สเต็ปอัพการดูแลผิวด้วยเลเซอร์เสริมความงามที่มีให้เลือกตามปัญหาผิวแบบตรงจุด Padthai.co มาแชร์ทริคดูแลผิวหน้าก่อนและหลังทำเลเซอร์ พร้อมอัพเดทสกินแคร์สูตรอ่อนโยน ช่วยฟื้นคืนความชุ่มชื้นและปลอบประโลมผิวให้รู้สึกสบาย
สาวๆ ที่ต้องการดูแลผิวอย่างเข้มข้นนอกเหนือจากการใช้สกินแคร์ การทำเลเซอร์เสริมความงาม เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกในการดูแลสุขภาพผิวที่ได้รับความนิยมอย่างมาก เพราะเป็นการแก้ไขปัญหาผิวแบบเร่งด่วน เห็นผลเร็วและไม่ต้องพักฟื้นนาน ปัจจุบันชนิดของเลเซอร์ที่ใช้ในการดูแลผิวพรรณมีให้เลือกหลายชนิด ซึ่งแต่ละชนิดมีคุณสมบัติในการรักษาที่แตกต่างกันออกไป ด้วยนวัตกรรมเทคโนโลยีสมัยใหม่ทำให้มีการคิดค้นเลเซอร์ที่มีประสิทธิภาพ และเกิดผลข้างเคียงน้อยที่สุด
หลายๆ คนอาจจะคิดว่าการทำเลเซอร์เป็นเรื่องง่ายไม่ต้องเตรียมตัวอะไรมาก เพราะระหว่างที่ทำ ได้เคลียร์ปัญหาผิวออกไปแล้ว แต่ในความเป็นจริง ผิวหลังการทำเลเซอร์เป็นช่วงที่ผิวแห้ง อ่อนแอและบอบบางมากที่สุด สังเกตได้จากอาการแสบร้อน แดง และไวต่อแดดมากกว่าปกติ ดังนั้นก่อนทำเลเซอร์ควรมีความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการดูแลตัวเองก่อนและหลังทำ รวมถึงสามารถใช้ครีมบำรุงอะไรได้บ้าง เพื่อไม่ให้เป็นอันตรายต่อผิว
ชนิดของเลเซอร์ที่ใช้ในการดูแลผิวพรรณ
1. Pulsed Dye Laser; PDL
ช่วยรักษาความผิดปกติของเส้นเลือดในรูปแบบต่างๆ ไม่เป็นอันตรายต่อเนื้อเยื่อข้างเคียง ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิว ลดริ้วรอย แก้ปัญหาผิวปานแดงจากเส้นเลือด แผลเป็นนูนหรือคีลอยด์ รอยแดงจากสิวและรอยสักสีแดง
2. Carbon Dioxide หรือ Co2 Laser
มีคุณสมบัติในการดูดซับน้ำในชั้นผิวหนังได้ดี โดยการฉายแสงเลเซอร์ CO2 ไปยังผิวหนัง ทำให้เกิดการตายของหนังกำพร้า ส่งผลให้ฝ้า กระ จุดด่างดำ ริ้วรอยบนใบหน้า รอยตีนกา รอยย่น แผลเป็น ถูกกำจัดออกไป
3. Erbium; YAG Laser
ช่วยแก้ไขปัญหาผิวหน้า ในส่วนของผิวหนังกำพร้าด้านบนให้เรียบเนียน ลบรอยแผลเป็น หลุมสิว ริ้วรอย รวมถึงกำจัดไฝ ขี้แมลงวัน กระเนื้อ และหูด เป็นต้น โดยการทำงานมีคุณสมบัติคล้าย CO2 Laser เเต่ใช้เวลาในการฟื้นฟูผิวน้อยกว่า
4. Q-Switched
มีคุณสมบัติในการทำลายเม็ดสี เหมาะสำหรับใช้ในการรักษากระ ปานดำ ไฝ รอยสักสีดำ รวมถึงการกำจัดขนบางชนิด โดยเลเซอร์ในกลุ่ม Q-Switched มี 3 ชนิด แต่ละชนิดมีความยาวคลื่นที่แตกต่างกัน ยิ่งมีความยาวคลื่นมากเท่าไหร่ก็จะสามารถส่งผลต่อเม็ดสีในชั้นผิวได้ลึกเท่านั้น
5. Picosecond Laser
เทคโนโลยีที่พัฒนาให้ดีขึ้นจากเลเซอร์ Q-Switched โดยปล่อยพลังงานสูงในระยะเวลาที่สั้นกว่าและเร็วกว่า Q-Switched ถึง 10 เท่า ส่งผลให้เม็ดสีแตกตัวได้ดีกว่า เหมาะสำหรับกำจัดจุดด่างดำ ฝ้า กระ แก้ปัญหาผิว หลุมสิว ริ้วรอย จุดด่างดำ รวมถึงลบรอยสักที่มีหลายสี ช่วยให้ผิวดูอ่อนเยาว์เรียบเนียน
6. IPL
เทคโนโลยีให้กำเนิดพลังงานแสงที่มีความเข้มข้นสูง มีคุณสมบัติในการทำงานแตกต่างจากเลเซอร์ มีการกระจายตัวเป็นวงกว้างได้มากกว่าเลเซอร์ทั่วไป ใช้รักษาปัญหาผิวได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นรอยคล้ำ ลดริ้วรอยเหี่ยวย่น รูขุมขนกว้าง กำจัดขน รวมถึงแก้ไขภาวะใบหน้าแดงอันเนื่องมาจากเส้นเลือดฝอยที่หน้ามีปริมาณมากผิดปกติ
