แฟนหนังไดโนเสาร์เตรียมตัวบุกโลกครีเทเชียส! Jurassic World : Dominion ภาคจบของหนังแฟรนไชนส์ Jurassic World เตรียมปล่อยตัวอย่างแรก ฉายปะหน้า Fast9 ในระบบ IMAX!
ใกล้เข้ามาทุกทีแล้วสำหรับบทสรุปของตำนานหนังแฟรนไชนส์ไดโนเสาร์อย่าง Jurasic World ที่สืบเนื่องมาจากหนังอมตะ Jurassic Park เรื่องราวของเหล่านักวิทยาศาสตร์และเศรษฐีที่ปลุกชีพสัตว์โลกล้านปีขึ้นมาเพื่อเพาะเลี้ยงและสร้างเป็นสวนสัตว์ไดโนเสาร์ แต่ทุกอย่างกำลังจะถึงความวินาศ เมื่อเหล่าสัตว์โลกล้านปี กำลังจะหนีจากเกาะออกมาสู่โลกภายนอกในภาพยนตร์ภาคใหม่ Jurassic World : Dominion — ยุคใหม่ไดโนเสาร์ครองโลก
โดยล่าสุดทางสตูดิโอก็ได้ปล่อยโปสเตอร์อย่างเป็นทางการ โดยเผยให้เราเห็นภาพของยุงตัวเดิมที่ทุกคนคุ้นเคยกำลังดูดเลือดจากเกล็ดผิวหนังของไดโนเสาร์ และหากลองสังเกตดูดี ๆ จะเห็นว่าที่ผิวหนังของไดโนเสาร์ มีเส้นขนอยู่ด้วย!
นับเป็นความแปลกใหม่ในจักรวาลภาพยนตร์จูราสสิคที่แฟนหนังต่างก็ฮือฮา เพราะที่ผ่านมาตลอดหลายภาค ทีมผู้สร้างก็เจอข้อถกเถียงเกี่ยวกับเรื่องรูปลักษณ์ของไดโนเสาร์ ที่มักจะมีหน้าตาและผิวหนังที่เกลี้ยงเกลาเป็นเกล็ด ซึ่งไม่สอดคล้องกับผลวิจัยและค้นพบใหม่ ๆ ทางบรรพชีวินวิทยา (Paleontology วิชาที่ศึกษาลักษณะรูปร่าง และความเป็นอยู่) ซึ่งทดลองและศึกษาฟอสซิลขนที่ค้นพบในช่วงสองทศวรรษที่ผ่านมา ว่าไดโนเสาร์หลาย ๆ พันธุ์มีขนบริเวณแผงหลัง บนหัว รวมทั้งขนอ่อนตามเนื้อตัว
โดยล่าสุดทีมผู้สร้างก็เผยข้อมูลออกมาว่า ในภาพยนตร์ในภาค Dominion จะเป็นครั้งแรกที่มีฉาก Flash Back ที่พาเราย้อนกลับไปยังโลกในยุคครีเทเชียส (Cretaceous) อันเป็นยุคต้นกำเนิดของภาพยนตร์ไตรภาคเรื่องนี้ ที่นอกจากเราจะได้เห็นเหล่าไดโนเสาร์มีขนแบบเรียล ๆ เรายังจะได้ย้อนกลับไปที่เจ้ายุงตัวเดิมที่ทุกคนคุ้นเคยใน Jurassic Park ซึ่งดื่มเลือดของไดโนเสาร์และถูกแช่ไว้ในอำพัน จนนำมาสู่การดึงเลือดจากยุงมาดัดแปลงพันธุกรรมนั่นเอง
ก็เรียกได้ว่าเป็นความพยายามที่จะแก้ไขให้ถูกต้อง เพราะภาพยนตร์ในจักรวาลจูราสสิคก็ถูกท้วงติงจากฝั่งนักวิชาการอยู่บ่อย ๆ ถึงข้อมูลที่ผิดเพี้ยนไป เช่นขนาดตัวของเจ้า เวโลซีแรปเตอร์ (Velociraptors) ซึ่งก็มีการพยายามปรับแก้ในภาคต่อ ๆ มา เช่นเดียวกับเรื่องขนบนเนื้อตัวไดโนเสาร์นี้ด้วย
