Longines ฉลองครบรอบ 190 ปี ด้วยนาฬิการุ่นพิเศษจาก The Longines Master Collection สะท้อนถึงประวัติศาสตร์อันรุ่มรวยของแบรนด์
The Longines Master Collection 190th Aniversary ตลอดเส้นทาง 190 ปี Longines (ลองจินส์) ได้สร้างสรรค์ผลงานเรือนเวลาคุณภาพมาแล้วมากมาย พร้อมทั้งพิสูจน์ความสำเร็จจากนาฬิกาที่สืบทอดองค์ความรู้ความเชี่ยวชาญของแบรนด์ เช่นเดียวกับผสมผสานไว้ด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยีอันทันสมัย และในโอกาสฉลองครบรอบ 190 ปีนี้ Longines ได้เปิดตัวทายาทนาฬิการุ่นพิเศษสุดเอ็กซ์คลูซีฟถึง 3 รุ่นใน The Longines Master Collection 190th Anniversary โดยสืบทอดความเชี่ยวชาญในการประดิษฐ์นาฬิกาและงานออกแบบด้วยสไตล์คลาสสิกร่วมสมัยของ The Longines Master Collection
ด้วยประวัติศาสตร์ของ Longines นาฬิกาแบรนด์ระดับโลกจากสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1832 ที่เมืองแซงต์อิมิเยร์ ได้สร้างปรากฏการณ์ความโดดเด่นในโลกแห่งเรือนเวลามามากมาย ทั้งยังล้วนสืบทอดไว้ด้วยมรดกของการประดิษฐ์นาฬิกา ภายใต้เอกลักษณ์ของงานออกแบบอันสง่างาม ทรงเกียรติ รวมถึงการทำงานด้วยคุณภาพและประสิทธิภาพของกลไกสร้างสรรค์ ซึ่งความไว้วางใจเชื่อถือได้ของนาฬิกา Longines ยังได้ร่วมพิสูจน์มาแล้ว ผ่านการได้รับเลือกให้เป็นผู้จับเวลาการแข่งขันกีฬาระดับโลกจากหลากหลายสนามการแข่งขัน ทั้งยังร่วมเป็นพันธมิตรกับสมาพันธ์กีฬานานาชาติ ที่ทำให้ชื่อของ Longines เป็นส่วนหนึ่งของโลกกีฬามาโดยตลอด พร้อมการปรากฏตัวของเอกลักษณ์โลโก้รูปนาฬิกาทรายติดปีก และในฐานะแบรนด์นาฬิกาส่วนหนึ่งของบริษัท Swatch Group ชั้นนำระดับโลก
ในแง่ของการสร้างสรรค์กลไกนาฬิกา Longines ได้แสดงออกถึงความสามารถด้านความเชี่ยวชาญและการคิดค้นเทคโนโลยีอันล้ำสมัยของกลไกอีกมากมาย เช่นในนวัตกรรมกลไกจักรกลไขลานอัตโนมัติที่มีความเที่ยงตรงและมีประสิทธิภาพสูง รวมถึงการพัฒนาและใช้ซิลิคอนบาลานซ์สปริง (silicon balance spring) ซึ่งไม่เพียงมีน้ำหนักเบา แต่ยังทนทานต่อการเกิดสนิม และต้านทานการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิ รวมถึงสนามแม่เหล็กได้อีกด้วย คุณสมบัติเหล่านี้ยังช่วยเสริมและพัฒนาคุณภาพความแม่นยำและความยาวนานในการใช้งาน ส่งผลให้นาฬิกาของ Longines ได้รับการรับประกันการใช้งานยาวนานถึง 5 ปีอย่างมั่นใจ
