและเดินทางไปกับหนังได้แม้จะไม่ได้ชื่นชอบดนตรีร็อคเมทัลมาก่อนก็ตาม
ใครที่เบื่อๆ ไม่รู้จะดูอะไรในสตรีมมิ่งช่วงสุดสัปดาห์ ภาพยนตร์เรื่องนี้ก็ดูจะเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับคนที่อยากหาคอนเทนต์ที่ผ่อนคลาย ปล่อยใจได้แบบสนุกๆ โดยไม่ต้องคิดอะไรเยอะให้หนักสมอง
ชมเมทัลลอร์ดได้แล้ววันนี้บน Netflix พร้อมซับไตเติ้ลและเสียงพากย์ภาษาไทย
CREDIT:
PHOTOS: COURTESY OF NETFLIX
อ่านเรื่องราวที่น่าสนใจอื่นๆ ได้บน Padthai.co
- BTS Permission to Dance on Stage คอนเสิร์ตจาก BTS ทำรายได้จากการขายบัตรเพื่อชมงานทั้งรอบออฟไลน์และออนไลน์รวม 3000 ล้านบาทจากคอนเสิร์ต 3 วันในเกาหลี
- Repeat After Me : รู้จักและเข้าใจปัญหา Domestic Violence ผ่านการ์ตูนอนิเมะ Kotaro Lives Alone อนิเมะ10ตอนจบบน Netflix ที่อาจทำให้คุณเสียน้ำตาโดยไม่รู้ตัว
- “ครั้งหนึ่งผมเคยติดเหล้า” : คุยกับ Daniel Radcliffe ถึงบทบาทใหม่ในภาพยนตร์เรื่องล่าสุด The Lost City ผจญภัยนครสาบสูญ และชีวิตหลังก้าวออกจากโลกเวทมนตร์ หลังแฟรนไชนส์ภาพยนตร์พ่อมดน้อย Harry Potter
- รีวิวหลังดูจบแบบไม่สปอยล์ : Fast and Feel Love เร็วโหด.. เหมือนโกรธเธอ หนังใหม่ย่อยง่ายจากเต๋อ-นวพล ที่ชวนผู้ชมตั้งคำถามกับชีวิตคู่ ความรัก เวลาและความฝันที่มีวันหมดอายุ
- ร่วมเดินทาง Road Trip ไปกับป๊อปสตาร์แห่งยุค เจ้าของรางวัลแกรมมี่อวอร์ดส์ โอลิเวีย ร็อดดริโก กับโชว์สุดพิเศษ และเบื้องหลังเพลงดังทั้งหมดจากอัลบั้ม Sour ใน Olivia Rodrigo: driving home 2 u สารคดีเรื่องใหม่บน Disney+ Hotstar