นอกจากพัฒนาการด้านดีไซน์และรายละเอียด ในภาค Dominion ผู้ชมจะได้พบกับไดโนเสาร์สายพันธุ์ใหม่ที่ไม่เคยปรากฏในจักรวาลภาพยนตร์จูราสสิคมาก่อนถึง 7 สายพันธุ์ รวมถึงไดโนเสาร์ที่จะมาเป็นคู่ปรับหลักของเหล่าผู้รอดชีวิตในภาคนี้อย่าง ไจกาโนโทซอรัส (The Giganotosaurus) หนึ่งในไดโนเสาร์กินเนื้อที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลก รองจาก สไปโนซอรัส (Spinosaurus) และ คาร์คาโรดอนโทซอรัส (Carcharodontosaurus)
โดยเจ้าไจกาโนโทซอรัสนี้มีอายุอยู่ในช่วงกลางยุคครีเทเชียส หรือประมาณ 93-89 ล้านปีก่อน มีลักษณะเด่นคือการล่าเหยื่อแบบเป็นฝูงโดยใช้ฟันที่แหลมคมฉีกกัดเนื้อ เพื่อสร้างบาดแผลให้เหยื่อเสียเลือดมาก แต่ขึ้นชื่อว่าเป็นไดโนเสาร์ดัดแปลงพันธุกรรมใน Jurassic World ความดุร้ายที่ฝังอยู่ในสายเลือดก็ยิ่งทวีคูณ โดยผู้กำกับ โคลิน เทรวอร์โรว์ (Colin Trevorrow) ก็เคยพูดถึงเจ้าไจกาโนโทซอรัส ว่าจะเป็นหนึ่งในไดโนเสาร์ที่ร้ายกาจและเป็นหนึ่งในตัวดำเนินเรื่องหลักของภาคนี้เลย
นอกจากการปรากฏตัวของไดโนเสาร์สายพันธุ์ใหม่ที่น่าตื่นใจกว่าที่เคย เรายังจะได้เห็นการกลับมารวมตัวกันของเหล่านักวิทยาศาสตร์ จาก Jurassic Park อีกครั้ง หลังจาก เจฟฟ์ โกลด์บลุม (Jeff Goldblum) เคยมาปรากฏตัวในภาค Jurassic World : Fallen Empire มาแล้ว ในบทบาทของ ดร.เอียน มัลคอล์ม (Dr. Ian Malcolm) ผู้ให้ข้อมูลเรื่องการย้ายถิ่นฐานของเหล่าไดโนเสาร์จากเกาะที่ภูเขาไฟกำลังจะระเบิด
รวมทั้ง แซม นีล (Sam Neill) ในบทบาทของ ดร.อลัน แกรนต์ (Dr. Alan Grant) นักบรรพชีวินวิทยาผู้วิจัยฟอสซิล และ ลอร่า เดิร์น (Laura Dern) ในบทบาทของ ดร.เอลลี แซตเลอร์ (Dr. Ellie Sattler) นักบรรพพฤกษศาสตร์สาวผู้รอดชีวิตจากการโจมตีของเหล่าเวโลซีแรปเตอร์ ก็เป็นอีกสองตัวละครที่จะกลับมามีบทบาทหลักในภาคนี้ด้วย
งานนี้เหล่าแฟนไดโนเสาร์ก็คงต้องรอกันไปอีกอึดใจใหญ่ ๆ เพราะหลังจากเผชิญกับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของ Covid-19 ทำให้กำหนดฉายเดือนมิถุนายน 2021 นั้นถูกเลื่อนออกไปเป็นวันที่ 10 มิถุนายน 2022 แทน แต่ไม่ต้องเสียใจ เพราะ Universal Studio ก็ปลอบใจด้วยการเตรียมฉายพรีวิวของหนังเรื่องนี้ครั้งแรกในฐานะหนังที่ฉายปะหน้าภาพยนตร์เรื่อง F9 หรือ Fast and Furious 9 ที่กำลังจะเข้าฉายเร็ว ๆ นี้ โดยจะมีให้ชมบนระบบ IMAX ในหลาย ๆ ประเทศ รวมทั้งประเทศไทยเราด้วย!