และเพื่อร่วมฉลองครบรอบ 190 ปีแห่งเส้นทางการสร้างสรรค์นาฬิกาอันทรงเกียรตินี้ แบรนด์ได้เปิดตัวซีรีส์นาฬิกาสุดเอ็กซ์คลูซีฟ 3 รุ่น จากคอลเลกชันยอดนิยม อย่าง The Longines Master Collection โดยผสมผสานทั้งเอกลักษณ์ความสง่างามคลาสสิกเข้ากับกลไกอันเปี่ยมประสิทธิภาพ ด้วยงานออกแบบภายใต้ตัวเรือนขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 40.0 มิลลิเมตร และหนา 9.35 มิลลิเมตร ทั้งในเวอร์ชันเยลโลโกลด์ หรือโรสโกลด์ ซึ่งเป็นรุ่นผลิตจำนวนจำกัดเพียงเวอร์ชันละ 190 เรือน และเวอร์ชันตัวเรือนสเตนเลสสตีลที่ไม่ใช่รุ่นจำนวนจำกัด
จุดเด่นของนาฬิกาทั้ง 3 รุ่นนั้นย่อมเป็นการสะท้อนถึงเอกลักษณ์อันสง่างามของ Longines ผ่านทั้งงานฝีมืออันประณีตและพิถีพิถันในทุกรายละเอียด เช่นบนหน้าปัดสีแอนทราไซต์ผ่านการตกแต่งด้วยลวดลายเกรน หรือหน้าปัดสีเทาขัดแต่งพื้นผิวแบบขัดด้านแนวดิ่ง และหน้าปัดสีเงินขัดแต่งแบบด้านเนื้อทราย ทุกเวอร์ชันหน้าปัดยังบรรจงสลักไว้ด้วยตัวเลขอารบิก 12 ตัวสง่างาม รวมทั้งโลโก้ Longines แบบวินเทจ พร้อมการปกป้องของกระจกแซฟไฟร์เคลือบกันแสงสะท้อนทั้งสองด้าน และฝาหลังแบบเปลือยใสด้วยกระจกแซฟไฟร์ ที่สลักไว้ด้วยตราสัญลักษณ์ครบรอบ 190 ปี
ด้วยฝาหลังแบบเปลือยใสนี้ ยังเผยให้เห็นหัวใจการทำงานของกลไกจักรกลไขลานอัตโนมัติ Caliber L888.5 ความถี่ 25,200 ครั้งต่อชั่วโมง สำรองพลังงานได้ 72 ชั่วโมง ประกอบด้วยทับทิม 21 เม็ด พร้อมทั้งซิลิคอนบาลานซ์สปริง โดยขับเคลื่อนการแสดงเวลาชั่วโมง นาที และวินาที ด้วยเข็มชี้กลาง ซึ่งผ่านการตกแต่งทั้งในรูปแบบเข็มสตีลสีน้ำเงิน เข็มสีทอง และเข็มสีพิงค์โกลด์ รับกับแต่ละเวอร์ชันตัวเรือน โดยคงประสิทธิภาพของการกันน้ำได้ลึกระดับ 3 บาร์ หรือ 30 เมตร ประกอบคู่มากับสายหนังจระเข้สีแอนทราไซต์ และตัวพับล็อกสายเพื่อความปลอดภัยสามชั้น พร้อมทั้งกลไกเปิดแบบปุ่มกด หรือหัวเข็มขัดสายแบบหมุดสีทอง
นาฬิการุ่นเอ็กซ์คลูซีฟเพื่อร่วมฉลอง 190 ปีนี้ ไม่เพียงสืบทอดเรื่องราวและมรดกทางประวัติศาสตร์ของ Longines ให้ดำรงอยู่และสืบสานพัฒนาต่อยอดสู่อนาคตไว้ด้วยนวัตกรรมและความสามารถเชิงสร้างสรรค์ แต่ยังนับเป็นตัวแทนที่สะท้อนความเป็นผู้ผลิตนาฬิกาสวิสคุณภาพ ด้วยความสง่างาม ทรงเกียรติและสวยงามอย่างแท้จริง
CREDITS:
PHOTOS: COURTESY OF LONGINES
VIDEO: Perayut Limpanastitphon
GRAPHIC DESIGNER: Vanicha Limpanastitphon
สามารถติดตามคอนเทนต์อื่นๆ ที่น่าสนใจได้ ที่นี่