เลเซอร์ช่วยแก้ไขปัญหาอย่างไร
- แก้ปัญหาริ้วรอย บริเวณรอบดวงตา ริมฝีปาก และหน้าผาก
- แก้ปัญหาจุดด่างดำ กระแดด หรือกระในผู้สูงอายุ
- แก้ปัญหาระดับสีผิวไม่สม่ำเสมอหรือผิวไม่เรียบเนียน
- แก้ปัญหาผิวไหม้จากแสงแดด
- แก้ปัญหาหลุมสิว รอยแผล อีสุกอีใส หรือแผลได้รับบาดเจ็บ
- แก้ปัญหาผิวหนังหย่อนคล้อย
- แก้ปัญหาการกำจัดขนและหนวดบนใบหน้า
- แก้ปัญหาการลบเลือนรอยสัก
การเตรียมตัวก่อนรับการเลเซอร์
- ชำระร่างกายให้สะอาดก่อนเข้ารับการรักษา ไม่ต้องทาครีมบำรุง เซรั่ม และน้ำหอมใด ๆ
- หลีกเลี่ยงไม่ให้ผิวหนังในบริเวณที่จะเข้ารับการรักษาโดนแสงแดดมากนัก และไม่ควรใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวให้ผิวสีแทนก่อนอย่างน้อย 2 สัปดาห์
- หมั่นทาครีมกันแดดอย่างสม่ำเสมอเมื่อออกจากบ้าน เพื่อไม่ให้แสงแดดทำร้ายผิว อาจทำให้รอยกระมีสีเข้มขึ้น
- หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ก่อให้เกิดความไวต่อแสง เช่น Hydroxy Acids, Benzoyl Peroxide, Retinol เป็นต้น เพราะอาจทำให้ผิวหนังมีความบอบบางและเกิดอาการอักเสบได้
- ปฏิบัติตามคู่มือก่อนเข้ารับการรักษาเลเซอร์จากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับประวัติการแพ้ยา
- หากมีการรับประทานยารักษาต่างๆ แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ก่อนเพื่อไม่ให้เกิดผลข้างเคียงอื่นๆ
วิธีดูแลผิวหลังทำเลเซอร์
1. ดูแลผิวตามที่แพทย์แนะนำ เนื่องจากปัญหาผิวหน้าของแต่ละคนไม่เหมือนกัน บางคนอาจมีแผล แสบ หรือปัญหาอื่นๆ หลังทำ แต่บางคนอาจไม่มี ดังนั้นควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ว่าควรดูแลผิวหน้าอย่างไร ทั้งการทาครีม การทานยา การล้างแผล หรืออื่นๆ
2. เมื่อครบ 24 ชั่วโมงหลังเข้ารับการทำเลเซอร์ ควรทำความสะอาดผิวหนังบริเวณที่ถูกยิงเลเซอร์วันละ 4 – 5 ครั้ง ลดการติดเชื้อ
3. หลีกเลี่ยงการออกแดด ควรหลีกเลี่ยงการออกแดดในช่วง 1 – 2 อาทิตย์แรก เพราะผิวหลังทำเลเซอร์ค่อนข้างบอบบาง อาจถูกแสงยูวีทำร้ายได้ง่าย
4. ไม่ควรปิดไฟเล่นโทรศัพท์มือถือ คอมพิวเตอร์ แล็ปท็อป หรือแท็บเล็ต เพื่อป้องกันไม่ให้ผิวถูกทำร้ายจากแสงสีฟ้าที่เป็นอันตรายต่อผิว
5. ควรทาครีมกันแดดช่วยปกป้องผิวเป็นประจำทุกวันทั้งวันที่ออกแดด และไม่ได้ออกแดด ควรเลือกใช้ครีมกันแดดสูตรอ่อนโยนที่มี SPF 30 หรือ SPF 50
6. ไม่แกะ บีบ หรือสครับผิวในช่วงหลังทำเลเซอร์ เพราะเป็นการรบกวนผิวหน้าและอาจทำให้ผิวเป็นจ้ำเลือดหรือระคายเคืองได้
7. ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวแบบเวชสำอาง หรือสูตรอ่อนโยนที่ปราศจากสารที่ก่อให้เกิดการแพ้ หรือการระคายเคือง เพราะหลังทำเลเซอร์อาจมีอาการหน้าลอกหรือหน้าแห้งได้ ควรใช้ครีมบำรุงผิวเพิ่มความชุ่มชื้นอยู่เสมอ
ทำไมต้องดูแลผิวหลังทำเลเซอร์