ภาพยนตร์ในแฟรนไชนส์จูราสสิค เริ่มต้นตั้งแต่ปี 1993 ในภาคแรก จูราสสิค พาร์ค กำเนิดใหม่ไดโนเสาร์ (Jurassic Park) ภายใต้การกำกับภาพยนตร์ของ สตีเวน สปีลเบิร์ก (Steven Spielberg) ที่เล่าเรื่องราวบนเกาะทางอเมริกากลาง ซึ่งเป็นพื้นที่ทดลองเพาะพันธุ์สัตว์โลกล้านปีที่สูญพันธ์ไปแล้ว โดยมีเป้าหมายเพื่อพัฒนาและสร้างสวนสัตว์ไดโนเสาร์ แต่เรื่องวุ่นวายก็บังเกิด เมื่อระบบไฟฟ้าและมาตรการป้องกันความปลอดภัยเกิดหยุดทำงาน เหล่าผู้เยี่ยมชมและนักวิทยาศาสตร์ประจำเกาะ จึงต้องหนีตายจากเหล่าสัตว์ตัดต่อพันธุกรรมสุดกระหายเลือด
โดยภาคแรกของภาพยนตร์เรื่องนี้ประสบความสำเร็จอย่างสูงไปทั่วโลกด้วยรายได้กว่า 1,033 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ และเป็นจุดเริ่มของภาพยนตร์ภาคต่ออย่าง The Lost World และ Jurassic Park lll
รวมถึงไตรภาคชุดที่สองอย่าง Jurassic World และ Jurassic World Fallen Kingdom ซึ่งได้นักแสดงนำหนุ่ม คริส แพร็ตต์ (Chris Pratt) มารับบท โอเวน เกรดี้ (Owen Grady) นักฝึกแรปเตอร์คนสำคัญของสวนสัตว์ ที่ทำการฝึกเวโลซีแรปเตอร์ ที่เพาะพันธุ์ขึ้นในสวนสัตว์ โดยเขาจะยังคงแสดงนำใน Jurassic World ภาค Dominion ซึ่งเป็นเสมือนบทสรุปของเรื่องราวในจักรวาลไดโนเสาร์นี้อีกด้วย
CREDIT:
PHOTOS: COURTESY OF UNIVERSAL STUDIO
สามารถอ่านคอนเทนต์ภาพยนตร์อื่นๆ ที่น่าสนใจบน Padthai.co ได้ที่
- เปิดสวนสนุกแห่งโลกล้านปีอีกครั้งกับเกม Jurassic World Evolution 2 พร้อมเหล่าไดโนเสาร์หลายสายพันธุ์นอกเกาะ Isla Nublar ในปี 2021 !
- เตรียมคืนโรง ! Marvel Studios เผยรายชื่อหนังใหม่ใน Phase 4 ที่เตรียมเข้าฉายในโรงภาพยนตร์ พร้อมปล่อยตัวอย่างแรกของ Eternal หนังฮีโร่เรื่องใหม่ ที่ได้ โคลอี้ เจา แห่ง Nomadland นั่งแท่นกำกับ
- จากร้าน DVD เช่า สู่สตรีมมิ่งระดับโลก : ถอดรหัสความสำเร็จจากความเป็นมาของ Netflix
- เคาะแล้ว! Spider-Man No way Home ชื่อหนังไอ้แมงมุมภาคใหม่จากจักรวาล MCU ฉายสิ้นปี 2021
- GODZILLA SINGULAR POINT ปฐมบทใหม่กับการหวนคืนสู่ NETFLIX !
- อนิเมะพากย์ไทย 8 เรื่องเด็ด ดูได้แบบถูกลิขสิทธิ์ ! สนับสนุนแฮชแท็ก #คืนอาชีพให้นักพากย์