นาฬิกาที่ถ่ายทอดจิตวิญญาณแห่งการเดินทางครั้งใหม่ของ Louis Vuitton
นับตั้งแต่ปีค.ศ. 1854 หลุยส์ วิตตอง (Louis Vuitton) ได้รังสรรค์งานดีไซน์ ที่เป็นเอกลักษณ์สู่สายตาชาวโลก โดยผสมผสานระหว่างนวัตกรรมล้ำสมัยเข้ากับสไตล์อันงดงาม รวมทั้งคุณภาพที่เป็นหนึ่ง ซึ่งนับจากวันนั้นจวบจนวันนี้ แบรนด์ก็ยังคงดำเนินตามปรัชญาเดิมที่ Louis Vuitton ผู้ก่อตั้งได้ริเริ่มไว้ นั่นคือเรื่องราวของ “ศิลปะแห่งการเดินทาง” ผ่านผลงานกระเป๋าเดินทาง กระเป๋า และเครื่องประดับต่างๆ รวมถึงนาฬิกา ซึ่งเต็มเปี่ยมไปด้วยความคิดสร้างสรรค์ เช่นเดียวกับความสง่างาม และความสะดวกสบายในการใช้งาน
จากจิตวิญญาณแห่งการเดินทาง หรือ L’âme du Voyage ที่ยึดมั่นมาโดยตลอดนั้น ยังได้ถ่ายทอดผ่านหลากหลายคอลเลกชันรังสรรค์ของ Louis Vuitton ซึ่งแน่นอนว่า ย่อมรวมไปถึงการปรากฏตัวครั้งแรกของนาฬิกา ตองบูร์ (Tambour) ในปีค.ศ. 2002 ที่เป็นผลงานการประดิษฐ์คิดค้นขึ้นใหม่ และยังคงเป็นนาฬิการุ่นไอคอนิก ด้วยดีไซน์และรูปทรงเฉพาะตัว ที่สะท้อนถึงจิตวิญญาณการผจญภัย และต้นกำเนิดแห่งการเดินทางของแบรนด์ จากการผสมผสานทั้งองค์ความรู้ด้านการประดิษฐ์นาฬิกาเข้ากับงานฝีมือ ที่เป็นเอกลักษณ์ Tambour จึงนับเป็นอีกก้าวสำคัญในโลกเรือนเวลาของแบรนด์ และเป็นตัวแทนการรังสรรค์นาฬิกาอันเป็นที่จดจำได้มากที่สุด แห่งศตวรรษที่ 21
โดยนับตั้งแต่ก้าวแรก Tambour ได้พัฒนาต่อยอดมาสู่ความสลับซับซ้อน และการเป็นนาฬิกาฟังก์ชันอันหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการติดตั้งด้วยระบบจับเวลาโครโนกราฟ ใน Tambour Automatic Chronograph (ตองบูร์ ออโตเมติก โครโนกราฟ) หรือผสานด้วยฟังก์ชัน GMT แสดงเวลาไทม์โซนที่สองใน Tambour GMT รวมไปถึงการติดตั้งด้วยจักรกลซับซ้อนสูง อย่างใน Tambour Tourbillon ซึ่งมาพร้อมแนวคิดสร้างสรรค์ใหม่ ที่เปิดโอกาสให้ลูกค้าสามารถร่วมสร้างสรรค์นาฬิกาเฉพาะของตนเองได้ด้วยบริการ Customisation เป็นครั้งแรก รวมถึงที่สุดของการรังสรรค์เรือนเวลาอันซับซ้อนสูงจากรุ่น Tambour Curve Flying Tourbillon Poinçon de Genève ในปีค.ศ. 2020