หลังการทำเลเซอร์เป็นช่วงที่ผิวแห้ง อ่อนแอและบอบบางมากที่สุด มีอาการแสบร้อน แดง และไวต่อแดดมากกว่าปกติ ดังนั้นผิวจำเป็นต้องได้รับการดูแลควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสแสงแดดให้มากที่สุด งดการทำให้ผิวระคายเคืองหรือแพ้ รวมถึงใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวแบบเวชสำอางหรือสูตรอ่อนโยน
- ALLIES OF SKIN Molecular Barrier Recovery Cream Balm เป็นดั่งชุดปฐมพยาบาลแก่ผิว เหมาะกับผิวที่ผ่านการทำทรีทเมนต์หรือหัตถการต่างๆ ทั้งเลเซอร์ การนวดหน้าด้วยลูกกลิ้ง และการใช้เคมีช่วยผลัดผิว
- CLARINS Calm-Essentiel Soothing Emulsion เนื้อสัมผัสแบบครีม อุดมไปด้วยน้ำมันดอกคามิลเลียออร์แกนิก ซึมซาบราวกับละลายเข้าสู่ผิว มอบความชุ่มชื้นอย่างเข้มข้น
- DERMALOGICA Calm Water Gel บรรเทาผิวจากความแห้งและให้ผิวสงบ ผสานการทำงานร่วมกันระหว่าง กรดไฮยาลูรอน ที่มีขนาดแตกต่างกัน 2 ขนาด จึงสามารถให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวได้ในทันที พร้อมปกป้องผิวมิให้สูญเสียความชุ่มชื้นเพื่อคงปริมาณน้ำหล่อเลี้ยงในผิว
- DR. BARBARA STURM Calming Serum เนื้อบางเบา มอบความชุ่มชื้นให้แก่ผิวแห้ง ผิวแพ้ง่าย และผิวที่มีการระคายเคือง ช่วยให้ผิวนุ่มชุ่มชื้น ปลอบประโลมผิวได้ทันทีที่ใช้
- DR. BRANDT SKINCARE Cool Biotic Prebiotic Redness Relief Cream ครีมบำรุงผิวหน้าสูตรลดอุณหภูมิผิว มอบความชุ่มชื้นล้ำลึกให้ผิวที่แห้งเป็นพิเศษ อีกทั้งยังล็อกความชุ่มชื้นให้ยาวนาน ให้ผิวนุ่มเนียนสุขภาพดี
- LA ROCHE-POSAY Cicaplast Baume B5 Soothing Repairing Balm บาล์มช่วยผ่อนคลายอาการระคายเคือง แสบผิว สามารถใช้กับผิวหลังทำทรีทเมนต์ ช่วยซ่อมแซมผิวที่เกิดจากผิวหนังชั้นนอกถูกทำลาย เช่น การทำทรีทเมนต์ ผสานส่วนผสมของเชียบัตเตอร์ และกลีเซอรีนที่่ช่วยให้ความชุ่มชื้น
- ORIGINS Dr. Andrew Weil for Origins Mega-Mushroom Relief & Resilience Soothing Cream ครีมเข้มข้นสูตรใหม่เสริมประสิทธิภาพจากเห็ด Chaga ที่ผ่านกระบวนการหมัก และเห็ด Coprinus อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระที่จะช่วยปกป้องผิวและมีคุณสมบัติในการต่อต้านอาการระคายเคือง
- PERRICONE MD Hyaluronic Intensive Hydrating Serum สูตร Triple Biotic Complex ช่วยคงสมดุลระดับไมโครไบโอมอย่างอ่อนโยนและมีประสิทธิภาพ ผสานคุณค่าจากกรดไฮยาลูรอน ช่วยบูสผิวให้ชุ่มชื้นอย่างเร่งด่วน
- SENSAI Comforting Barrier Mask ฟื้นฟูผิวขณะนอนหลับด้วยมาส์กสูตรอ่อนโยน โดยจะสร้างเกราะป้องกันผิวที่ช่วยปลอบประโลมผิว ป้องกันการระเหยของความชื้นและให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวในชั่วข้ามคืน
- SKINFIX Barrier+ Triple Lipid-Peptide Face Cream ครีมบำรุงผิวหน้าสูตรเข้มข้น มอบความชุ่มชื้นแก่ผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพทันทีและต่อเนื่อง ผิวจึงดูฉ่ำน้ำ เปล่งประกาย สดใสอย่างยาวนาน
CREDITS:
PHOTOS: COURTESY OF ALLIES OF SKIN, CLARINS, DERMALOGICA, DR.BARBARA STURM, DR. BRANDT, LA ROCHE-POSAY, ORIGINS, PERRICONE MD, SENSAI, SKINFIX
STOCK PHOTOS: Image by prostooleh on Freepik
GRAPHIC DESIGNER: Vanicha Limpanastitphon
สามารถติดตามคอนเทนต์อื่นๆ ที่น่าสนใจได้ ที่นี่