งานดีไซน์ใหม่ของ Tambour ออกแบบขึ้นเพื่อตอบโจทย์การใช้งานในหลากหลายรูปแบบ แต่ยังคงรักษาเอกลักษณ์ของคอลเลกชันนี้ไว้อย่างสมบูรณ์ ไม่ว่าจะเป็น ตัวเรือนที่ผลิตจากโลหะชิ้นเดียว โดยออกแบบฐานด้านล่างให้ใหญ่กว่าส่วนบน ซึ่งเป็นงานดีไซน์ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากเครื่องเคาะจังหวะอย่างกลอง ส่วนหูเชื่อมสายบนตัวเรือนออกแบบให้ผสานเข้ากับสายนาฬิกาได้อย่างสมบูรณ์แบบ ขณะที่ตัวเลขบอกชั่วโมงประดับด้วยตัวอักษรทั้ง 12 ตัวจากชื่อของ “L-O-U-I-S-V-U-I-T-T-O-N”
ถ่ายทอดจิตวิญญาณแห่งการเดินทางและการผจญภัยของ Louis Vuitton ที่ผลงานรุ่นใหม่นี้ได้ผสานระหว่างความสง่างามตามแบบฉบับของ Tambour และดีไซน์แนวสปอร์ตทนทาน ล้ำสมัย โดย Tambour Street Diver ได้หยิบยกรูปแบบนาฬิกาสำหรับดำน้ำ แบบดั้งเดิมมาผสมผสานเข้ากับสีสันสดใสใหม่ ตอบโจทย์ด้วยดีไซน์ที่โมเดิร์นยิ่งขึ้น รวมถึงยังคงความเที่ยงตรงแม่นยำของการแสดงเวลา กับองค์ประกอบที่แสดงออกถึงสมรรถนะอันแท้จริงของนาฬิกาดำน้ำ ไม่ว่าจะเป็น กลิ่นอายสปอร์ตที่นำเสนอผ่านองค์ประกอบต่างๆ ทั้งเม็ดมะยมแบบบิดลง ระบบกันน้ำได้ลึกถึงระดับ 100 เมตร ไปจนถึงหน้าปัดเคลือบด้วยสารเรืองแสง Super-LumiNova และขอบตัวเรือนด้านในสามารถปรับหมุนได้
โดยสเกลบอกเวลาการดำน้ำนี้จัดวางไว้ใต้กระจกแซฟไฟร์ และบนขอบหน้าปัดด้านนอกปรับหมุนได้ ซึ่งทำมุมเอียงขึ้นจากหน้าปัด นับเป็นการออกแบบ ที่ให้ประโยชน์ถึงสองด้าน คือช่วยให้ตัวเรือนนาฬิกาดูสะอาดตาและเรียบร้อย ขณะเดียวกันด้วยมุมเอียงของขอบวงแหวนนี้ จึงช่วยให้สามารถอ่านค่าได้อย่างชัดเจน และให้ความรู้สึกได้ถึงความมีมิติ และคมชัดยิ่งขึ้น ขณะที่บนขอบตัวเรือนเดียวกันนี้ยังใช้งานได้สะดวกสบายจากการควบคุมผ่านเม็ดมะยมตกแต่งด้วยสีตัดกัน ณ ตำแหน่ง 1.30 นาฬิกา ประทับบนยอดเม็ดมะยมด้วยรูปนักดำน้ำ เพื่อให้แตกต่างไปจากเม็ดมะยมไขลานนาฬิกาที่ตำแหน่ง 3.00 นาฬิกา
โดยเบื้องหลังงานดีไซน์นี้ได้นำเอาแนวคิดของ “Align the V” มาประยุกต์ใช้ กับอักษรรูปตัว V ที่ปรากฏบนสเกลดำน้ำ ที่ออกแบบให้สัมพันธ์ไปกับรูปทรงตัว V บนปลายเข็มนาที และเมื่อเริ่มจับเวลาสำหรับดำน้ำ สเกลและเข็มจะรวมตัวกันเป็นรูปตัว X บ่งบอกถึงการเริ่มต้นการเดินทางใต้น้ำครั้งใหม่ ขณะที่เวลาที่ใช้ไปใต้น้ำนั้นสามารถอ่านค่าได้ผ่านขอบตัวเรือนด้านใน โดยในช่วง 15 นาทีแรก ตกแต่งให้โดดเด่นด้วยสีสดใสตัดกับสีบนส่วนที่เหลือของสเกลดำน้ำ
ด้วยฟังก์ชั่นการใช้งานที่ครบถ้วนภายใต้ดีไซน์ล้ำสมัยทำให้ Tambour Street Diver กลายเป็นภาพสะท้อน ที่สมบูรณ์แบบถึงการผสมผสานไลฟ์สไตล์อันหลากหลายของผู้คน รวมถึงการผจญภัยอันทันสมัย ซึ่ง Louis Vuitton ได้ถ่ายทอดผ่านแคมเปญการเปิดตัวนาฬิกา Tambour รุ่นใหม่ร่วมกับ Friends of the House ทั้ง 3 คน คือ Lee Minho, Tahar Rahim และ Sophie Turner ที่นำเสนอมุมมองความหลากหลายของเมืองที่แตกต่างออกไปจากเดิม
และครั้งนี้เป็นการนำเสนอผ่านน้ำ ซึ่งเป็นหนึ่งในองค์ประกอบสำคัญ ที่เชี่อมโยงกับวิถีชีวิตของชุมชนเมือง และระบบนิเวศอย่างลึกซึ้ง ไม่ว่าจะเป็นภายในหรือนอกอาคาร จัตุรัสกลางเมือง สวนดอกไม้ และพื้นที่สาธารณะ ลัดเลาะไปใต้พื้นดินหรือขึ้นสู่จุดที่สูงที่สุด ที่น้ำได้นำชีวิตมาสู่เมืองในทุกๆ รูปแบบ
ขณะเดียวกันนั้น น้ำเองยังมีรูปลักษณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปได้อย่างไม่รู้จบ เฉกเช่นเดียวกับนาฬิกา ตองบูร์ (Tambour) ซึ่งได้พิสูจน์ถึงการพัฒนาต่อยอดอย่างไม่หยุดนิ่งตลอดมา เพื่อสร้างสรรค์เครื่องบอกเวลาบนข้อมือทุกขนาดสำหรับทุกคน โดยใน Tambour Street Diver ได้นำแนวความคิดนี้มาใช้ในการออกแบบเช่นกัน กับการนำเสนอด้วยนาฬิกากลไกอัตโนมัติ 3 รุ่น ภายในตัวเรือนขนาด 44.0 มิลลิเมตร และอีกหนึ่งรุ่นเป็นนาฬิกากลไกควอตซ์ ในตัวเรือนขนาด 39.5 มิลลิเมตร
โดยทั้งสี่รุ่นนี้ยังต่างมีกลิ่นอายแบบสปอร์ตหรูต่างกันไป นอกจากนี้สายนาฬิกายังสามารถถอดเปลี่ยนได้ง่ายดาย ด้วยระบบถอดเปลี่ยนสายอัจฉริยะ ที่ออกแบบและสร้างสรรค์ขึ้นโดย หลุยส์ วิตตอง (Louis Vuitton) เพื่อตอบโจทย์ และมอบให้นาฬิกาคอลเลกชันนี้สามารถสวมใส่ได้ในทุกๆ วัน รับกับทุกไลฟ์สไตล์ และการแต่งตัว ไม่ว่าจะเป็นลุคเท่แบบสปอร์ตไปจนถึงสไตล์เรียบหรูสง่างาม ที่เป็นแบบฉบับของ Tambour
CREDITS:
PHOTOS: COURTESY OF Louis Vuitton
Music: In Peace (club mix) by Sascha Ende (c) copyright 2020 Licensed under a Creative Commons Attribution (3.0) license. http://dig.ccmixter.org/files/saschaende/60871
ART DIRECTOR: Perayut Limpanastitphon
สามารถติดตามคอนเทนต์ นาฬิกา อื่นๆ ที่น่าสนใจได้ ที่นี่